รีวิวหนัง Frankenstein | แฟรงเกนสไตน์ เวอร์ชันกีร์เยโม เดล โตโร
หนึ่งตัวละครในหนังและซีรีส์สยองขวัญที่ผู้คนทั่วโลกจดจำ คงหนีไม่พ้น แฟรงเกนสไตน์ มันกลายเป็นคาแรกเตอร์ที่ติดอยู่ในการ์ตูนบางเรื่องด้วยซ้ำ ก่อนจะขยายและปรับเปลี่ยนไปเรื่อย จนผู้คนแทบไม่ค่อยรับรู้ที่มาที่ไปจริงๆ กันแล้ว วันนี้ ผู้กำกับมือรางวัลออสการ์อย่าง กีร์เยโม เดล โตโร หยิบมันขึ้นมาบอกเล่าใหม่อีกครั้งในหนังเน็ตฟลิกซ์ที่ชื่อ ‘Frankenstein’ นั่นแหละครับ
คิดเห็นเช่นไรกับหนังสยองขวัญแฟนตาซีปนไซไฟเรื่องนี้?
หนังที่ดัดแปลงมาจากตำนานสุดคลาสิกของ Mary Shelley เรื่องนี้ เล่าถึงหมอผู้ปราชญ์เปรื่องอีโก้สูงที่สร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาจากซากศพ โดยใช้การบอกเล่าจากสองฟากฝั่ง เพื่อให้เราได้เห็นต่างมุมมอง ของทั้งผู้สร้าง และผู้ถูกสร้าง หนังเต็มไปด้วยบทสนทนาชวนขบคิด มีความสยองอยู่บ้าง แต่ก็เต็มไปด้วยเรื่องดราม่า มีกลิ่นของไซไฟปะปนและมีแฟนตาซีอยู่หน่อย บางครั้งบทก็อาจชวนฉงนเมื่อมันเกิดเส้นความจริงออกไปบ้างจนกระทบความรู้สึกเชื่อของคนดู
แต่เราก็ยังได้เห็นจินตนาการในแบบกีร์เยโม เดล โตโร ที่ไม่เหมือนใคร และการเล่าแบบสองฝั่ง ที่เรียงร้อยเรื่องแบบสลับไปมาแต่ไม่เวียนหัวเลย
เรื่องย่อหนัง ‘Frankenstein’
เรื่องราวการถือกำเนิดของสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า “สัตว์ประหลาด” เรื่องราวที่ย้อนไปไกลถึงคริสตศตวรรษที่ 18 เมื่อ วิกเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ (Oscar Isaac จากหนังเรื่อง ‘Ex Machina’ และซีรีส์ ‘MoonKnight’) ลูกชายของบารอนที่เป็นหมอ เติบโตขึ้นมาภายใต้การเลี้ยงดูที่เข้มงวดด้วยหวังจะให้เขากลายเป็นหมอเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ แต่วิกเตอร์กลับโตขึ้นมาด้วยความมุ่งหวังจะเอาชนะซึ่งความตาย เขาเฝ้าหมกมุ่นทดลองฟื้นคืนชีพมนุษย์ที่สิ้นลมหายใจไปแล้ว ให้กลับมามีลมหายใจอีกครั้ง
และอย่างที่เรารู้กัน ในที่สุด วิกเตอร์ก็ทำสำเร็จ เขาสร้าง ‘สิ่งนั้น’ ขึ้นมาจนได้ มันมีชีวิต พัฒนาจนมาสามารถคิดและพูดได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่สุดท้าย เรื่องราวต่างๆ ที่ถูกบอกเล่าจากวิกเตอร์ผู้สร้าง กับผู้ถูกสร้างจะแตกต่างกันตรงไหน เราจะได้รู้กันจากภาพยนตร์ทางเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้
รีวิวหนัง ‘วันนั้นของมาร์กาเร็ต’
ผลงานการเขียนบทและกำกับของผู้ชนะรางวัลออสการ์ กีเยร์โม เดล โตโร ที่หยิบตำนานที่คนรู้จักกันทั่วโลกมาบอกเล่ากันอีกครั้งในสไตล์และกลิ่นอายของตนเอง
บอกเล่าเรื่องราวที่สลับกันไปกันมา โดยเริ่มต้นในจุดที่ทั้งผู้สร้างและผู้ถูกสร้างต้องมาเจอกับเรือหลวงเดนมาร์กที่แล่นจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มุ่งหน้าไปสู่ขั้วโลกเหนือ ให้คนดูได้ฉงนใจว่า สิ่งที่มีร่างกายเหมือนมนุษย์สูงใหญ่นี้มันแข็งแกร่งมาก ยิงก็ไม่ตาย หล่นลงไปใต้น้ำแข็งก็ยังขึ้นมาได้ ว่าแต่ทำไมมันถึงต้องไล่ล่าวิกเตอร์เช่นนั้นด้วยเล่า
