หลังเฝ้ารออย่างใจจดจ่อจนถึงวันที่มันออนไลน์หมดทั้งซีซัน ก็ได้เวลามานั่งเปิดดู ‘Moon Knight’ แบบต่อเนื่อง ซีรีส์ที่มีความยาวเพียง 6 ตอนใน 1 ซีซัน ที่จำเป็นต้องใช้เวลารอราว 1 เดือนเศษ บอกเล่าเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่แห่งดินแดนอียิปต์ผู้มีปัญหาหลายบุคลิก และนำแสดงโดย Oscar Isaac เรื่องนี้
หลังจากปล่อยภาพและคลิปกันออกมาโปรโมตตั้งแต่ก่อนเริ่มสตรีม ทางทีมงานก็พยายามเลี้ยงกระแสไปพร้อมๆ กับการสตรีมตอนใหม่ให้ได้เห็นอยู่ตลอด แต่เพราะความที่อยากติดตามแบบต่อเนื่องเลยทำให้ต้องรอคอยแบบนี้ ถึงเวลาเสียทีที่จะได้พบกับอัศวินจันทราผู้มีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร ซูเปอร์ฮีโร่ที่คนทั่วไปยังไม่เคยคุ้น บนดินแดนที่ผู้คนจดจำได้ถึงภาพลักษณ์ทั้งสิ่งก่อสร้างและอารยธรรม
แล้วเขาจะได้เข้าร่วมกับตัวอื่นมั้ย ต้องลองไปนั่งดูกันละ
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Moon Knight’
มันเป็นเรื่องราวของกระทาชายนายหนึ่ง นามของเขานั้นคือ สตีเวน แกรนต์ (Oscar Isaac จากหนังเรื่อง ‘Dune’, ‘Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker’ และ ‘Ex Machina’) คนที่ทำงานขายสินค้ากิฟต์ช็อปในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในอียิปต์ แม้มันจะเป็นงานที่เขาไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่ เพราะเขามองว่าตัวเองมีความรู้และคลั่งไคล้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อียิปต์มากมายจึงใคร่อยากจะเป็นไกด์เหลือเกิน
แท้จริงแล้วยังเป็นคนมีหลายบุคลิก เมื่อตัวตนอื่นของเขาตื่นขึ้นมา ตัวตนของสตีเว่นก็จะคล้ายจะหลับไหลไปชั่วคราว ทุกเช้า เขาตื่นขึ้นมาบนเตียงด้วยความรู้สึกเหมือนถูกสิบล้อชน แถมเขายังล่ามตัวเองไว้กับเตียงอีกต่างหาก อีกบุคลิกหรือตัวตนหนึ่งที่เขาอาจไม่รู้นั่นคือ เขาเป็นทหารรับจ้างนามว่า มาร์ก สเปกเตอร์
สตีเวนเริ่มรับรู้ถึงตัวตนอื่นของเขาที่เริ่มต้นด้วยการตื่นมาในสถานการณ์อันแปลกประหลาดพร้อมมีเสียงบางอย่างที่คอยสั่งเขาอยู่ตลอดเวลา ทั้งมันนำพาเขาไปพบกับตัวร้ายอย่าง อาร์เธอร์ แฮร์โรว์ (Ethan Hawke จากหนังเรื่อง ‘Tesla’, ‘The Magnificent Seven’ และ ‘Predestination’) ผู้ที่ต้องการสคารับที่เขาครอบครองอยู่ สคารับที่หน้าตาเหมือนกับแมลงทับ เป็นเครื่องมือที่จะพาอาร์เธอร์ไปหาอูชิบติของอัมมิต โบกี้แมนตัวแรกของอียิปต์ที่ตั้งตนตัดสินถูกผิดของคนทั้งโลก
