รีวิวซีรีส์ Yakamoz S-245 เรือดำน้ำผ่ารัตติกาล | เมื่อแสงอาทิตย์ทำคนตาย(อีกครั้ง)

ดูเหมือนช่วงนี้ จะพบว่ามักมีการหยิบเอาพล็อตดวงอาทิตย์ที่ระเบิดพลังจนกลายเป็นภัยร้ายสังหารคนทั้งโลกได้มาเขียนบอกเล่าลงซีรีส์กันบ่อยครั้งขึ้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ซีรีส์จากตุรกีเรื่องนี้ ‘Yakamoz S-245’ หรือชื่อไทย ‘เรือดำน้ำผ่ารัตติกาล’ เล่าถึงเหตุที่ดวงอาทิตย์เกิดปะทุรุนแรงจนเกิดลมสุริยะทะยานไกลมาถึงโลก แต่พอดีมีมนุษย์จำนวนหนึ่งที่โชคดีรอดพ้นมันมาได้

ครั้งนี้ กลุ่มมนุษย์ผู้รอดพ้นคือกลุ่มที่ขับเรือดำน้ำอยู่ใต้ทะเลลึกในช่วงเวลาที่นั้นพอดี และแน่นอนว่า พวกเขาจะอยู่รอดบนพื้นผิวโลกได้ก็เพียงเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น กลางวันคือช่วงเวลาลบลี้อยู่ในพื้นที่ไร้แสง ความขัดแย้งคือครั้งนี้มีสองกลุ่มคนที่คิดแตกต่างต้องมาอยู่ในเรือดำน้ำลำเดียวกัน นั่นคือ นักวิทยาศาสตร์ กับ ทหาร

เรามาเริ่มกันที่เรื่องย่อกันก่อนเลยนะครับ

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Yakamoz S-245’

เริ่มที่ อาร์มาน (Kivanç Tatlitug) ชายผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเรือดำน้ำเพื่อการสำรวจใต้ทะเล ที่วันหนึ่งก็ได้เจอกับแฟนเก่าอย่าง เดฟเน่ (Özge Özpirinçci) ที่โผล่มาบอกว่าได้ทุนว่าจ้างให้ลงไปสำรวจทะเลลึก เธอจะเป็นหัวหน้านำทีมที่ประกอบไปด้วยกลุ่มเพื่อนและนักวิทยาศาสตร์ เมื่อตกลงกันได้แล้วจึงลงดำน้ำเพื่อยืนยัน แต่เมื่อกลับขึ้นมากลับต้องพบสิ่งที่น่าประหลาดใจ ผู้คนบนเรือใหญ่หายไปหมด พบเพียงคลิปวิดีโอบอกเหตุพระอาทิตย์ฆ่าคน

ยังไม่ทันไร พวกเขาก็พบเรือดำน้ำ ยากามอซ เอส-245 ของเหล่าทหารเรือมุ่งมาหา ทั้งสองฝ่ายจำต้องลงเรือลำเดียวกันเพื่อค้นหาที่หลบภัย ท่ามกลางความขัดแย้งด้วยเพราะทหารเรือบางกลุ่มค่อนข้างเขม่นเหม็นขี้หน้าพลเรือน โดยเฉพาะรองผู้บังคับการอย่าง อูมุต (Ertan Saban)

ระหว่างที่สืบค้นความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายก็ต้องพยายามค้นหาความจริงเบื้องหลังภารกิจของเรือดำน้ำลำนี้ไปด้วย

รีวิวซีรีส์ ‘เรือดำน้ำผ่ารัตติกาล’

มันเป็นซีรีส์ที่ดูมีความสอดคล้องกับ ‘Into the Night’ อย่างมาก แท้ที่จริงแล้ว มันคือเหตุการณ์เดียวกัน ครั้งนั้น พวกเขาใช้เครื่องบินโดยสารบินหนีพระอาทิตย์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสถานที่หลบภัย แต่ในซีรีส์ ‘Yakamoz S-245’ ที่เป็น spin-off ของเรื่องนั้น พวกเขาต้องใช้เรือดำน้ำเพื่อดำลงไปใต้ทะเลลึก ณ จุดที่แสงส่องลงไปไม่ถึง เพื่อรอเวลากลางคืน พวกเขาถึงจะขึ้นบกเพื่อทำภารกิจต่อไปได้

