ดูเหมือนสัปดาห์นี้จะค่อนข้างมีหนังเข้าฉายในโรงหนังบ้านเราหลายเรื่องเป็นพิเศษ ทำให้การเลือกที่จะดูหนังแต่ละเรื่องต้องใช้ปัจจัยเงื่อนไขที่ยุ่งยากพอดู หนังบางเรื่องนี้ ดูจากหน้าหนังแล้วก็อาจพบว่า คงมีคนกลุ่มไม่ใหญ่นักที่จะสนใจมัก แต่ในความรู้สึกของเรากลับสนใจมัน ที่สุดก็เลือกที่จะไปดูหนังเรื่องนั้นในโรง ผมกำลังหมายถึง ‘The Spine of Night’ ชื่อไทยของหนังเรื่องนี้คือ ‘วิญญาณหฤหรรษ์ ศึกมหัศจรรย์ อาถรรพ์พลังใบ’ ครับ
มองเห็นงานภาพจากที่เราแปะให้ดูแล้วก็คงจะพอรู้ว่า มันเป็นสิ่งที่แตกต่างจากที่เราคุ้นเคย ลายเส้นมีความหยาบ ลึกลับ ดุดัน ขณะเดียวกันก็รับรู้มาว่า เขาใช้วิธีการสร้างในแบบ rotoscope ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นใครใช้กันแล้ว กับเรื่องราวที่ออกจะดาร์กๆ หน่อย ใครที่สรรหาอะไรแนวๆ นี้อยู่
แอนิเมชันเรื่องนี้น่าจะถูกโฉลกกับคุณก็ได้นะครับ
เรื่องย่อหนังแอนิเมชัน ‘The Spine of Night’
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นในยุคไหนก็ไม่รู้ แต่ยุคนั้นมีแม่มดปรากฏอยู่ ซ๊อด (Lucy Lawless จากแอนิเมชันเรื่อง ‘Minions 2: The Rise of Gru’) นางคือราชินีแม่มดแห่งหนองบึง และเป็นผู้ครอบครองพืชชนิดหนึ่งเอาไว้ เมื่อใดที่นางหยิบมาใช้ เพียงโปรยลงในเปลวไฟ จากสีแดง มันจะกลายเป็นสีฟ้าในทันที ทั้งยังใช้ร่ายมนต์ทำได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา
แน่นอนว่า ของวิเศษเช่นนี้ ใครๆ ก็ย่อมหมายปอง ที่สุด ก็มีกองทัพหนึ่งมาช่วงชิงเอาไป สุดท้าย นางจึงออกไล่ล่าตามหาและทวงคืนบุปผาแห่งพลัง
รีวิวหนังแอนิเมชัน ‘วิญญาณหฤหรรษ์ ศึกมหัศจรรย์ อาถรรพ์พลังใบ’
แน่นอนว่า นายแพทไม่ใช่คอหนังที่เสพอะไรแนวๆ นี้เป็นกิจวัตรอยู่แล้ว แต่นี่ถือเป็นการเปิดตัวเองไปพบกับเรื่องราวใหม่ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เมื่อได้ยินว่ามีคนเอามันเข้ามาฉายในไทย ก็เลยต้องขยับก้นตัวเองเข้าไปชมในโรงหนังบ้างละ
เมื่อได้ดู ก็พบว่าตัวหนังนั้นมีความแฟนตาซีเจืออยู่เต็มเปี่ยม แต่เรื่องราวนี่สิ ผนวกเอานิยายปรัมปรา ความเชื่อเรื่องเทพ เรื่องการเกิดของมนุษย์เข้ามาผสม ประกอบการงานภาพอย่างดาร์ก ฉากฟาดฟันโหดเลือดสาด ทำให้กลายเป็นหนังแอนิเมชันที่แตกต่างจากที่เคยดูมาอย่างสิ้นเชิง
ด้วยวิธีการสร้างภาพเคลื่อนไหวในระบบที่เรียกว่า rotoscope ที่เป็นการวาดซ้อนทับนักแสดง ทำให้ภาพมันเคลื่อนไหวได้สมจริงอย่างมาก แถมยังดูเหมือนจะวาดใหม่ทุกเฟรม ไม่มีการก็อปปี้เฟรมก่อนหน้าแล้วแก้รูปปากเหมือนที่แอนิเมชันสมัยนี้มักทำกัน ขณะที่เพลงประกอบก็อย่างยิ่งใหญ่อลังการ โคตรร็อก แถมดังโฉ่งฉ่างไม่เบาเลยทีเดียว
งานภาพนั้น นอกจากจะดูดาร์กและลายเส้นหนาแล้ว ก็ยังอุดมด้วยฉากความรุนแรงแบบไม่ยั้งมือ ตัวละครบางตัวก็เปลือยกายอีกต่างหาก