จากนั้นก็ค่อยกลับไปเล่ายังช่วงเวลาวัยเด็กของผู้สร้าง ให้คนดูได้รับรู้ภูมิหลังก่อนที่เขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นหมอสติเฟื่องผู้คิดจะฟื้นชีพคนตาย ซึ่งนั้นก็พาเราไปรู้จักกับผู้คนมากหน้าที่เข้ามาเกี่ยวพันอยู่ในชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็น
- ลีโอโพล แฟรงเกนสไตน์ (Charles Dance จากหนังเรื่อง ‘The First Omen’) พ่อของวิกเตอร์ที่เป็นทั้งบารอนและหมอผ่าตัด เขาเข้มงวดกับวิกเตอร์มากมาย คงหวังให้โตขึ้นเป็นหมอเหมือนกับตัวเอง
- วิลเลียม แฟรงเกนสไตน์ (Felix Kammerer) น้องชายของวิกเตอร์ผู้เป็นคนโปรดของแม่ เขาถูกตามตัวให้มาเป็นคนคุมงานสร้างห้องทดลองของพี่ชายในหอคอยริมหน้าผาติดทะเลแห่งนั้น
- เอลิซาเบธ (Mia Goth จากหนังเรื่อง ‘MaXXXine’) สาวสวยผู้ประสบความสำเร็จในโลกของการเงิน เธอเป็นหญิงที่วิกเตอร์มีใจให้ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคู่หมั้นของน้องชาย
- คุณฮาร์แลนเดอร์ (Christoph Waltz จากหนังเรื่อง ‘No Time To Die’) พ่อค้าอาวุธที่เป็นพ่อของเอลิซาเบธ และเป็นคนที่ออกทุนให้กับการทดลองของวิกเตอร์
- กัปตันแอนเดอร์สัน (Lars Mikkelsen) กัปตันของเรือหลวงเดนมาร์กผู้ที่พบเจอเขากับวิกเตอร์และ ‘สิ่งนั้น’ ระหว่างที่ติกแหง็กอยู่กลางทะเลที่เป็นน้ำแข็ง
- ชายชราตาบอด (David Bradley) ที่ให้ความอนุเคราะห์กับ ‘สิ่งนั้น’ และกลายเป็นมิตรภาพดี ๆ ที่เขาได้เจอะเจอ
มันเริ่มต้นด้วยการบอกเล่าเรื่องราวในด้านของวิกเตอร์ก่อน หนังพาเราไปค้นพบแรงจูงใจให้วิกเตอร์ที่โตขึ้นมากลายเป็บบารอนและหมอเหมือนพ่อ แต่เขากลับมองความตายเป็นสิ่งที่ท้าทาย และต้องการสร้างปาฏิหาริย์ ด้วยการทำการทดลองสร้างชีวิตขึ้นมาจากความตาย ก่อนจะถูกไล่ออกเพราะใคร ๆ ต่างมองว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย ตรงนี้ เราจะได้เห็นงานภาพที่สมจริงแต่น่าสยดสยอง การหั่น ตัด แปะ ศพ ในห้องทดลองอัน..เละเทะของวิกเตอร์บนหอคอยที่ถูกปรับปรุงมาเพื่อทำการทดลอง
กีเยร์โมไม่ลืมจะทำให้เราได้เห็นว่า การทดลองมันผ่านความล้มเหลวมาหลายหน ก่อนที่มันจะประสบความสำเร็จ
น่าเศร้าที่วิกเตอร์ผู้ทดลองสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายของมนุษย์และสมองของมนุษย์ ไม่ได้ตั้งชื่อให้มัน แต่สิ่งที่ไม่มีชื่อกลับมองว่าวิกเตอร์เป็นคนให้ชีวิต ไม่มีใครรู้ว่า เหตุใดสิ่งที่ตายไปแล้วจึงเกิดมีจิตวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือ วิกเตอร์ที่ถือว่าตนเป็นมนุษย์ กลับกระทำสิ่งเลวร้ายและป้ายความผิดให้กับสิ่งที่ตนสร้างซะอย่างนั้น
หนังเรื่องนี้ถือว่ายาวทีเดียว สองชั่วโมงครึ่ง คงเพราะส่วนหนึ่ง เก็บไว้เพื่อเล่าฝั่งของเจ้าสัตว์ประหลาด เขาเกิดมาได้เพียงไม่นาน หลังเกิดขึ้นมาในหอคอยของวิกเตอร์ น่าแปลกดีที่ร่างกายของเขานั้น แผลหายไว แต่กลับรู้สึกหนาว
บทหนังเวอร์ชันนี้ใส่แง่มุมอันหลากหลายแทรกเข้าในระหว่างบทสนทนา อย่างเช่น การทดลองที่แม้จะสำเร็จแล้ว แต่คนทำการทดลองกลับรู้สึกไร้จุดหมาย ไม่ต่างอะไรกับกัปตันที่ไม่ยอมพาลูกเรือกลับบ้านหลังสงครามจบ คงเพราะเขาเองก็รู้สึกไร้จุดหมายอยู่เช่นกัน