คนเขียนบทเริ่มต้นด้วยการสร้างตัวละครขึ้นมาสองกลุ่มที่มีแนวคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฝ่ายหนึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการสำรวจทะเลลึก ขณะอีกฝ่ายเป็นทหารเรือที่ได้รับภารกิจบางอย่าง เมื่อทั้งสองฝ่ายเจอกัน คนเขียนบทก็สร้างสถานการณ์ให้ฝ่ายทหารบางส่วนไม่เห็นด้วยที่จะให้พลเรือนลงเรือดำน้ำ

พร้อมทั้งใส่สาระพัดคาแรกเตอร์ที่จะนำพาความขัดแย้งแบบสุดขั้วให้บังเกิดขึ้นได้

มีทั้งตัวละครจิตผิดปกติมองเห็นภาพหลอน ตัวละครที่พร้อมจะโหวกเหวกโวยวายได้ตลอดเวลาทั้งที่ปกติก็ดูไม่มีอะไร มีทั้งตัวละครที่เกลียดชังอีกฝ่ายจนสามารถเข้าไปทำร้ายได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่า อะไรก็ได้ที่จะทำให้เกิดเรื่องก็จัดใส่ลงมาจนหมด ซีรีส์จึงค่อนข้างเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์น่ารำคาญที่พร้อมจะก่อเรื่อง ซึ่งก็ถือว่า มีข้อดีตรงที่สร้างความบันเทิง เซอร์ไพรส์ ประสาทแดก พาให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินได้เรื่อยๆ ว่างั้น

ขณะเดียวกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ตัวละครที่ดูร้ายๆ ก็พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดกลายเป็นอีกด้าน บทแทบจะมาแบบทื่อๆ ในตอนแรก แต่ก็เริ่มมีคำอธิบายไว้ในช่วงหลัง แต่ละตอนจะสร้างเงื่อนงำใหม่ๆ ให้ปรากฏขึ้นมา ชวนให้สงสัยและติดตามต่อ จะว่าไปก็ถือว่าเขียนได้ไม่เลว แม้ว่าระหว่างทาง พฤติกรรมตัวละครจะชวนละเหี่ยใจไปบ้างก็เถอะ

ครั้งนี้ เขาบอกเล่าเหตุการณ์ของดวงอาทิตย์ให้เห็นกันตั้งแต่ต้นไปเลย เหมือนเป็นคำอธิบายถึงที่มาที่ไปของทั้งสามซีซัน เหตุการณ์บางส่วนก็อาจจะโยงไปถึง ‘Into to Night’ ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าอยากจะเข้าใจมากกว่านี้ ก็ควรจะดูให้ครบแหละครับ

สิ่งที่มองว่าเป็นข้อดี ก็คือ รายละเอียดภายในเรือดำน้ำที่สร้างเอาไว้ทุกห้อง แม้ไม่รู้ว่ามันจะตรงกับของจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ทำให้เชื่อไปประมาณหนึ่งว่ามันคือเรือจริง ขณะที่โปรดักชันบนบกบางฉากยังดูปลอมๆ มากกว่าภายในลำเรือด้วยซ้ำ

โดยรวม มันคือ ซีรีส์ที่สร้างมาเพื่อความบันเทิงโดยแท้ ดูไปแบบไม่ถือสาอะไรมากก็อาจพบว่า มันฆ่าเวลาได้ดี มีอะไรให้ลุ้นกันตลอด จะสมจริงบ้าง อิหยังวะบ้าง ก็ปล่อยไป-ช่างมัน อาจจะขัดใจบ้างก็ตรงที่จู่ๆ มันก็จบซีซันลงอย่างปัจจุบันทันด่วน ชวนให้อารมณ์ค้างมากๆ เลย

ที่เหลือก็รอกันต่อไปนะ ว่าเขาจะสร้างภาคไหนมาต่อ…

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์