รีวิวหนัง Godzilla vs. Kong | เมื่อ ก็อดซิลล่า ปะทะ คอง ใครคือผู้ชนะ?

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เลยที่รู้จักและติดตามหนังสัตว์ประหลาดยักษ์มาทั้งสองสาย สายหนึ่ง ก็อตซิลล่าที่จู่ๆ ก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาอาละวาดในเมืองมนุษย์ อีกสายก็เป็นคิงคองยักษ์ที่อยู่ชิลๆ บนเกาะกะโหลกจนมนุษย์ไปพบเจอเข้า แต่แล้ววันนี้ พวกเขาจะได้ดูหนังที่สองสัตว์ประหลาดยักษ์มาต่อสู้กัน ใน ‘Godzilla vs. Kong’ ชื่อไทย ‘ก็อดซิลล่า ปะทะ คอง’ ฟอร์มยักษ์ หนังบล็อกบัสเตอร์ที่คนไทยชื่นชอบและคงไม่พลาดตีตั๋วเข้าไปดู

ภาคนี้ กำกับโดย Adam Wingard ที่งานของเขาจะเป็นแนวๆ ระทึกขวัญ/สยองขวัญอย่าง ‘V/H/S’, ‘Blair Witch’ และ ‘You’re Next’ แต่หนนี้ หันมากำกับหนังมอนสเตอร์สู้กัน แถมยังฟอร์มยักษ์อีกต่างหาก น่าสนใจไม่ใช่เล่นว่า ผลงานของผู้กำกับที่ทำแต่หนังสยองขวัญจะทำหน้าก็อดซิลล่า หนังคอง ให้ออกมาสะเด็ดสะเด่าแบบไหน

ว่าแล้วก็ได้เวลามานั่งดูหนังของเขากัน!

เรื่องย่อหนัง ‘Godzilla vs. Kong’

โลกได้ค้นพบคิงคองยักษ์ที่อาศัยอยู่บนเกาะกะโหลก แต่เพราะความโลภหรืออะไรสักอย่าง พวกเขาจึงจับคองยักษ์มาขังไว้ โดยมี ดร. แอนดรูวส์ (Rebecca Hall จากหนังเรื่อง ‘Professor Marston and the Wonder Women’, ‘The BFG’ และ ‘Transcendence’) คอยควบคุมดูแล และวิธีการที่เธอใช้ก็คือ เจีย (Kaylee Hottle) เด็กหญิงตัวน้อยที่สามารถสื่อสารกับคองได้ ความสัมพันธ์และสายใยที่แสนพิเศษหนึ่งเดียวในโลกนี้

เมื่อ ดร.ลินด์ (Alexander Skarsgård จากหนังเรื่อง ‘The Legend of Tarzan’, ‘Straw Dogs’ และ ‘Battleship’) บอกว่า โลกต้องการคอง เพื่อหยุดยั้งสิ่งที่กำลังมา นั่นคือ ก็อดซิลล่า พวกเขาจึงจับตัวคองไว้และขนย้ายไปยังที่แห่งหนึ่งเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

แต่ดูเหมือนจะมีสิ่งไม่ชอบมาพากล และเป็นหญิงสาวผู้น่ารักอย่าง เอมม่า (Millie Bobby Brown จากหนังเรื่อง ‘Enola Holmes’, ‘Godzilla: King of the Monsters’ และซีรีส์เรื่อง ‘Stranger Things’) ลูกสาวของพี่มาร์ก (Kyle Chandler จากหนังเรื่อง ‘The Midnight Sky’, ‘First Man’ และ ‘Game Night’) ที่สนใจคลั่งไคล้และติดตามพอดคาสต์ของเบอร์นีย์ (Brian Tyree Henry) พวกเขารวมตัวกันเพื่อสืบเสาะหาความจริงที่ซุกซ่อนอยู่

แต่ชะตาขีดกำหนดไว้แล้ว ให้ราชันทั้งสองต้องมาห้ำหั่นกัน ก็อดซิลล่า จะต้องปะทะกับ คอง น่าสนใจแล้วสินะ ว่าบั้นปลาย ใครจะเป็นฝ่ายกำชัย และเบื้องหลังจะเหตุยักษ์ครั้งนี้คืออะไรกันแน่?

