รีวิวซีรีส์ Alien Earth | เมื่อเอเลี่ยนร่วงกระแทกนิวสยาม
ชาวโลกติดตามเรื่องราวของเอเลี่ยนตัวร้ายกันอย่างงอมแงมมายาวนานแล้วนะครับ หลังจากเป็นหนังภาคต่อมาตลอด ตอนนี้ มันได้โอกาสเป็นซีรีส์ที่ฉายทางทีวีกันซักที หนนี้ ใช้ชื่อว่า ‘Alien Earth’ ซีรีส์ที่ไม่มีชื่อไทย จะต้องเรียกยังไง ก็เรียกทับศัพท์ไปเลยสิครับ และเรื่องของมันก็เกิดขึ้นบนโลก โลกที่แตกต่างจากปัจจุบัน แต่คนสร้างดังเลือกใช้ไทยเป็นโลเกชันของมันครับ
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์เอเลี่ยนเรื่องนี้?
การรับชมซีรีส์เรื่องนี้ให้สนุกนั้น คงต้องพึ่งพาทีวีพร้อมระบบเสียงดี ๆ ความน่าสะพรึงที่ถูกบอกเล่าผ่านงานสร้างที่ทำได้อย่างดี เรื่องราวของยานสำรวจอวกาศห้วงลึกของเวย์แลนด์-เมทานิ ที่ตกลงบนดาวโลกในพื้นที่ของพรอดิจี ทำให้ตัวอย่างสัตว์ต่างดาวเล็ดรอดและถูกจับได้ แต่มันก็กลายเป็นความยุ่งเหยิง ต้นเหตุของมันคือความปรารถนาจะยิ่งใหญ่ จนทำให้เกิดการแย่งชิง จักรวาลเอเลี่ยนถูกขยายความในแบบซีรีส์ ค่อย ๆ ทวีความระทึกและสะเทือนขวัญแต่ต้องผ่านระบบเสียงสุดกระหึ่มเท่านั้นนะ
หนึ่งความภูมิใจก็คือ เราได้เห็นทัศนียภาพของเมืองไทยในคอนเทนต์ระดับโลก…อีกเรื่องแล้ว!
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Alien Earth’
ณ เกาะเนเวอร์แลนด์ ดาวเคราะห์โลกในปี 2120 มนุษย์ชนิดใหม่ได้ถูกคิดค้นและประดิษฐ์ขึ้นมา พวกเขาถูกเรียกว่า ซินธ์ ซึ่งคือร่างสังเคราะห์ที่ถูกถ่ายโอนความทรงจำของมนุษย์เข้าไป เทคโนโลยีนี้เป็นของพรอดิจี บริษัทเทคน้องใหม่ของหนุ่มมหาเศรษฐี บอย คาเวเลียร์ (Samuel Blenkin จากหนัง ‘Mickey 17’) และเวนดี้ (Sydney Chandler จากหนังเรื่อง ‘Don’t Worry Darling’ และซีรีส์ ‘Sugar’) ก็คือหนึ่งในซินธ์พวกนั้น
เวนดี้กับกลุ่มเพื่อนถูกส่งไปทำภารกิจช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในเหตุยานอวกาศขนาดใหญ่ที่ร่วงหล่นลงมากระแทกโลก ในเขตที่ชื่อ “นิวสยาม” ที่เป็นของพรอดิจี
เวนดี้ได้พบกับ โจ เฮอร์มิตต์ (Alex Lawther จากซีรีส์ ‘Andor’ และหนัง ‘The Imitation Game’) พี่ชายของเธอที่เป็นแพทย์สนาม และหาทางพาเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรอดิจีจนได้ สิ่งที่เวนดี้ไม่คาดคิดก็คือ นั่นเป็นยานของเวย์แลนด์-ยูทานิ ที่นำสัตว์ตัวอย่างที่เป็นชีวิตต่างดาวมายังโลก แต่คาเวเลียร์ต้องการจะครอบครองชีวิตพวกมัน
นี่คือจุดเริ่มต้นของเหล่าเอเลี่ยนบนดาวโลก!
