
วันแรกของงานมหกรรมของคนรักเสียงเพลงที่ได้กำเนิดเกิดขึ้นเป็นครั้งที่หกแล้วในครานี้ Cat Expo 6 คืองานที่ Cat Radio จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ปกตินั้นจะจัดกันขึ้นที่สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์อันเป็นสวนสนุกร้าง แต่ปีนี้ย้ายมาจัดที่สวนสยาม ชื่อเดิม ส่วน สยามอะเมซิ่งพาร์ก คือชื่อใหม่ โดยมีคำโปรยเอาไว้อย่างงดงามว่า
“เทศกาลดนตรีของคนเล็กๆ กับตลาดเพลงไทยใหญ่โตที่สุดในโลก กว่า 100 วงเล่น และอีกสารพัดเครื่องเล่นมันสุดเหวี่ยง”
งานนี้มีอะไรให้เล่าตั้งหลายอย่าง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเล่าได้ครบถ้วนหมดทุกอย่างหรือไม่หรอกนะ แต่ก็จะลองเล่าดู
เดินทาง
ด้วยความที่วันนี้คิดว่าจะไม่ขับรถไปงาน ด้วยเพราะไม่รู้สภาพพื้นที่และการจราจร จึงไปรวมตัวกันที่สยามสแควร์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เวลาเดินทางถูกเลื่อนไป และในที่สุดก็ไปถึงงานราวห้าโมงเย็น ยิ่งเข้าใกล้สวนสยามเท่าไร รถก็ยิ่งเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้าในที่สุดก็เสียค่าแท็กซี่ไปเกือบๆ 300 บาท บวกค่าทางด่วนไปอีกราว 60 บาท
บางทีก็ไม่รู้ว่าขับรถไปเอง (ซึ่งต้องรีบไปให้เร็วที่สุด) กับนั่งแท็กซี่ไป แบบไหนจะดีกว่ากัน
เที่ยวงาน
ด้วยความที่ไม่มีงบใดๆ ในการอุดหนุนเพื่อนพี่น้องในงาน จึงมิได้อุดหนุนวงไหน จ่ายเพียงค่าน้ำและอาหารเท่านั้น
เริ่มด้วยการเข้าแถวเข้างาน ตรวจเช็คกระเป๋า รับสายรัดข้อมือ แล้วก็เดินเข้างานไปเข้าแถวรับซีดี Cat Code น่าเสียดายที่ไม่ได้แผ่นพับ ไม่รู้เขารับกันตรงไหน
เพื่อนร่วมก๊วนนี้เป็นกลุ่มที่ติดตามไอดอล การเริ่มเที่ยวงานจึงเป็นการแวะแวะบูธเหล่าไอดอลและอดีตไอดอล ไม่ว่าจะเป็นบูธ แคน นายิกา, บูธ Fever เพื่อไปเจอกับน้องๆ และถ่ายรูปน้องปายที่ทั้งยกมือไหว้ทั้งเล่นกล้อง และตบท้ายด้วยบูธ Daisy Daisy
เมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่า มางานแคทจะมัวแต่แวะบูธไอดอลมิได้ จึงเริ่มเดินสายเที่ยวตามเวทีต่างๆ โดยไม่ได้วางแผนไว้ก่อนเลยว่าจะพบเจอกับวงไหนที่เวทีใด เดินเจอเวทีไหนก็ดูวงที่เล่นอยู่ตอนนั้นน่ะแหละ
เริ่มด้วยเวที 2 ที่อยู่ใกล้สุด เข้าไปก็พบว่ามันเวทีที่มีอัฐจรรย์ไล่ระดับ เหมาะกับการนั่งรับชมคอนเสิร์ตเป็นอย่างยิ่ง และวงที่เข้าไปเจอก็คือ Max Jenmana
คนเต็มฮอลล์ เลยไม่ได้เดินลงไป ได้แต่ถ่ายเก็บจากมุมไกลๆ เห็นมีห้องน้ำข้างในเลยเดินเข้าแล้วเดินทางสำรวจที่อื่นต่อ
เดินผ่านบูธต่างๆ จากศิลปินและค่ายต่างๆ เลยเก็บมาฝาก
เดินผ่านเวที 5 หยุดยืนดูและเก็บภาพไว้สักหน่อย วงนี้เล่นดีไม่เบา
จากนั้นก็เดินดูบูธต่อ ด้วยความที่ไม่มีแผนที่ติดตัว แถมยังดูแผนที่ที่ตั้งไว้เรียงรายทั่วงานไม่ค่อยจะเก็ทกับทิศเท่าไหร่นัก สรุปคือเดินมั่วไปเรื่อยเปื่อยครับท่าน
