รีวิวซีรีส์ Twelve | ซูเปอร์ฮีโร่ที่อืดอาด กับการเดินเรื่องที่น่าเบื่อ
เมื่อได้ยินว่า จะมีซีรีส์เกาหลีแนวซูเปอร์ฮีโร่ออกฉายทางสตรีมมิ่ง เลยหูผึ่งเกิดความสนใจ ในที่สุด หลังเคลียร์ตัวเองจากซีรีส์เรื่องนั้นเรื่องนี้ได้ จึงถึงเวลาเข้าไปดู ‘Twelve’ ซีรีส์ที่ไม่มีชื่อไทยและฉายอยู่ใน Disney+ Hotstar ไม่เคยได้ฟังข่าวคราวฟีดแบ็กอะไร มาครบ 8 ตอนพอดี งั้นก็เริ่มดูมันเลยแล้วกัน
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้?
เรื่องราวของเหล่าเทวทูตที่ได้รับหน้าที่ปกป้องมนุษย์จากวิญญาร้าย หลังทุกอย่างกลับสู่ปกติ พวกเขาผนึกประตูนรกด้วยพลังของตน ตอนนี้เลยเป็นคนธรรมดา เมื่อวิญญาณร้ายหวนคืน พวกเขาก็เลยต้องกลับไปหาพลังนั้นอีกครั้ง พล็อตของซีรีส์ดูไม่มีอะไรมากนัก ปมขัดแย้งก็ยังดูบางเบา ตัวละครก็ทำอะไรชวนขัดใจตลอด แถมยังยึกยักเชื่องช้ากว่าจะทำอะไร การตัดต่อก็เช่นกัน ดูไม่สมกับเป็นซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่เลยสักนิดเดียว
ซีรีส์เลือกเดินเรื่องแบบสลับไทม์ไลน์ไปมา หวังสร้างความน่าสนใจ แต่กลับตัดต่อได้น่าเบื่อ เรื่องราวเดินช้า จนกลายเป็นความทรมานกว่าเรื่องจะจบ 8 ตอน
รู้จักกับตัวละครในซีรีส์ ‘Twelve’
ช่วงนี้ที่ปีศาจไม่ได้ครองโลกแล้ว ประตูนรกก็ได้ถูกปิดไปแล้ว เทวทูตจึงได้มาอยู่ในร่างมนุษย์ ปะปนกับมนุษย์ และไม่ได้มีพลังวิเศษเหมือนอย่างแต่ก่อน การอยู่กับมนุษย์มาหลายพันปี แปรเปลี่ยนบอสให้กลายเป็นพวกไม่สนการปกป้องมนุษย์อีก
บอสของพวกเทวทูตก็คือ แทซาน (Ma Dong Seok จากหนังเรื่อง ‘Badland Hunters’) พี่เบื้มลายเสือแห่งแองเจิ้ล แคปิตัล ผู้ประกอบการปล่อยเงินกู้แก่พวกอาชญากรที่เก็บเงินได้ครบมาเป็นร้อยปี แน่นอนว่า เขาจะต้องรวยมาก
ในองค์กรของเขามี ชวีดล (Sung Yoo Bin) หนุ่มผมทองที่มักทำหน้าที่ดูต้นทางให้ยามพี่น้องออกปฏิบัติการทวงหนี้ โดยที่แก๊งทวงเงิน ก็จะมีทั้งวอนซึง (Seo In Guk จากซีรีส์ ‘Death’s Game เกมท้าตาย’) หนุ่มมาดเซอร์, มัลซุก (Ahn Ji Hye จากซีรีส์ ‘Mine ธาตุแท้’) สาวผมยาว และ คังจี (Kang Mi Na จากซีรีส์ ‘Welcome to Samdal-ri’) สาวผมสั้นคนที่ชอบมนุษย์มากกว่าใครเพื่อน
นอกจากจะแก๊งทวงหนี้แล้ว บางส่วนทำงานอยู่ในคลีนิกแพทย์ตะวันออกแทซาน คนสำคัญก็คือ พังอุล (Regina Lei) มีพลังในการรักษา อาวุธคู่กายคือธนู พูดไม่ไ่ด้ แต่ดูคล้ายเธอจะใช้พลังจิตสื่อสารกับเพื่อน ๆ โดยมีโทนี (Ko Kyu Pil) หนุ่มอ้วนคอยช่วยเหลืออยู่ไม่ห่าง
แล้วก็ยังมีอีกคน เธอคือสาวสวยนามว่า มีรือ (Lee Joo Bin จากซีรีส์ ‘She Would Never Know’) ทำงานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี เธอแยกตัวออกมาอยู่เองราวสิบปี เป็นคนที่ยังพอจะมีพลังอยู่บ้าง เพราะมีทั้งลมปราณแถมมีนิมิตด้วย มีรือสนิทกับ มารก (Sung Dong Il) มารกทำงานเป็นตำรวจสายสืบ มีไม้เท้าวิเศษที่สามารถเรียกมันขึ้นมาใช้งานได้
พูดถึงตัวเอกไปแล้ว ก็ต้องมาพูดถึงฝ่ายตรงข้ามกับตัวเองบ้าง หลายพันปีพ้นผ่าน ในที่สุด ปุโรหิตที่หน้าเป็นแผลอย่าง ซามิน (Kim Chan Hyung) ก็ค้นพบและนำตัว โอกวี (Park Hyung Sik จากซีรีส์ ‘Doctor Slump หัวใจหมอไม่มอดไหม้’) จอมมารวิญญาณร้ายออกมาจากการถูกผนึกจองจำได้สำเร็จ ซามินหวังจะสานต่อภารกิจเปลี่ยนโลกเป็นนรกอีกครั้ง พร้อมกับมุ่งหวังจะกลายเป็นอมตะ พวกเขากำลังตามหาหินวิญญาณเพื่อจะใช้พลังของมันทำภารกิจให้เป็นจริง
รีวิวซีรีส์ ‘Twelve’
คงต้องบอกว่า ก่อนจะเปิดเข้ามาดู ไม่ได้ฟังฟีดแบ็กจากช่องทางใดเลย เปิดเข้ามาชมด้วยความรู้สึกส่วนตัวแบบเพียว ๆ หนึ่งเพราะสนใจอยากดูซีรีส์เกาหลีที่เล่าเรื่องซูเปอร์ฮีโร่อีกครั้ง สองคือ นักแสดงหลายคนก็มีชื่อ เป็นที่รู้จักในใจเรา จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งให้ต้องแทรกโปรแกรมก่อนจะไปเรื่องอื่น อีกอย่าง คือ มันมาครบแล้วทั้ง 8 ตอน ไม่ต้องรอ ถ้าเรื่องมันจะไม่สนุกก็ขอให้จบ ๆ กันไปในทีเดียว
และแล้วก็ได้พบว่า ซีรีส์เกาหลีแนวซูเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้สร้างความรู้สึกน่าเบื่อได้ตลอดรอดฝั่งจริง ๆ
เริ่มต้นด้วยการบอกเล่าถึงเหล่าเทวทูตทั้ง 8-9 คนที่เหลืออยู่ และกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา (แค่ไม่แก่ไม่ตายเท่านั้นที่ต่างจากมนุษย์โลก) โดยมีบอสเป็นเสือที่เป็นซึมเศร้าและสูญเสียความศรัทธาในตัวมนุษย์ จนเลิกล้มหน้าที่ปกป้องมนุษย์ที่ได้รับมาไปสิ้น คงเหลือเพียงการช่วยเหลือครอบครัวพี่น้องเท่านั้น เมื่อร้อยปีก่อน พวกเขาตั้งบริษัทปล่อยเงินกู้ขึ้นมาแล้วเลือกเฉพาะพวกอาชญากรเท่านั้นเป็นลูกค้า จากนั้น ก็ใช้กำลังที่มีในการทวงหนี้คืน พวกเขาจึงร่ำรวยมหาศาล
แต่โดยไม่คาดคิด วายร้ายหวนคืนจนได้ หลังรอคอยมาแสนยาวนาน ในที่สุด ปุโรหิตซามินปลุกชีพโอกวีให้ออกมาจากที่จองจำ โอกวีเป็นวิญญาณร้ายที่ต้องการหินวิญญาณเพื่อความเป็นอมตะของตนเอง แต่ซามินเองก็ต้องการความเป็นอมตะจากหินวิญญาณนี้เช่นกัน และสุดท้าย พวกมันก็ตามกลับมาหาเรื่องเหล่าเทวทูตที่ทิ้งพลังของตัวเองไปเพื่อผนึกวิญญาณร้ายในนรก
เดากันได้ไม่ยาก เมื่อเทวทูตที่พลังเท่าคนธรรมดา จะต่อสู้ได้ยังไงถ้าไม่มีพลัง จึงต้องหาทางเปิดประตูนรกอีกครั้งนั่นเอง
เรื่องราวของซีรีส์จะพาไปพบกับอดีต เรื่องดราม่าความสัมพันธ์ที่ส่งผลมาถึงเหตุปัจจุบัน ซีรีส์เลยตัดสลับไปมาเพื่อที่จะเล่าให้มันดูซับซ้อนชวนให้คนดูต้องติดตาม ทั้งที่ถ้าเล่าเป็นเส้นทางล่ะก็ อาจจะน่าเบื่อยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้
