รีวิวซีรีส์ Cabinet of Curiosities | ตู้ลับสุดหลอน ของ กีเยร์โม เดล โตโร

ช่วงเทศกาลฮาโลวีนของทุกปี แต่ละค่ายหนังและบริการสตรีมมิ่งต่างก็จัดคอนเทนต์แนวสยองขวัญมาฉายสั่นประสาทผู้ชมกันเป็นทิวแถว ปีนี้ เราอาจไม่ได้นั่งจัดคอนเทนต์แนวฮาโลวีนมาฝากกัน แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะหยิบเอาซีรีส์แนวหลอนๆ จากผู้กำกับชายเลื่องชื่ออย่าง กีเยร์โม เดล โตโร มาเขียนถึงกันนะ ผมกำลังหมายถึงซีรีส์ 8 ตอนใน Netflix อย่าง ‘Guillermo del Toro’s Cabinet of Curiosities’ ไงล่ะครับ

ซีรีส์เรื่องนี้มีชื่อไทยว่า ‘กีเยร์โม เดล โตโร: ตู้ลับสุดหลอน’ ที่ผู้มาบอกเล่าคือกีเยร์โมเองนั่นแหละ เขาเป็นทั้งผู้สร้าง และมีผู้เล่าเรื่อง ทุกเรื่องกำกับโดยคนอื่นทั้งหมด ซีรีส์ทั้งแปดล้วนจบในตอน ไม่จำเป็นต้องดูต่อเนื่อง เป็นซีรีส์ที่ไม่ต้องรีบดูรวดเดียวก็ได้ เพราะบางตอน เมื่อดูจบแล้วก็ไม่ไหวจะดูต่อ ต้องพักสักระยะหนึ่ง ค่อยไปต่อในตอนถัดไป

เอาล่ะ ถึงเวลาที่จะมาเล่าเรื่องตู้หลอนของกีเยร์โมกันแล้ว…

‘Cabinet of Curiosities’ มันเกี่ยวกับอะไร

“ลองนึกภาพจิตใจของคุณเป็นตู้ใบหนึ่ง ที่ที่คุณเก็บความคิดที่มืดมนที่สุดและความกลัวที่ลึกที่สุดไว้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณเปิดตู้นั้นให้คนทั้งโลกได้เห็น และเรากำลังจะได้รู้…”

มันเป็นคำพูดของ กีเยร์โม เดล โตโร ผู้กำกับสุดล้ำจินตนาการที่จะมาพบกันคุณในช่วงเริ่มแรกของทุกตอน เขาคือผู้ที่จะเปิดตู้หลอน และคอยบอกเล่าเรื่องราวสุดสยองทั้งแปดเรื่องให้คนได้หลอนขนหัวลุกไปพร้อมๆ กัน

รีวิวซีรีส์ ‘Cabinet of Curiosities’

เรื่องเล่าสุดขนหัวลุกทั้งแปดนั้น บอกเล่าด้วยไอเดียที่แตกต่างกัน คนละที่ คนละเวลากัน ถูกนำลงในบริการของเน็ตฟลิกซ์ทีละวัน วันละ 2 ตอน เริ่มตั้งแต่ 25 ตุลาคม จนไปถึง 28 ตุลาคม 2022 บางเรื่องก็อาจจะมีนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาปรากฏอยู่ด้วย แต่ละเรื่อง เอาเป็นว่า เราจะลองเล่าไปทีละตอนแบบไม่สปอยล์ก็แล้วกัน

ตู้หมายเลข 36 / Lot 36

บางคนเก็บความทรงจำไว้ในตู้เก็บของ แต่บางคนก็เก็บ ‘บางสิ่ง’ ไว้ในจนวันหนึ่ง เขาก็ตายไป ร้านเช่าห้องเก็บของแห่งหนึ่งที่เห็นว่าเจ้าของตายลง จึงนำมาออกมาประมูล ใครได้มันไปก็จะเป็นเจ้าของห้องเก็บของหมายเลขนั้น แต่ไม่มีใครรู้ว่าห้องเก่าๆ ห้องนี้เก็บอะไรที่สุดสยองเอาไว้ในนั้น

เรื่องแรกนี้ มีความยาวเพียง 46 นาที แต่ก็เล่าเรื่องไม่เร็วนัก ก่อนที่จะได้พบกับความสยองในช่วงท้าย ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นดูจะมีเพียงดีไซน์ของอสูรกายในห้องนั้น

หนูในสุสาน / Graveyard Rats

ตอนแรกว่าสั้นแล้ว ตอนที่สองกลับสั้นกว่า ตอนนี้ยาวเพียง 38 นาที รวมเครดิตปิดท้าย ตัวเอกในตอนนี้ก็ยังคงเป็นคนที่มุ่งหวังในทรัพย์สินเงินทอง ครั้งนี้เป็นเรื่องของชายผู้ดูแลสุสานที่ต้องการขโมยทรัพย์สินจากศพไปเพื่อใช้หนี้หรืออะไรสักอย่าง แต่เขาก็กลับพบว่า ศพนั้นถูกหนูขโมยไปอีกที จากนั้นก็กลายเป็นการยื้อแย่งระหว่างหนูกับคน เป็นตอนที่ได้แค่ลุ้น แต่ถ้าใครกลัวหนูก็พิจารณาเอาเองละกันนะ

ชันสูตรศพ / Autospy

เล่าเรื่องของ คาร์ล หมอนิติเวชที่ถูกเรียกตัวไปชันสูตรศพที่ตายอย่างปริศนาในเหมืองแห่งหนึ่ง ศพทั้งสิบมีลักษณะประหลาดเพราะมันแห้งไม่เหลือเลือดอยู่เลย และน่าจะเล่าได้แค่นี้ เอาเข้าจริง กีเยร์โมก็แอบสปอยล์ไปนิดๆ ตั้งแต่ก่อนเริ่มเรื่องแล้ว

ตอนนี้ คงเป็นตอนที่คนดูอาจรู้สึกว่ายาวนานที่สุด เริ่มต้นมันก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากเล่าสลับเวลาไปมา ก่อนที่คนดูจะเริ่มปะติดปะต่อกันจนรู้เรื่อง และนำไปสู่ฉากชันสูตรผ่าศพที่ชวนหวาดเสียว กับฉากที่โคตรโหด ทรมานจิตใจ เป็นไปได้ก็ควรดูตอนท้องว่างๆ

รูปลักษณ์ภายนอก / The Outside

เล่าเรื่องของสเตซี่ หญิงสาวที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวก แม้จะเธอจะทำงานเก่งและมีข้อดีหลายอย่างอย่างที่สามีตำรวจของเธอพร่ำบอกทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เคยหยิบมาใส่ใจ ความต้องการสวยในแบบของเธอและการเสพทีวีทุกวัน รวมทั้งการที่เธอได้รู้จักกับโลชั่นที่เขาว่าดีที่สุดในโลก ผลข้างเคียงค่อนข้างน่าสยอง แถมมันยิ่งทำให้เธอห่างไกลจากสามีออกไปทุกที

เป็นตอนที่เดินเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อและอืดอาด แม้จะแสดงให้เห็นว่า พวกเธอลุ่มหลงต้องการความสวยงามยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ก็ยังรู้สึกว่าชอบมันน้อยกว่าตอนอื่นๆ อยู่ดี

นางแบบของพิคแมน / Pickman’s Model

คราวนี้หันมาเล่าเรื่องราวของปีศาจในภาพวาดกันบ้าง เรื่องของนักเรียนศิลปะหนุ่มที่เคยเป็นดาวเด่นในสถาบัน จนวันที่เขาได้พบกับพิคแมน จิตรกรหน้าใหม่ที่สูงวัยกว่าผู้ที่ชอบวาดภาพแนวปีศาจ จากวันนั้น ชีวิตของเขาก็เริ่มเปลี่ยนและแปลกไป แถมนับวันก็ยิ่งจะเลวร้ายขึ้นทุกที จนไม่รู้จะหาทางออกยังไงให้หลุดพ้นปีศาจเหล่านี้เสียที

เป็นตอนที่ชวนรู้สึกลึกลับและหลอนน่ากลัวมากตอนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แถมมีฉากที่ชวนหวาดเสียวมากๆ ปนอยู่ด้วย มีช็อต jump scare ประปราย เรียกได้ว่ามีลูกเล่นหลายอย่างที่ทำให้การเล่าดูกลมกล่อมดี..ว่างั้น

ความฝันในบ้านแม่มด / Dreams in the Witch House

เรื่องนี้มีคนหน้าคุ้นมาร่วมแสดง Rupert Grint ผู้ที่เล่นเป็นรอนในภาพยนตร์จากหนังสือดัง ‘Harry Potter’ ที่คราวมาเล่นเป็นชายหนุ่มผู้ที่เคยสูญเสียน้องสาวฝาแฝดไป แถมเขายังเคยมองเห็นร่างที่เป็นวิญญาณของน้องสาวตัวเอง ด้วยประสบการณ์ที่เจอกับตัวเอง ทำให้เขาเชื่อผีและค้นหามาตลอดถึงวิธีที่จะติดต่อกับวิญญาณ เขาเข้าชมรมคนเชื่อเรื่องผีจนในที่สุด เขาก็ได้ไปพักในบ้านแม่มดด้วยหวังจะบุกไปยังโลกต่างมิติ

โดยส่วนตัวรู้สึกว่ามันแฟนตาซีในระดับเดียวกับพ่อมดแฮร์รี่นะ คือมันไม่ได้ชวนรู้สึกน่ากลัว มีความดาร์กในระดับแตะๆ ให้ลุ้นกันไปว่า เอ..จะจบยังไงหว่า

การร่วมชม / The Viewing

ตอนนี้ดูจะใช้สีสันจัดจ้านที่เน้นไปทางสีส้มมากอยู่สักหน่อย เรื่องมันมีอยู่ว่า มหาเศรษฐีรายหนึ่งส่งการ์ดเชิญชวนคนแปลกหน้า 4 คนมาเยี่ยมชมบ้าน ผสมผสานด้วยเสียงดนตรีสังเคราะห์กับเรื่องราวที่เดินไปอย่างเชื่องช้า มีสิ่งเสพติดเข้ามาก่อนชักพาไปกับสิ่งแปลกประหลาดที่พาสยองได้พอประมาณ ดีไซน์สัตว์ประหลาดมาได้เจ๋งดี ก่อนจะจบไปอย่างค้างคาและทิ้งบางอย่างไว้ให้จินตนาการต่อ

ฝูงนก / The Murmuring

มาถึงตอนสุดท้ายแล้วนะ คราวนี้เป็นกิลเยร์โมเองที่เขียนเค้าโครงเรื่องเอาไว้ให้อีกคนเขียนบทและอีกคนกำกับ เป็นเรื่องของคู่รักนักปักษีวิทยาที่ทุกข์ระทมกับความสูญเสีย พวกเขาเดินทางไปยังเกาะแห่งหนึ่ง พักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่งเพื่อดูนก/ทดลองกล้องถ่ายภาพนก พร้อมกันนั้น ฝ่ายภรรยาที่นอนไม่หลับมานานก็พบเจอเหตุผีสิงในบ้านหลังนั้น เรื่องราวที่สลับกันไประหว่างภาพของนกที่โผบินจัดระเบียบอย่างสวยงาม และการเยียวยาจิตใจของสองสามีภรรยาคู่นี้ ลงเอยได้จับจิตจับใจยิ่งนัก

เป็นซีรีส์เล่าเรื่องสยองขวัญที่ดูไปทีละตอน 2 ตอน มีทั้งที่ชอบและที่เฉยๆ แม้แต่ละตอนจะมีจุดดีของมัน แต่บางตอนก็เรียกได้ว่า ต้องฝืนดูจนกว่ามันจะจบ แต่เพราะความไม่รีบไม่ร้อนนี่แหละ เลยใช้เวลาไปหลายวันอยู่กว่าจะกลายมาเป็นบทความรีวิวบทนี้ได้

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์