ผ่านไปที่เวที 1 ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นช่วงเริ่มโชว์ของ Moderndog (original lineup) ที่พาวงยุคเริ่มแรกมาเล่นเพลงเก่าๆ ให้ฟัง พื้นที่ขนาดใหญ่ คนดูกันเต็มพื้นที่ อากาศจึงร้อนอบอ้าว แม้จะพอมีช่องให้แทรกตัวไปอยู่ข้างหน้าได้บ้าง แต่สุดท้ายก็ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น
เหมือนเดิม ส่องบูธต่างๆ เช่นเคย
เดินไปเรื่อย ในที่สุดก็เจอเวที 3 ที่มีเสากรีกเป็นองค์ประกอบที่เด่นเป็นสง่า ใช้การยิงภาพไปตกกระทบเสาเพื่อสร้างวิชวลให้กับการแสดง ในช่วงนั้นเป็นทีของ Mattnimare วงที่เล่นกันได้แน่นดี
เวที 3 นับได้ว่าเป็นเวทีที่สวยมาก แต่เส้นทางในการเดินไปหานั้นต้องผ่านสะพานและต้องเดินแทรกตัวเข้าไปพอประมาณกว่าจะใกล้เวทีพอแก่ใจ
หันกลับออกมาเพื่อเดินเที่ยวบูธต่อ
หาน้ำหาอาหารประทังหิว ที่นี่ไม่มีข้าวให้กินหรือเราหาไม่เจอ จะกินบะหมี่คัพเห็นคนต่อคิวแล้วท้อใจ สุดท้ายมานั่งกินไก่ทอดในโซนเครื่องเล่นปลาหมึกซึ่งดูว่าคนพลุกพล่านน้อยที่สุดในงาน จากนั้นก็เดินกลับไปที่เวที 3 อีกครั้งพร้อมเดอะแก๊ง
เราได้ยินเสียงเพลงจาก Polycat ในตอนที่เรากำลังเดินไปเวที 3 เพื่อให้ทันโชว์ของ TEMP.
คนเริ่มเดินออกมา ทำให้เราแทรกตัวเข้าไปใกล้เวทีมากขึ้น จากวง TEMP. ก็ได้เวลาของโชว์ที่ต่อเนื่องของ Jan Chan ที่ขนทั้งเพลงของตัวเองและเพลงที่คัฟเวอร์มาฝาก
จากนั้นก็เป็นเวลาของวงไอดอลที่ผมชื่นชอบในเพลงของพวกเธอทุกเพลง และนี่เป็นการรับชมเพอร์ฟอร์แมนซ์แบบเต็มๆ สดๆ ครั้งแรกของผม พวกเธอคือ Fever กับการแสดงที่เต็มไปด้วยพลัง
จากนั้น ผมก็ยังไม่ไปไหน แทรกตัวลึกเข้าใกล้เวทีไปเรื่อยๆ คราวนี้เป็นทีของวงไอดอลอีกวง Daisy Daisy เป็นวงที่ได้ขึ้นเล่นในงานนี้เป็นครั้งแรก พกพาความสดใสและน่ารักขึ้นมาเต็มเวที
และต่อเนื่องกันไปกับไอดอลอีกวง Sweat16! ครั้งก่อนชุดดูทะมัดทะแมง แต่คราวนี้ชุดน่ารักขึ้นกว่าเดิม
อีกวงที่อยากจะดูเสียเหลือเกิน แต่เห็นมวลประชาที่มางานครั้งนี้แล้วคิดว่าควรจะกลับเสียดีกว่า จึงทำให้อดดู Telex Telexs ไปโดยปริยาย
เดินออกมานอกสวนสยาม ผู้คนมากมายขวักไขว่ รถราจอแจ รวมทั้งรถที่ออกมาจากลานจอดก็ติดแหง็กด้วย จะออกไปหน้าปากซอย มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็จัดราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ มาให้ ตัดสินใจเดินด้วยเท้าของตัวเอง ออกไปถึงจุดที่ตัดกับรามอินทรา ในที่สุดก็ต้องมาต่อรองกับแท็กซี่อีกหนจนได้กลับบ้านด้วยราคาที่จำเป็นต้องยินยอม
เราไม่รู้ว่าการจัดการรถรับส่งนั้นสร้างความพอใจกับผู้คนที่มาเที่ยวงานแค่ไหนเพราะไม่ได้ถาม เราไม่ได้ลองรับบริการนั้นดูเพราะตอนนั้นยังไม่ทันได้นั่งคิด
แต่อย่างน้อยเราก็ดีใจ ที่ได้มาอยู่ในบรรยากาศของมิวสิคเฟสติวัลแบบนี้อีกครั้ง เป็นงานที่ไปทุกปี แถมปีนี้ยังซื้อบัตร Codeรีบ มาตั้งแต่ 13 เมษายน 2562 สนนราคา 800 บาทเข้างานได้สองวัน และได้ซีดี Cat Code
พรุ่งนี้ยังคิดหนักจะวางแผนไปงานยังไงกันดี