รีวิวซีรีส์ ‘Alien Earth’
ในช่วงเวลาที่โลกถูกครอบครองโดยบริษัทไฮเทคทั้งห้า ที่ต่างก็พยายามแย่งชิงความเป็นใหญ่ แต่นั่นก็หมายความว่า พวกเขากำลังแย่งชิงทรัพยากร วิทยาการ และสิ่งทดลองของอีกฝ่ายด้วย
3 รูปแบบชีวิตอมตะ ไซบอร์ก ซินธ์ และไฮบริด
เอเลี่ยน ภาคซีรีส์หนนี้ พาเราไปเจอกับชีวิตอมตะ 3 รูปแบบ หนึ่งคือ ไซบอร์ก มนุษย์ที่เสริมด้วยเทคโนโลยีไซบอร์ก (Cybernatically enhanced humans) ซึ่งซีซันนี้มี คือ มอร์โรว์ (Babou Ceesay จากหนังเรื่อง ‘Rogue One: A Star Wars Story’) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนยานเมจิโนต์ผู้เคร่งครัดในภารกิจที่ได้รับมา นั่นคือ การคอยคุ้มกันการขนส่งสัตว์ทดลองลงมายังโลกอย่างปลอดภัย
รูปแบบที่สองคือ ซินธ์ สิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาประดิษฐ์ (Artificially Intelligent beings) และรูปแบบสุดท้าย ก็คือ ไฮบริด สิ่งมีชีวิตสังเคราะห์ที่ถูกอัปโหลดจิตสำนึกของมนุษย์ (Synthetic beings downloaded with human consciousness)
ในซีซันนี้ ดูตั้งใจจะเน้นเล่าเรื่องของซินธ์กับไซบอร์ก
พรอดิจี ผู้เล่นใหม่ ซินธ์ และ นิวสยาม ซิตี้ เมืองของเขา
ท่ามกลาง 4 บริษัทใหญ่ที่แบ่งกันครอบครองโลกนั้น เวย์แลนด์-ยูทานิ เป็นเจ้าของอเมริกาทั้งเหนือและใต้ ดาวอังคารกับดาวเสาร์ ส่วนไดนามิกเป็นเจ้าของดวงจันทร์ มีน้องใหม่นาม พรอดิจี (Prodigy) องค์กรธุรกิจที่ครอบครองโดยคาเวเลียร์ “เด็กอัจฉริยะ” เป็นเจ้าของ นิวสยาม ซิตี้ มีเกาะเนเวอร์แลนด์เป็นแล็บลับ และกำลังทดลองสร้าง “ซินธ์”
ซินธ์ คือร่างสังเคราะห์ที่ถูกโอนย้ายจิตสำนึก (หรือที่จริงก็คือข้อมูลความคิดและความทรงจำของมนุษย์ผู้นั้น) เข้าไป เป็นร่างเทียมที่ไม่มีเลือด ไม่มีหัวใจ ไม่ต้องขับถ่าย แต่มีความสามารถทางร่างกายระดับสูง เคลื่อนไหวว่องไว มีพละกำลังมาก แต่ข้อเสียก็คือ มันยังทำได้แค่เฉพาะเด็กเท่านั้น ทำให้ซินธ์รุ่นใหม่ แม้ร่างกายจะเป็นผู้ใหญ่แต่ความคิดจิตใจยังคงเป็นเด็ก
ท่ามกลางซินธ์ที่มีอยู่หลายคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของซินธ์รุ่นเก่า เวนดี้คือซินธ์ต้นแบบของพรอดิจี
เวย์แลนด์-เมทานิ ยานแมจิโนต์ และตัวอย่างสัตว์จากต่างดาว
บทของซีรีส์ซีซันแรกนี้ จะบอกเล่าสลับกันไปมาระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นบนยานแมจิโนต์ มนุษย์จะต้องเข้าไปนอนในแคปซูลแช่แข็งที่เรียกว่า ไคลโอ และยานลำนี้มีภารกิจขนสัตว์ทดลองต่างดาวมายังโลก ซึ่งมีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ด้วยกัน ไม่ได้มีแต่ซีโนมอร์ฟเท่านั้น มันยังมีสัตว์อื่น ๆ อย่างปลวกและแมลงวัน แล้วก็ยังบางสิ่งที่ดูเหมือนพืชพรรณแต่มีลักษณะของสัตว์รวมอยู่ด้วย
แต่ตัวที่น่าสนใจที่สุด คือ เจ้าลูกตา รูปร่างมันเหมือนหมึกตาเดียว เห็นตัวมันเล็กแบบนั้น แต่มันฉลาดมาก เคลื่อนไหวว่องไว หลอกล่อมนุษย์ให้ติดกับได้ ฆ่าสัตว์อื่นแล้วเอาตัวเองเข้าเป็นลูกตาแล้วควบคุมร่างกายได้เช่นกัน
ตัวอย่างสัตว์ทดลองพวกนี้นี่แหละที่พรอดิจีของคาเวเลียร์ต้องการ เมื่อยานตกลงบนพื้นที่นิวสยามของพรอดิจี พรอดิจีก็เลยอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของมันซะอย่างนั้น และฝ่ายเมทานิก็ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว
มนุษย์สังเคราะห์ที่เป็นเพียง “ทรัพย์สิน”
ตัวละครหลักในซีซันนี้ ก็เห็นจะเป็น เวนดี้ หุ่นต้นแบบราคาเป็นพันล้านของพรอดิจี เธอมีพี่ชายที่ยังเป็นมนุษย์ มีร่างเทียมที่แข็งแรงกว่ามนุษย์หลายเท่า แต่ปรารถนาที่จะออกไปการกักขัง ทั้งยังมีความสามารถในการสื่อสารกับซีโนมอร์ฟ
ซีรีส์ใส่ไอเดียของการมีตัวตนของสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์ การถ่ายโอนข้อมูลสมองไปในร่างสังเคราะห์ พวกเขานั้นถือเป็นมนุษย์จริงๆ หรือไม่ เวนดี้ยังถือเป็นน้องสาวของโจจริงใช่มั้ย หรือเธอยังเป็นแค่ทรัพย์สินของพรอจิดี ที่นี่ถูกเก็บข้อมูลภาพและดักฟังเสียงได้จากทุกที่
มันทำให้เรารู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นซินธ์ที่พรอจิดีทดลอง ก็ล้วนแต่เป็นทรัพย์สิน แม้จะมีจิตสำนึกแต่บริษัทก็ไม่ยอมให้ออกไปมีชีวิตของตนเอง เช่นเดียวกับสัตว์ต่างดาวพวกนี้ เวย์แลนด์ก็คงคิดว่า พวกมันคือสมบัติของตนเช่นกัน ก่อนจะรู้ว่า คิดผิดแล้ว ถ้าพวกมันเล็ดรอดออกไปได้ ก็อาจเกินควบคุมแล้ว
ความรู้สึกระหว่างดู ‘เอเลี่ยน: เอิร์ธ’
เอาเข้าจริง ผมดูในทีวีหนแรก 4 ตอนรวด สัมผัสได้ว่ามันค่อนข้างเนือย ไม่น่าตื่นเต้น จนพักไปแล้วกลับมาดูต่อในตอนที่ 5-7 นั่นแหละจึงรู้สึกว่าช่วงนี้ค่อยสนุกขึ้นมาแฮะ คงเพราะเรื่องมันชวนลุ้นระทึกมากขึ้นนั่นแหละ และเมื่อลองกลับไปดูตั้งแต่ต้นใหม่ผ่านโน้ตบุ๊ก อาจเพราะความรู้เรื่องแล้ว ก็ทำให้รู้สึกมันสนุกขึ้นมากเลยล่ะ
Taglines: In 2120, Mother Earth is expecting.