ขณะเดียวกัน ตัวตนทั้งสองที่พูดคุยกันได้ก็ยังพาให้สตีเวนได้รู้ว่า แท้จริงแล้วมาร์กทำงานเป็นอวตารรับใช้คอนชู เทพแห่งดวงจันทร์ที่หน้าตาเหมือนซากนก ทำหน้าที่คุ้มครองผู้อ่อนแอ ปกป้องผู้เดินทางยามราตรี และมันยังนำพาให้เขาได้พบกับ เลย์ลา เอลฟูลี (May Calamawy จากซีรีส์เรื่อง ‘Ramy’) หญิงสาวนักขายของเก่าคนที่รู้ว่าตัวตนจริงๆ ของเขาคือมาร์ก
รีวิวซีรีส์ ‘Moon Knight’
มันเป็นซีรีส์ที่จะบอกเล่าได้แค่เพียงเรื่องราวในตอนสองตอนเท่านั้น หลังจากนั้น มันจะเริ่มเป็นสปอยล์ แต่ก็นะ ในเวลาเช่นนี้ที่ตอนที่ 6 ที่เป็นตอนสุดท้ายของซีซัน 1 ได้สตรีมออกไปแล้ว อาจพอจะพูดถึงเรื่องราวบางส่วนได้บ้าง ที่เหลือก็ให้คนอ่านได้ไปติดตามต่อเอาเองทาง Disney+
เริ่มเรื่องราวอันชวนสับสนสงสัยอยู่หน่อย เมื่อเขาตัดต่อโดยค่อยๆ ให้เราได้รู้จักกับสตีเวน แกรนต์ ก่อน ก่อนที่จะได้รู้จักกับ มาร์ก สเปกเตอร์ และก่อนจะได้รู้ว่าบุคลิกไหนกันแน่ที่เป็นตัวจริงดั้งเดิม และบุคลิกไหนกันแน่ที่ติดต่อโดยตรงกับเทพที่มีหน้าตาเป็นนกผีนามคอนชูในฐานะอวตารของเทพตนนั้น
อย่างน้อยสำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักกับซูเปอร์ฮีโร่ตัวนี้มาก่อน มันคือ บทแนะนำให้คุณได้รู้จักกับชายหนุ่มผู้มีพฤติกรรมทางจิตประเภทหลายบุคลิก ในซีรีส์อาจบอกเล่าเพียง สตีเวน แกรนต์ และมาร์ก สเปกเตอร์ แต่ความจริงแล้ว บุคลิกของเขาคงมีมากกว่านั้น ทั้งเดิมทีก็มีกำแพงกั้นแต่ละบุคลิกเอาไว้อยู่ แต่จู่ๆ กำแพงนั้นเกิดพังทลาย ทำให้สตีเวนสามารถสื่อสารกับมาร์กได้ แถมเมื่อพวกเขาจะเข้าสู่โหมดต่อสู้ก็จะมีชุดสูทที่จะทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มพูนขึ้น
แต่กลับกลายเป็นว่าชุดเกราะของสตีเวนดันต่างกับมาร์กซะนี่ ฝ่ายหนึ่งเงอะงะไม่รู้ต้องทำอะไร อีกฝ่ายก็พยายามเร่งเร้าขอให้ตนเป็นคนคุมร่าง ช่วงแรกก็อาจจะนัวเนียกันหน่อย เพราะสตีเวนค่อนข้างดื้อด้านพอสมควร
ถ้าพูดถึงตัวร้ายอย่างอาร์เธอร์ แฮร์โรว์นั้น เขามองว่า คอนชูลงทัณฑ์แต่ผู้ที่ทำผิดบาปแล้วซึ่งมันช้าไป เขาเชื่อในเทพีอัมมิตผู้ทำการพิพากษาก่อนที่คนชั่วจะลงมือ ความคิดที่แตกต่างสองด้านนี้ เคยถูกนำมาใช้อยู่หลายครั้งในพล็อตหนังทั่วไป หนัง/ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ก็หนีไม่พ้นต้องหยิบมาใช้เฉกเช่นกัน
สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ศึกษาเรื่องเทพแห่งอียิปต์นัก ผมก็มองว่าการที่มีสตีเวน แกรนต์ ก็เหมือนจะช่วยให้คนดูอย่างเราๆ ได้รู้จักกับอัมมิตแบบง่ายๆ เมื่อเขาเรียกเธอว่า เทพีจระเข้ไฮบริด ใช่แล้ว หน้าตาของนางก็คือจระเข้ที่ยืนได้เหมือนมนุษย์นั่นแหละครับ