ด้านเนื้อเรื่องเล่า นอกจากบอกเล่าเรื่องของเทพเจ้า กำเนิดมนุษย์ อะไรพวกนั้นเข้ามาแล้ว ก็ยังนำเสนอถึงการกดขี่ชนชั้นที่ต่ำเตี้ยกว่า ตีแผ่ด้านมืดในจิตใจมนุษย์ที่มักหลงมัวเมาในอำนาจและฝักใฝ่พลังพิเศษที่ทำให้ตนยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก แม้กระทั่งคนที่เป็นนักปราชญ์ผู้ได้ชื่อว่ามีปัญญา ก็ยังหลงมัวเมาไม่จบไม่สิ้น ทั้งกระหายเลือดไม่ต่างจากคนธรรมดา ชอบประโยคหนึ่งในหนังที่เขาว่า…
“ภูมิปัญญานั้นล้วนแล้วต้องแลกมาด้วยความพินาศ”
คราวนี้ พอหนังเล่าเรื่องราวของพลังใบ พลังบลูม บวกเข้าไป การไล่ล่าบุปผาแห่งพลังไปถึงห้วงอวกาศ มันจึงกลายเป็นพล็อตสุดบ้าคลั่งที่อาจทำให้คนชอบมาก ไม่ก็เกลียดมากได้เช่นกัน
แต่สำหรับผมแล้ว นี่คือความแปลกใหม่ในชีวิต เพราะตัวนายแพทเองไม่ค่อยได้เสพงานแนวนี้มากนัก อาจไม่รู้ลึกอะไรเท่าคนที่เสพมาบ่อยๆ หากต้องยอมรับในงานด้านภาพที่มันทำได้ดาร์กสะใจดีจริง นั่งดูไปก็นึกไปว่า คนทำคงพี้ยาอย่างหนักมาเป็นแน่ถึงเล่าได้หลุดโลกขนาดนี้ เป็นอะไรที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย
สุดท้าย ก็คงแล้วแต่พวกคุณแล้วล่ะ ว่าอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้แล้วจะมีความสนใจอยากซื้อตั๋วเข้าไปชมหรือไม่ ใครอยากสัมผัสก็เชิญได้ที่ HOUSE Samyan ได้เลย เผลอๆ อาจรู้สึกชอบตัวเองที่เลือกมาดูเรื่องนี้เหมือนผมก็ได้นะครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Spine of Night / วิญญาณหฤหรรษ์ ศึกมหัศจรรย์ อาถรรพ์พลังใบ |
กำกับ | Philip Gelatt, Morgan Galen King |
เขียนบท | Philip Gelatt, Morgan Galen King (ผู้เขียนบท ‘Love , Death & Robots’ และ ‘Europa Report’) |
แสดงนำ (พากย์) | Richard E. Grant, Lucy Lawless, Patton Oswalt, Betty Gabriel, Joe Manganiello |
แนว/ประเภท | Animation, Action, Adventure, Fantasy, Horror, Sci-Fi |
เรท | Not Rated |
ความยาว | 93 นาที |
ปี | 2021 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 6 ตุลาคม 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Gorgonaut, Reno Productions, HAL Distribution |
วิญญาณหฤหรรษ์ ศึกมหัศจรรย์ อาถรรพ์พลังใบ
พล็อตและบท - 8.4
การแสดง (พากย์) - 7.7
การดำเนินเรื่อง - 7.7
เพลงและดนตรีประกอบ - 8
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8.3
8
The Spine of Night
แอนิเมชันที่จับโน่นผสมนี่จนกลายเป็นพล็อตที่สุดบ้าและชี้ให้เห็นถึงความคลั่งอำนาจของมนุษย์ ต้องยอมรับในงานด้านภาพที่มันทำได้ดาร์กสะใจดีจริง นั่งดูไปก็นึกไปว่า คนทำคงพี้ยาอย่างหนักมาเป็นแน่ถึงเล่าได้หลุดโลกขนาดนี้ เป็นอะไรที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย