รีวิวหนัง Blood Red Sky ฟ้าสีเลือด | จี้เครื่องบินแต่ดันเจอแวมไพร์!

หนังเรื่องนี้เข้าฉายออนไลน์ในวันเดียวกันกับตอนพิเศษของ ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด แต่เพิ่งจะได้ฤกษ์มาเปิดดู เลยเพิ่งจะได้มานั่งเขียนรีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกัน หนังจากฝั่งเยอรมันที่พล็อตและโปรดักชันค่อนข้างใหญ่พอประมาณ ‘Blood Red Sky’ ชื่อไทย ‘ฟ้าสีเลือด’ ผลงานการกำกับของ Peter Thorwarth

หนังเรื่องมีความยาวประมาณ เป็นทั้งหนังแอคชัน สยองและระทึกขวัญ ที่เล่าเรื่องของการการร้ายจี้เครื่องบินเพื่อประโยชน์ใดสักอย่าง ก่อนจะพบเจอกับสิ่งไม่คาดคิดเมื่อมีแวมไพร์เพศหญิงปรากฏตัว

และกลายเป็นเหตุสยองกลางอากาศในเที่ยวบินที่กำลังมุ่งหน้าไปนิวยอร์ก

เรื่องย่อหนัง ‘Blood Red Sky’

เหตุนี้เกิดกับเครื่องบินของสายการบินทรานส์แอตแลนติกที่ขึ้นจากกรุงโรม อิตาลี มุ่งหน้าไปนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา แต่ปรากฏว่ามีผู้ก่อการร้ายทำการจี้เครื่องบินลำนี้ และกำลังลงจอดฉุกเฉินบนท่าอากาศยานแห่งหนึ่งในสก็อตแลนด์ในเช้าตรู่วันหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้รับทราบข้อมูลว่าบนเครื่องมีระเบิดอยู่

ดูเหมือนนักบินจะเสียชีวิตแล้ว และผู้ก่อการร้ายปล่อยเด็กชายคนหนึ่งลงมา

ความจริงอีกด้านหนึ่งของเที่ยวบินนี้ก็คือ มีผู้โดยสารคู่หนึ่ง นาเดีย/Nadja (Peri Baumeister) และลูกชาย อีเลียส/Elias (Carl Anton Koch) ที่ผู้เป็นแม่พกขวดน้ำยาบางอย่างพร้อมเข็มมาด้วย แท้จริงเธอเป็นแวมไพร์ ที่จำเป็นต้องฉีดยาชนิดเข้าสู่ร่างกายอยู่เป็นระยะ และเธอกำลังไปหาหมอที่อเมริกา

แต่กลับเกิดเหตุการจี้เครื่องบินด้วยจุดประสงค์บางอย่าง แม่ที่รักลูกจึงต้องช่วยเหลือลูกแม้มันจะทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเธอถูกเปิดเผยออกมาก็ตาม ค่ำคืนบนพื้นที่ปิดกลางท้องฟ้า ผู้ก่อการร้ายกับแวมไพร์ ผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนี้จะรอดหรือไม่อย่างไร ติดตามได้ในหนังเรื่องนี้ครับ

รีวิวหนัง ‘ฟ้าสีเลือด’

หนังหนังที่พูดเยอรมันบ้าง อังกฤษบ้างเรื่องนี้มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง เล่าเรื่องอย่างน่าสนใจด้วยการบอกผลส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่คนภายนอกรู้สึกว่าเป็นปริศนา เมื่อเครื่องบินมาลงจอดกลางรันเวย์ในตอนเช้าตรู่ และมีเพียงเด็กชายคนเดียวที่ลงมากอดตุ๊กตาหมีไว้ข้างกาย หน้าตาตื่น สงสัยจะยังช็อคอยู่ ทุกสิ่งก่อความสงสัยแก่ผู้ชมตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง

ในเครื่องบินลำนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

วิธีการเล่าของหนังที่ทำให้ยังติดตามไปได้จนจบเรื่อง

จากนั้น หนังก็พาเราย้อนกลับไปเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้า สลับไปสลับมากับเหตุบนเครื่องบิน เล่าย้อนไปถึงวันที่ครอบครัวยังอยู่กันพร้อมหน้า และต้นสายปลายเหตุของการมีเลือดแวมไพร์ไหลเวียนทั่วร่าง ทำให้เราซึมซับและรู้จักกับแม่ลูกคู่นี้ให้มากที่สุด ก่อนจะกลับมาเล่าเรื่องบนเครื่องบิน ก่อนที่มันจะไปบรรจบกับฉากแรกของหนังแล้วจัดการเล่าเรื่องต่อ เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่หนังในยุคนี้ชอบใช้กัน เพราะมันทำให้คนดูรู้สึกสนุกไปกับหนังได้ตลอดเวลา

หนังป้อนข้อมูลแบบไม่ตามเวลา ทำให้คนรู้ผลของเหตุการณ์แล้วเสี้ยวหนึ่ง กับอีกหลายส่วนที่ยังไม่รู้ ต้องค่อยๆ ติดตามกันไป แถมเมื่อหนังเล่ามาบรรจบถึงฉากแรกแล้ว ก็ยังมีอะไรอีกที่คนยังไม่รู้

นั่นแหละ ทำให้อรรถรสในการดูหนังไม่ดร็อปลงไประหว่างทาง

เด็กฉลาดที่พาให้เรื่องไปกันใหญ่ แถมช่วยคลี่คลายให้อีกด้วย

ผู้เขียนบทหนังเลือกให้อีเลียสเป็นเด็กชายที่มีความเฉลียวฉลาด เขาเช็คอิน โหลดกระเป๋า พาแม่ไปยังที่นั่ง ทั้งยังอธิบายกับฟาฮิด (Kais Setti) ชายหนุ่มที่ร่วมโดยสารลำเดียวกันว่าพวกเขาจะไปถึงในเวลาเช้าด้วย แน่นอนว่า ผู้ชมคงต้องเพ่งเล็งเด็กชายคนนี้ไว้มากหน่อย แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ อีเลียสมีบทบาทสูงมากในหนังเรื่องนี้

หลายคนอาจไม่ชอบใจในตัวละครนี้ เพราะอาจรู้สึกว่าเป็นเพราะเขาจึงเกิดเรื่องยุ่ง แต่เพราะตัวละครตัวนี้ฉลาดแบบเด็กๆ และความรักที่เขามีต่อแม่นี่แหละที่สร้างเรื่องราวให้คุณติดตามไปจนจบ ผมจึงไม่ได้มองว่าอีเลียสเป็นตัวละครน่ารำคาญอะไร ตรงกันข้าม นอกจากเขาจะทำให้เกิดเรื่องราวขึ้นแล้ว เขายังเป็นตัวละครสำคัญที่ช่วยให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายลงได้

ก็ด้วยความฉลาดของเขานี่แหละครับ

ขณะเดียวกัน หนังก็ใส่บทตัวร้ายที่มีอาการทางจิตเข้ามาด้วย เป็นพวกบ้าระห่ำ ทำอะไรไม่ยั้งคิด แถมยังชอบแสดงออกแบบโอเวอร์แอคติ้งอีกด้วย

ไอเดียน่าสนใจ หนังก่อการร้ายบนเครื่องบิน..ที่มีแวมไพร์ดูดเลือด!

อันที่จริง เราก็คงจะเคยเจอกันมาแล้ว กับหนังจี้เครื่องบินที่มีพล็อตแม่ผู้ต้องช่วยชีวิตลูก แต่ครั้งบทแม่ไม่ใช่แค่คนธรรมดา หรือแม้แต่นักสืบ-ตำรวจที่มีฝีมือฉกาจ หากเป็นแม่ที่มีเลือดแวมไพร์อยู่ในตัวและกำลังบินไปเพื่อรักษา แต่กลับต้องมาอยู่บนเครื่องบินที่มีผู้ก่อการร้าย สุดท้าย เธอก็ต้องใช้ความเป็นแวมไพร์ช่วยเหลือลูกน้อยเอาไว้

หนังมีความผสมผสานความเป็นหนังอาชญกรรม แต่กลับมีแฟนตาซีแบบสยองขวัญด้วยไอเดียแวมไพร์ ดำเนินเรื่องที่พลิกผันไปมาในแนวๆ ระทึกขวัญ แต่แม้จะเล่าให้เรารู้ถึงเรื่องราวในอดีตของแม่ลูก แต่ก็กลับไม่ได้อินอะไรในจุดนั้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะน่าชื่นชมที่หนังมีไอเดียที่ดี แต่ก็ทำได้แค่สนุกพอประมาณ คือพาชวนลุ้นตื่นเต้นไปได้บ้าง มีบทตัวร้ายที่ดูแปลกๆ (นัยว่าพยายามสร้างสีสันและสร้างคำอธิบายพฤติกรรมประหลาดไปในตัว) กับการกระทำของตัวละครที่บางครั้งก็ดูไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ชักชวนเราได้ติดตามไปจนถึงบทสุดท้ายของหนังได้ในที่สุด

เป็นหนังที่ไม่ได้เดาทางยากนัก และเป็นหนังที่หลายคนว่าดีกว่าที่คิด

ภาพยนตร์เรื่อง: Blood Red Sky / ฟ้าสีเลือด
ผู้กำกับ: Peter Thorwarth
ผู้เขียนบท: Stefan Holtz, Peter Thorwarth
นักแสดง: Peri Baumeister, Carl Anton Koch, Alexander Scheer, Kais Setti
ความยาว: 121 นาที
แนว/ประเภท: Action, Horror, Thriller
เรท: TV-MA
อัตราส่วน: 2.35 : 1
ปี: 2021
ประเทศ: เยอรมัน
ช่วงเวลาเริ่มออกอากาศ: 23 กรกฎาคม 2021
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Rat Pack Filmproduktion, Sirena Film, Netflix