รีวิวหนัง Karate Kid Legends ผนึกพลังตำนานนักสู้ | กังฟู+คาราเต้ บันเทิงขนาดย่อม

อาจมีบางคนที่ติดตามหนังคาราเต้คิดมาตั้งแต่ปี 1984 ไม่ก็เพิ่งมาดูตามหลัง และต่อมามันก็มีซีรีส์แนวคาราเต้อย่าง ‘คอบร้า ไค’ ที่โด่งดังจนสร้างมาถึง 6 ซีซัน มันคงถึงเวลาสานต่อ จึงมีการสร้างภาคใหม่อย่าง ‘Karate Kid Legends‘ หรือชื่อไทย ‘คาราเต้ คิด ผนึกพลังตำนานนักสู้‘ ขึ้นมา พร้อมกับพาสองตำนานให้กลับมาเจอกัน

คิดเห็นเช่นไรกับหนังคาราเต้คิดภาคนี้?

มันคงเป็นหนังคาราเต้คิดภาคแรกเลยมั้งที่ได้ดูในโรง มันพาเราไปพบกับเจ้าหนุ่มกังฟูคนใหม่ เบน หวัง ที่ย้ายจากปักกิ่งไปอยู่นิวยอร์ก แต่ก็ไม่วายต้องเข้าร่วมการแข่งขัน แต่คราวนี้มันเป็นคาราเต้ แถมคู่ต่อสู้ก็เก่งและโหด เลยต้องได้วิชาทั้งจากทั้งสองศาสตร์ ชอบที่มันอ้างอิงภาคเก่า พร้อมเล่าเรื่องของเจ้าหนุ่มกังฟูยุคใหม่ ชอบที่มันผสมผสานคาราเต้กับกังฟู พร้อมเล่าแทรกมุกที่พาขำได้ตลอด พาคนดูไปเจอตัวละครเก่า ๆ ที่ถือเป็นการเซอร์วิสแฟนหนัง

ด้วยความยาวชั่วโมงครึ่ง หนังภาคนี้จึงเป็นความบันเทิงขนาดย่อมสไตล์หนังกีฬา+ครอบครัว

เรื่องย่อหนัง ‘Karate Kid Legends’

มันเป็นเรื่อง หลี่ฟง (Ben Wang จากซีรีส์ ‘American Born Chinese’) เด็กหนุ่มที่ร่ำเรียนกังฟูในสำนักของอาจารย์ฮาน (Jackie Chan/เฉินหลง จากหนัง ‘Rush Hour’) มาจนเก่งในระดับหนึ่งละ แต่พอดีว่าเกิดเหตุสลดขึ้นกับครอบครัว เมื่อพี่ชายที่เขารักเสียชีวิตไปเพราะการต่อสู้ ทำให้เขากับแม่ (Ming-Na Wen จากซีรีส์ ‘Blue Eye Samurai’) จำเป็นต้องตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากปักกิ่ง ไปใช้ชีวิตใหม่ในมหานครนิวยอร์ก

แม้ว่าหลี่ฟงจะพยายามปล่อยวางทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง และปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่ใหม่ ๆ แต่ดูเหมือนความขัดแย้งยังคงเข้ามา ทั้งยังผลักให้เขากลับเข้าสู่วงจรของการต่อสู้ไม่ต่างจากเดิม เมื่อเขาได้พบกับโจ๋นักสู้ในนิวยอร์กที่ตามราวีไม่หยุดหย่อน จนในที่สุด เมื่อเขาจำต้องเข้าแข่งขันสุดยอดนักคาราเต้ จึงต้องพึ่งพาอาจารย์ฮาน แต่หนนี้ เขาต้องเก่งกว่านั้น จึงต้องผสานทักษะของกังฟูที่มีกับคาราเต้จากคาราเต้คิดในตำนานอย่าง แดเนียล ลารุสโซ (Ralph Macchio จากหนัง ‘The Karate Kid’) ให้มาช่วยถ่ายทอดทักษะคาราเต้เสริมให้นั่นเอง

รีวิวหนัง ‘คาราเต้ คิด ผนึกพลังตำนานนักสู้’

น่าจะเป็นหนังตระกูล คาราเต้ คิด เรื่องแรกเลยมั้งที่ได้ดูในโรงหนัง สิ่งที่ได้เห็นในภาคนี้ คือ การเริ่มต้นด้วยการแฟลชแบ็คให้ผู้ชมได้เจอกับเรื่องราวเก่า ๆ ที่บางคนอาจจะรู้สึกมันเลือนรางเหลือเกิน แต่เพราะมันเกี่ยวเนื่องมาถึงปัจจุบัน พร้อมกับทำให้คนดูที่ไม่ได้ตามหนังมาก่อนเลย สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ ใช่แล้ว มันสมควรจะหยิบกลับมาเล่าแหละครับ

หนังมีตัวละครเด็กหนุ่มนักกังฟู หลี่ฟง ที่ย้ายตัวเองกับแม่หนีความเลวร้ายจากปักกิ่ง ไปเจอสถานการณ์ที่ไม่แตกต่างเท่าไหร่ในนิวยอร์ก เขาได้เจอกับสาวน้อยร้านพิซซ่า มีอา (Sadie Stanley จากซีรีส์ ‘Cruel Summer’ และหนัง ‘Somewhere in Queens’) ที่มีพ่อเป็นอดีตนักมวยผู้ผันตัวมาทำพิซซ่าขาย แต่เพราะการเป็นหนี้ทำในสถานะของร้านดูร่อแร่ไม่พอ ยังโดนตามทวงหนี้จะหัวโจกขาใหญ่ที่ทำโรงยิมฝึกคาราเต้ และไป ๆ มา ๆ บทหนังก็พาเขากลับเข้าสู่สังเวียนการต่อสู้จนได้

แตกต่างแค่ครั้งนี้ เขาจะต้องเก่งกว่าแค่เชี่ยวชาญกังฟู ทำให้อาจารย์ฮานที่บินมาถึงที่ ต้องขอให้คาราเต้คิดในตำนานกลับมาช่วยสอนให้

สิ่งที่ดูแปลกใหม่และน่าจะเป็นจุดขายสำหรับภาคนี้ จึงเป็นการผสมผสานศิลปะการต่อสู้ระหว่างกังฟูและคาราเต้เข้าด้วยกัน ทำให้ เบน หวัง ผู้รับบทบาทหลี่ฟง ต้องฝึกฝนให้เป็นทั้งสองศาสตร์ และเขาก็ทำมันได้เป็นอย่างดี ฉากต่อสู้ในหนังภาคนี้เรียกว่าทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว

แต่หนังก็ยังดูเป็นสูตรสำเร็จ และตั้งแต่ทำออกมาให้เป็นหนังครอบครัวที่สามารถหยิบกลับมาดูซ้ำใหม่ได้ตลอดเวลา ส่วนหนึ่งคือ ไดอะล็อกที่แทรกมุกฮาเข้ามาได้เป็นระยะ สร้างเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้โดยตลอด สร้างอารมณ์ที่ดีในการดู

Taglines: When masters unite a new legacy begins.

นอกจากนี้ เท่าที่ดูยังพบว่าหนังเกลี่ยบทได้เก่ง ทุกคนในเรื่องมีซีนเป็นของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่อลัน (Wyatt Oleff จากหนัง ‘อิท โผล่จากนรก’ และ ‘Guardians of the Galaxy’) หนุ่มที่เข้ามาเพื่อเป็นติวเตอร์แต่กลับได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทของหลี่ฟงและมีอา เขาคนนี้ก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับทั้งโรงได้เป็นอย่างดี

ในด้านของฉากการต่อสู้นั้น นายแพทชื่นชอบช่วงฝึกฝนของหลี่ฟง การขึ้นไปฝึกบนดาดฟ้าโดยมีอาจารย์สองคนผู้ต่างมีวิชาและไอเดียที่แตกต่าง และเขาต้องฝึกให้เก่งทั้งคู่เพื่อหยิบเอาจุดเด่นของทั้งสองสองศาสตร์มาใช้เอาชนะคู่แข่ง มีบางช่วงที่ใช้สถานที่กรุงนิวยอร์กมาเล่นและเล่าเรื่อง ขณะที่ช่วงแข่งจริงก็ถือว่าสนุกไม่แพ้กัน

แต่มันก็ดูห้วนสั้น จนดูเหมือนจะเป็นหนังที่ให้ความบันเทิงขนาดย่อม ตามสไตล์หนังครอบครัว

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง