
ภาพยนตร์ไซไฟเรื่องใหม่จากฝีมือของผู้กำกับ บงจุนโฮ ได้เดินทางมาถึงเมืองไทยแล้ว พร้อมกับเรื่องราวที่เล่าถึงโลกอนาคตของ ‘Mickey 17’ หรือชื่อไทย ‘มิกกี้ 17’ ชายหนุ่มผู้อยากหนีจากโลกจนถึงขั้นเซ็นสัญญาให้เขาใช้ร่างตัวเองไปเสี่ยงและตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนังไซไฟที่หยิบความจริงบนโลกมาขยี้ตามสไตล์หนังตลกร้ายของผู้กำกับชาวเกาหลีรายนี้
คิดเห็นเช่นไรกับหนังเรื่องนี้?
ในโลกของหนังบงจุนโฮเรื่องนี้ มนุษย์กำลังมองหาโลกใหม่ นักการเมืองผู้ล้มเหลวกลายเป็นผู้นำออกล่าอาณานิคมตั้งตนเป็นใหญ่ แต่ใช้มิกกี้เป็นใบเบิกบางสู่ความสำเร็จ โคลนมนุษย์ใช้แล้วทิ้งขึ้นมาเพื่อทำงานให้ เล่าเรื่องของมนุษย์ที่แม้ในวันใกล้ล่มสลาย พวกเขายังคงกระหายในอำนาจ โคลนนิ่งแล้วกดขี่ให้รับใช้อย่างไร้จริยธรรม ‘มิกกี้ 17’ เป็นหนังฟอร์มใหญ่ฉาย IMAX ที่ยังคงลายเซ็นความตลกร้ายจิกกัด หากแปลกหน่อยที่รู้สึกบันเทิงเพียงกลางๆ และมีช่วงท้ายที่ค่อนข้างตื่นใจ
หนังออกแบบเอเลี่ยนได้ฟูนุ่มน่ารัก ขณะเดียวกันก็อาศัยเสน่ห์ส่วนตัวของ โรเบิร์ต แพททินสัน พาคนดูยังอยู่กับหนัง
เรื่องย่อหนัง ‘Mickey 17’
เมื่อบนโลกมันน่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจสักอย่าง มิกกี้ บาร์นส์ (Robert Pattinson จากหนังเรื่อง ‘The Batman’) เลยเซ็นสัญญาเพื่อยอมจะเป็น “มนุษย์ใช้แล้วทิ้ง” และเพราะเขาไม่อ่านสัญญาให้ดี สุดท้ายเลยกลายเป็น “มนุษย์ใช้แล้วทิ้ง” ที่โดนใช้งานอย่างหนักไม่มีวันพักเลยเธอ นอกจากเขาจะได้ทำงานร่วมกันไปกับทิโม (Steven Yeun จากหนังเรื่อง ‘Nope’) แล้ว เขาก็ได้รับรู้ว่าตัวเองต้องทำงานให้กับ เคนเน็ท มาร์แชล (Mark Ruffalo จากหนังเรื่อง ‘Poor Things’) ส.ส.ที่ล้มเหลวแต่ต้องการสร้างอาณานิคมใหม่สำหรับมนุษยชาติ
ในทุกครั้งที่เขาตาย เขาจะถูกปรินต์ขึ้นมาใหม่ แถมยังบรรจุความทรงจำเก่าลงไปทั้งหมด สิ่งที่มิกกี้ได้รับการบอกเล่า คือทุกครั้งที่เขาตาย คนพวกนั้นจะได้รับข้อมูลใหม่ อันจะทำให้มนุษยชาติพัฒนาก้าวหน้าไปอีกชั้น และนี่ก็เป็นการตายครั้งที่ 17 ของเขาแล้วล่ะสิ
แต่มันก็ปรากฏว่า ร่างก่อนหน้าของเขาดันไม่ตาย เจ้าของสัญญาจะต้องกำจัดร่างซ้ำทิ้งให้หมด ว่าแต่ร่างไหนล่ะจะยอมให้ถูกกำจัด
รีวิวหนัง ‘มิกกี้ 17’
หลังจากผ่านการรับชมผลงานของผู้กำกับชาวเกาหลีใต้คนนี้ที่โลดแล่นอยู่ในฮอลลีวูดได้อย่างสมภาคภูมิ คนไทยคงได้คุ้นเคยกับหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ‘Memories of Murder’, หนังสัตว์ประหลาดอย่าง‘The Host’, ‘Mother’, หรือเสียดสีทุนนิยมอยย่าง ‘Snowpiercer’ และ ‘Okja’, มาจนสร้างปรากฏการณ์ด้วยการนำหนัง ‘Parasite’ คว้าออสการ์ ก่อนจะไปอำนวยการสร้างซีรีส์รถไฟด่วนอยู่พักหนึ่ง และก็ได้เวลามาพบกับ ‘Mickey 17’
ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่า หนังไซไฟของ บงจุนโฮ เรื่องนี้ต้องมีเนื้อหาที่เสียดสีอะไรสักอย่างแน่ ๆ และมันก็ใช่จริง ๆ นั่นแหละ
มันอาจเป็นหนังที่ไม่จำเป็นต้องดูตัวอย่างหรือรู้เรื่องย่อมาก่อนเลยก็ได้ (แต่ยังไง เราก็ยังจะเขียนเรื่องย่อเอาไว้ให้อยู่ดี) แต่หนังที่ฟอร์มยักษ์ขึ้น มันยังคงเป็นหนังไซไฟที่หยิบเรื่องราวในสังคมมาแทรกซึมไว้ตามสไลต์ของผู้กำกับคนนี้
เรื่องราวของโลกทุนนิยมที่ทำให้ระยะห่างระหว่างคนรวยและยากจนมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนเริ่มเป็นหนี้หนักข้อจนรู้สึกอยากหนีออกไปจากโลกนี้ และหนทางหนึ่งพระเอกเลือกก็คือการเซ็นสัญญาเป็น “มนุษย์ใช้แล้วทิ้ง” เพื่อจะได้ไปอยู่ในที่ห่างไกลจากโลกใบเดิม ๆ แต่สิ่งที่เขาต้องเจอก็คือ แต่ละภารกิจที่เขาต้องไปทำนั้นเสี่ยงตาย และทุกครั้งที่ตาย เขาก็จะถูกเครื่องมือล้ำหน้าปรินต์ร่างเขาออกมาใหม่พร้อมกับถ่ายทอดความทรงจำเก่าให้ และเขาก็จะตายซ้ำตายซากเพื่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติอยู่อย่างนั้น ถ้ามันไม่บังเอิญว่า ร่าง 17 ยังไม่ตาย แต่ทีมงานสร้างร่าง 18 มาแทนไว้แล้ว
สิ่งที่เรามองเห็นว่าหนังมันพูดถึง ก็คือ เรื่องจริยธรรมและการทำโคลนนิ่ง เพราะสิ่งที่มิกกี้เผชิญอยู่ มันคือการโคลนนิ่งมนุษย์ชัด ๆ และเมื่อการทำบนโลกมันผิดกฎหมาย เลยเลี่ยงบาลีไปกระทำกันนอกโลกแทนซะ แถมยังถูกกระทำแทบไม่ต่างจากสิ่งของ หนังจึงใส่มุมมองความคิดถึงการมีตัวตน มีสิทธิเหนือร่างกายตนเองของเหล่ามนุษย์โคลนเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ มันก็ยังคงสอดแทรกประเด็นทางการเมือง เล่าไปถึงพฤติกรรมของนักการเมือง ที่แม้จะล้มเหลวแต่ก็มักใหญ่ ตั้งตนเป็นผู้นำออกล่าอาณานิคมบุกเบิกดาวดวงใหม่ โดยใช้มิกกี้เป็นกำลังหลักและไม่ใยดี กดขี่คนไร้ทางเลือกเพราะเห็นว่าเป็นมนุษย์ใช้แล้วทิ้งนั่นแล
เอาเข้าจริงๆ แม้เราจะมองเห็นแง่มุมความเสียดสี ตลกร้าย และจิกกัดอำนาจนิยมในหนังเรื่องนี้ เหมือนที่เราเคยเห็นมาในหนังหลายเรื่องของ บงจุนโฮ หากนายแพทกลับบันเทิงกับมันได้เพียงกลางๆ ไม่มากเท่าบางเรื่องก่อนหน้า ส่วนหนึ่งอาจเพราะการกระจายประเด็นที่ไม่เป็นเอกภาพ กับการแสดงที่ล้นเล่นใหญ่ไม่ชวนอิน ความสนุกของหนังจึงโผล่มาในช่วงค่อนไปทางท้าย ที่ตรงนั้นมีทั้งลุ้นระทึก อึ้ง และตลกปะปนกัน
Taglines: He’s dying to save mankind.
หนึ่งจุดเด่นของหนังคือ การออกแบบตัวละครเอเลี่ยนที่เผิน ๆ อาจดูน่าเกลียดน่ากลัว แต่ดู ๆ ไปแล้วกลับรู้สึกฟูนุ่มน่ากอด กับอีกจุด คือเสน่ห์ของ Robert Pattinson ที่เล่นเป็นมิกกี้หลายตัวต่างคาแรกเตอร์ออกมาน่าสนใจ พาคนสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่าง มิกกี้ 17 และ 18 อย่างชัดเจน นอกจากนี้ เขายังได้เล่นร่วมกับ Naomi Ackie (จากหนัง ‘Blink Twice’) กับบทนาชา หญิงสาวที่มิกกี้หลงรักได้อย่างเข้าขา นอกนี้ก็ยังมี Anamaria Vartolomei (จากหนังเรื่อง ‘Happening’ และ ‘Traffic’) สาวโรมาเนียตาคมที่คาแรกเตอร์ไคของเธอสร้างความน่าสนใจได้ไม่หยุด
โดยรวมแล้ว หนังเรื่องนี้ของ บงจุนโฮ นำพาความตลกร้ายเสียดสีจิกกัดได้ไม่ต่างจากเรื่องก่อน หากไม่ถึงกับบันเทิงมากพอ แม้หนังดูจืด ๆ แต่ก็ได้เสน่ห์ของแพททินสันมาช่วยไว้ กับช่วงท้ายที่สนุกขึ้นมากครับผม
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Mickey 17 / มิกกี้ 17 |
กำกับ | Bong Joon Ho |
เขียนบท | Bong Joon Ho, Edward Ashton |
แสดงนำ | Robert Pattinson, Steven Yeun, Anamaria Vartolomei, Mark Ruffalo, Toni Collette, Naomi Ackie |
แนว/ประเภท | ผจญภัย, คอมเมดี้, แฟนตาซี, ไซไฟ |
เรท | R |
ความยาว | 137 นาที |
ปี | 2025 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 6 มีนาคม 2025 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Warner Bros., Plan B Entertainment, Offscreen |
คะแนนรีวิวหนัง มิิกกี้ 17
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 7.9
7.5
Mickey 17
ในโลกของหนังบงจุนโฮเรื่องนี้ มนุษย์กำลังมองหาโลกใหม่ นักการเมืองผู้ล้มเหลวกลายเป็นผู้นำออกล่าอาณานิคมตั้งตนเป็นใหญ่ แต่ใช้มิกกี้เป็นใบเบิกบางสู่ความสำเร็จ โคลนมนุษย์ใช้แล้วทิ้งขึ้นมาเพื่อทำงานให้ เล่าเรื่องของมนุษย์ที่แม้ในวันใกล้ล่มสลาย พวกเขายังคงกระหายในอำนาจ โคลนนิ่งแล้วกดขี่ให้รับใช้อย่างไร้จริยธรรม 'มิกกี้ 17' เป็นหนังฟอร์มใหญ่ฉาย IMAX ที่ยังคงลายเซ็นความตลกร้ายจิกกัด หากแปลกหน่อยที่รู้สึกบันเทิงเพียงกลางๆ และมีช่วงท้ายที่ค่อนข้างตื่นใจ หนังออกแบบเอเลี่ยนได้ฟูนุ่มน่ารัก ขณะเดียวกันก็อาศัยเสน่ห์ส่วนตัวของ โรเบิร์ต แพททินสัน พาคนดูยังอยู่กับหนัง