แถมมันยังตั้งคำถามถึงเส้นแบ่งของมนุษย์กับสัตว์ประหลาดที่มนุษย์ไม่เข้าใจ สิ่งที่แตกต่างแน่ๆ ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประหลาดก็คือ มนุษย์มีวันตายและหวาดกลัวอีกฝ่าย วิกเตอร์ได้ให้ชีวิตที่เขาไม่ได้ต้องการ แต่เขาก็ตายไม่ได้และต้องอยู่กับมันไป ซึ่งอาจน่าเศร้ายิ่งกว่าก็ว่าได้
อีกส่วนหนังให้มุมมองว่า สิ่งทดลองที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่มีชื่อเรียก แต่กลับถูกผู้สร้างเรียกมันว่า ‘สัตว์ประหลาด’ แท้จริงเขามีชีวิตจิตใจไม่ต่างอะไรกับเป็น ‘มนุษย์’ คนนึง เพียงแต่เขาเกิดมาได้ไม่นาน ยังเหมือนเด็กที่ไร้เดียงสาในร่างของชายสูงใหญ่ที่มีพละกำลังเกินมนุษย์แถมยังฟื้นฟูได้ว่องไวอีกต่างหาก หากแต่ผู้สร้างไม่เคยยอมรับเขา กลายเป็นเขาเองเสียอีกที่ยอมรับในสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อกัน หรือต่อสัตว์ป่าที่มาทำร้ายแกะของพวกเขา
ผกก. ใส่ชีวิตจิตใจของเรื่องราวที่ถูกขีดไปในทางสยองนำให้กลับเข้ามาสำรวจแง่มุมดราม่าให้มากขึ้น พร้อมโปรดักชั่นที่พาเราย้อนกลับไปไกลในยุคโกธิคอะไรประมาณนั้น ทั้งยังออกแบบตัวละคร The Creature ในแบบกีร์เยโมจริง ๆ และหลายช็อตที่เป็นภาพกว้าง ๆ สวยงามมากจนนึกว่าถ้ารับชมภาพจอใหญ่ในโรง มันจะเป็นยังไง คารวะเลย อีกผลงานดีที่ได้ชมในบ้านผ่าน Netflix เลยครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
| ชื่อภาพยนตร์ | Frankenstein / แฟรงเกนสไตน์ |
| กำกับ | Guillermo del Toro |
| เขียนบท | Guillermo del Toro, Mary Shelley |
| แสดงนำ | Oscar Isaac, Jacob Elordi, Christoph Waltz, Mia Goth, Felix Kammerer, Charles Dance, David Bradley, Lars Mikkelsen |
| แนว/ประเภท | ดราม่า, แฟนตาซี, สยองขวัญ, ไซไฟ |
| เรท | R |
| ความยาว | 149 นาที |
| ปี | 2025 |
| สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
| เข้าฉายในไทย | 7 พฤศจิกายน 2025 ทาง Netflix |
| ผลิต/จัดจำหน่าย | Bluegrass Films, Demilo Films, Double Dare You (DDY), Netflix |
คะแนนรีวิวหนัง แฟรงเกนสไตน์
พล็อตและบท - 8
การดำเนินเรื่อง - 7.5
การแสดง - 8
งานถ่ายภาพ โปรดักชั่น และเทคนิคพิเศษ - 9
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
8
Frankenstein
หนังที่ดัดแปลงมาจากนิทานสุดคลาสิกของ Mary Shelley เรื่องนี้ เล่าถึงหมอผู้ปราชญ์เปรื่องอีโก้สูงที่สร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาจากซากศพ โดยใช้การบอกเล่าจากสองฟากฝั่ง เพื่อให้เราได้เห็นต่างมุมมอง ของทั้งผู้สร้าง และผู้ถูกสร้าง หนังเต็มไปด้วยบทสนทนาชวนขบคิด มีความสยองอยู่บ้าง แต่ก็เต็มไปด้วยเรื่องดราม่า มีกลิ่นของไซไฟปะปนและมีแฟนตาซีอยู่หน่อย บางครั้งบทก็อาจชวนฉงนเมื่อมันเกิดเส้นความจริงออกไปบ้างจนกระทบความรู้สึกเชื่อของคนดู แต่เราก็ยังได้เห็นจินตนาการในแบบกีร์เยโม เดล โตโร ที่ไม่เหมือนใคร และการเล่าแบบสองฝั่ง ที่เรียงร้อยเรื่องแบบสลับไปมาแต่ไม่เวียนหัวเลย