ผลของความพยายามจะทำให้ระทึกด้วยเสียงดนตรีที่ปลุกเร้า ทว่าการเดินเรื่องและตัดต่อกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้าอืดอาด กว่าแต่ละตัวละครจะทำอะไรที ต้องยึกยักกันอยู่นานสองนาน เรื่องราวไม่ค่อยเดินไปไหนในแต่ละตอน จนไม่สมกับลีลาของการเป็นซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เอาซะเลย ซึ่งถ้าตัดต่อกันแบบเอาสนุกจริง ๆ ซีรีส์อาจจบได้ภายใน 3-4 ตอนเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เราเห็นก็คือ ความตั้งใจในการถ่ายทำให้เห็นเหล่าเทวทูตที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของเกาหลี แม้ทั้งฉากและคอสตูมจะยังไม่ค่อยเข้าทีนักก็ตาม และที่ทำได้ดีพอสมควรเลยก็คือ เทคนิคพิเศษด้านภาพ (CG) ที่ทำได้ค่อนข้างดีเป็นส่วนใหญ่ แม้บางส่วนจะไม่ค่อยคมชัดเท่าที่ควร
มันจึงเป็นการดูซีรีส์ 8 ตอนให้จบอย่างทรมาน ต้องคอยเคี่ยวเข็ญตัวเองเพื่อให้ดูจนจบ เพื่อจะได้รู้ว่าเรื่องมันจะลงเอยยังไง ก่อนจะได้พบว่า บทคงตั้งใจและหวังจะได้ทำต่อซีซันสอง
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
| ชื่อซีรีส์ | Twelve / 트웰브 |
| ผู้กำกับ | Kang Dae Kyu, Han Yun Sun |
| ผู้เขียนบท | Kim Bong Han, Ma Dong Seok |
| นักแสดง | Ma Dong Seok, Park Hyung Sik, Seo In Guk, Sung Dong Il, Lee Joo Bin, Ko Kyu Pil, Kang Mi Na, Sung Yoo Bin, Ahn Ji Hye, Regina Lei |
| แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, แฟนตาซี, สยองขวัญ |
| จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 8 ตอน |
| ช่องทางรับชม | Disney+ Hotstar |
| เริ่มออกอากาศ | 23 สิงหาคม – 14 กันยายน 2025 |
| ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Studio X+U, KBS2, Disney+ |
คะแนนรีวิวซีรีส์ Twelve
พล็อตและบท - 4
การแสดง - 6
การดำเนินเรื่อง - 4.5
การถ่ายทำ และเทคนิคพิเศษ - 6.5
ความสนุกระหว่างดู - 2
4.6
Twelve
เรื่องราวของเหล่าเทวทูตที่ได้รับหน้าที่ปกป้องมนุษย์จากวิญญาร้าย หลังทุกอย่างกลับสู่ปกติ พวกเขาผนึกประตูนรกด้วยพลังของตน ตอนนี้เลยเป็นคนธรรมดา เมื่อวิญญาณร้ายหวนคืน พวกเขาก็เลยต้องกลับไปหาพลังนั้นอีกครั้ง พล็อตของซีรีส์ดูไม่มีอะไรมากนัก ปมขัดแย้งก็ยังดูบางเบา ตัวละครก็ทำอะไรชวนขัดใจตลอด แถมยังยึกยักเชื่องช้ากว่าจะทำอะไร การตัดต่อก็เช่นกัน ดูไม่สมกับเป็นซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่เลยสักนิดเดียว ทีมงานเลือกเดินเรื่องแบบสลับไทม์ไลน์ไปมา หวังสร้างความน่าสนใจ แต่กลับตัดต่อได้น่าเบื่อจนกลายเป็นความทรมานกว่าเรื่องจะจบใน 8 ตอน