นอกจากนี้ ก็ยังมีเทพที่มีหน้าตาเป็นฮิปโป เธอคือ ทาเวเร็ต เทพีด้านดีที่จะมานำทางสู่ปรโลก เท่านั้นยังไม่พอ เรายังจะได้เห็นด้านในของปิรามิดต่างๆ ว่ามีการจัดห้องโถงกันแบบไหน ไม่ว่ามันตรงตามจริงหรือเปล่าก็เอาเถอะ
หลังจากซีรีส์พาเราไปรู้จักกับมูลเหตุที่อยู่เบื้องหลังการคิดปลดปล่อยเทพีอัมมิตของแฮร์โรว์ มันก็พาเราไปยังดินแดนอีกแห่งที่แรกๆ ก็ชวนให้สงสัยว่า อะไรคือความจริงเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ทุกอย่างเริ่มเข้าเค้าว่าคืออะไรหลังจากเปิดดูรอบสอง
แม้เรื่องราวจะเดินไปอย่างไม่หนักแน่นนัก บางส่วนก็อาจดูแหม่งๆ ไม่สมเหตุผล หากแต่ละตอนก็มีฉากแอคชันช่วนตื่นตาแทรกอยู่บ้าง ทว่าสิ่งที่น่าชื่นชมคงเป็นลีลาการแสดงของ Oscar Isaac ที่ต้องเล่นเป็นคนหลายบุคลิก พร้อมยังมีท่าทียียวนชวนฮาเบาๆ เอาไว้ด้วย ด้านดนตรีประกอบก็เช่นกัน พวกเขาพยายามจะทำดนตรีออกมาให้มีกลิ่นอายแบบอียิปต์เจืออยู่ ส่วนงานด้านโปรดักชันก็จัดได้ว่าไม่เลว พอๆ กับเทคนิคพิเศษต่างๆ ที่ถือว่าทำไว้ได้ดีไม่น้อย ดีกว่าซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่อีกหลายเรื่องด้วยซ้ำ
ฉะนั้น การถือกำเนิดของซูเปอร์ฮีโร่จากดินแดนอียิปต์จึงแฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง เขาเกิดขึ้นมาโดยไม่พึ่งพาตัวละครใดจริงๆ
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Moon Knight |
ผู้สร้าง | Doug Moench (ผู้เขียนบทซีรีส์ ‘Harley Quinn’ และ ‘Union Jack’) |
ผู้กำกับ | Mohamed Diab, Justin Benson, Aaron Moorhead |
นักแสดง | Oscar Isaac, May Calamawy, Ethan Hawke, F. Murray Abraham |
แนว/ประเภท | Action, Adventure, Drama, Fantasy, Horror, Sci-Fi |
จำนวนตอน | ซีซัน1 : 6 ตอน |
ช่องทางรับชม | Disney+ Hotstar |
เริ่มออกอากาศ | 30 มีนาคม – 4 พฤษภาคม 2022 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Marvel Studios |
Moon Knight
พล็อตและบท - 7
การดำเนินเรื่อง - 6.7
การแสดง - 7.8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.4
งานภาพและเทคนิคพิเศษ - 7.3
7.2
Moon Knight
ซีรีส์ทาง Disney+ ที่เปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่ ผู้มาพร้อมกับอาการหลายบุคลิก ชายหนุ่มผู้รับใช้เทพคอนชูผู้คุ้มครองผู้อ่อนแอ Oscar Isaac เล่นดี ทุ่มสุดตัวเล่นเป็นคนสองบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรื่องราวที่ชวนสับสนและสงสัย ก่อนคลี่คลายปมในช่วงหลัง เล่าถึงเทพอียิปต์หลายตน ดนตรีประกอบก็เข้าที ซีจีก็โอเค เป็น 6 ตอนที่ต้องดูต่อเนื่องและอาจต้องสองหน