ทุกที ยานของเวย์แลนด์-เมทานิ มักจะมีหุ่นเอไอคอยควบคุมภารกิจโดยรับคำสั่งจากกัปตันอีกที แต่หนนี้ เขาเลือกใช้เป็นไซบอร์กแทน และช่วงท้าย ก็จะเป็นภาพของการดิ้นรนหลบหนีออกมาจากแล็บของเหล่าซินธ์ที่หลงเหลือ เช่นเดียวกับสัตว์ทดลองบางส่วน ไม่ต้องสปอยล์ก็รู้กันว่าเรื่องมันจะออกมาทำนองนี้
สิ่งที่เราคนไทยได้เห็นก็คือ มันถ่ายทำในประเทศไทยซะเกือบหมด เราจะได้เห็นกรุงเทพฯ ที่ถูกแต่งภาพเพิ่มเติมให้กลายเป็น “นิวสยาม”, พื้นที่ของเกาะเนเวอร์แลนด์ก็น่าจะใช้ทิวทัศน์ภาคใต้ที่ได้ข่าวว่าถ่ายที่สุราษฎร์ธานี พังงาและกระบี่ แม้แต่การถ่ายในสตูดิโอก็ยังถ่ายทำในประเทศไทย รวมทั้งนักแสดงประกอบบางคนก็ยังเป็นคนไทย
กลายเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง ที่อย่างน้อย “จักรวาลเอเลี่ยน” ก็มีทัศนียภาพเมืองไทยวางอยู่ในนั้น
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
| ชื่อซีรีส์ | FX’s Alien: Earth / เอเลี่ยน: เอิร์ธ |
| ผู้สร้าง | Noah Hawley |
| ผู้กำกับ | Dana Gonzales, Ugla Hauksdóttir, Noah Hawley |
| ผู้เขียนบท | Noah Hawley, Robert De Laurentiis, Bobak Esfarjani, Lisa Long, Maria Melnik, Migizi Pensoneau |
| นักแสดง | Sydney Chandler, Alex Lawther, Samuel Blenkin, Babou Ceesay, Adarsh Gourav, Essie Davis, Erana James, Jonathan Ajayi |
| แนว/ประเภท | ไซไฟ, ระทึกขวัญ, สยองขวัญ |
| จำนวนตอน | ซีซัน 1: 8 ตอน |
| ช่องทางรับชม | Disney+ Hotstar [ทั้งพากย์ไทย และ ซับไทย] |
| เริ่มออกอากาศ | 13 สิงหาคม – 24 กันยายน 2025 |
| ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | 20th Television, 26 Keys Productions, Brandywine Productions, FX Productions, Living Films, Scott Free Enterprises, Scott Free Productions |
คะแนนรีวิวซีรีส์ เอเลี่ยน: เอิร์ธ
พล็อตและบท - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 7.5
การแสดง - 7.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 8
งานถ่ายภาพ และเทคนิคพิเศษ - 8.5
7.8
Alien: Earth
การรับชมซีรีส์เรื่องนี้ให้สนุกนั้น คงต้องพึ่งพาทีวีพร้อมระบบเสียงดี ๆ ความน่าสะพรึงที่ถูกบอกเล่าผ่านงานสร้างที่ทำได้อย่างดี เรื่องราวของยานสำรวจอวกาศห้วงลึกของเวย์แลนด์-เมทานิ ที่ตกลงบนดาวโลกในพื้นที่ของพรอดิจี ทำให้ตัวอย่างสัตว์ต่างดาวเล็ดรอดและถูกจับได้ แต่มันก็กลายเป็นความยุ่งเหยิง ต้นเหตุของมันคือความปรารถนาจะยิ่งใหญ่ จนทำให้เกิดการแย่งชิง จักรวาลเอเลี่ยนถูกขยายความในแบบซีรีส์ ค่อย ๆ ทวีความระทึกและสะเทือนขวัญแต่ต้องผ่านระบบเสียงสุดกระหึ่มเท่านั้นนะ หนึ่งความภูมิใจก็คือ เราได้เห็นทัศนียภาพของเมืองไทยในคอนเทนต์ระดับโลก…อีกเรื่องแล้ว!