รีวิวหนัง ‘Godzilla vs. Kong’

จากที่เคยผ่านมาแล้ว (อาจจะหลายรอบ) กับหนังภาคก่อนๆ อย่าง ‘Godzilla’ (2014) , ‘Kong: Skull Island’ (2017), ‘Godzilla: King of the Monsters’ (2019) แล้วก็ได้เวลามาเจอกันในภาคนี้

ตัวละครสำคัญที่ถูกใส่มาเพื่อสร้างเรื่องให้สัตว์ยักษ์ได้มีฉากห้ำหั่นกัน

เจีย เป็นเด็กหญิงที่หูหนวก จึงสามารถให้การสื่อสารผ่านภาษามือ และมีความสามารถในการรับฟังเสียงผ่านการสัมผัส เจียจึงรู้สึกถึงการมาของก็อดซิลล่า ในช่วงเวลาสำคัญ เพราะมนุษย์กำลังขนย้ายคองไปยังที่แห่งหนึ่ง การปะทะระหว่างสองมอนสเตอร์จึงเกิดขึ้นที่ตรงนั้น

เบอร์นีย์ (Brian Tyree Henry) เป็นชื่อของชายคนหนึ่งที่รู้สึกในความไม่ชอบมาพากลขององค์กรที่เขาทำงานอยู่ จึงพยายามจะสืบนู่นสืบนี่มาหลายเดือน ก่อนจะนำมันมาบอกเล่าผ่านช่องพอดคาสต์ของเขาเอง แล้วก็บังเอิญ เอมม่า ก็ชื่นชอบช่องนี้ แม้เพื่อนของเธอจะมองว่าเบอร์นีย์ดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะพูดจาเหลวไหล แต่เธอก็มั่นใจเพราะมันตรงกันกับความคิดของเธอ

ตัวละครมนุษย์ในหนังนี่เรียกได้ว่าหลายอยู่ ไม่ว่าจะเป็น วอลเตอร์ ซิมมอนส์ (Demián Bichir จากหนังเรื่อง ‘Chaos Walking’ และ ‘The Nun’) ซีอีโอแห่งเอเพ็กซ์ ไซเบอร์เนติกส์ หลายตัวได้มีบทบาทสำคัญอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งที่ไม่อาจบอกเล่า(เพราะมันจะกลายเป็นสปอยล์) อย่างเช่น เร็น (Shun Oguri) วิศวกรเอกผู้มีหน้าที่อันแสนพิเศษในหนัง หรืออย่าง มายา (Eiza González จากหนังเรื่อง ‘Baby Driver’ และ ‘Hobbs & Shaw’) ที่ได้โผล่หน้ามาสวยๆ แต่แทบจำไม่ได้ว่าเธอมีหน้าที่อะไร

บทของมนุษย์คือความพยายาม…

ในช่วงเวลาเริ่มต้น หนังพยายามบอกเล่าในพาร์ทของเหล่ามนุษย์ ด้วยข้อมูลยิบย่อยที่ประเดประดังเข้ามาจนมึนหัว อ่านซับไม่ทันบ้าง อะไรบ้าง รวมทั้ง ยังใส่บทป่วยๆ ให้กับมนุษย์บางคนในหนังเข้าไปอีก (แม้จะน้อยกว่าภาคก่อน) แต่เราก็เข้าใจได้ว่า สาเหตุการมีตัวละครนั้น มีบทแบบนั้นมันคืออะไร บางตัวอาจจะขี้จุ้นมากไปหน่อย แต่การที่เขาเข้าไปอยู่ตรงจุดนั้นเพื่อที่ผู้ชมจะได้พบกับฉากบางฉาก เหตุการณ์บางเหตุการณ์ และทีมงาน/ผู้กำกับ/ผู้เขียนบท ต้องการจะมีมันอยู่ในหนัง เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม

ส่วนรายละเอียดของภารกิจหรือโปรเจกต์ต่างๆ ถ้าฟังแล้วไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมาก เพราะเหตุการณ์ถัดๆ มาจะทำให้คุณเข้าใจเองว่า พวกเขากำลังทำอะไร

คร่าวๆ เอาแค่เข้าใจว่า สิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ทำนั้นส่งผลให้เกิดฉากการต่อสู้ห้ำหั่นของมอนสเตอร์นั่นเอง

…แต่ฉากห้ำหั่นของสัตว์ประหลาดคือมันสะใจเป็นที่สุด

ภาคนี้ เรียกได้ว่า จัดหนักจัดเต็มเหลือเกินสำหรับฉากการปะทะกันของสัตว์ยักษ์ แต่หนังก็ไม่ได้เล่นกันเฉพาะฉากกลางคืน ภาคนี้ จัดหนักกันตั้งแต่กลางทะเลเลยทีเดียว เรือหลายลำพินาศ เครื่องบินรบระเบิดกระจุยกระจาย ไม่พอยังไปต่อกันบนบก ตึกรามสูงสวยพังยับ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงปวดใจไม่น้อยที่เมืองของมนุษย์ที่สร้างมาหลายพันหลายหมื่นล้าน กลายเป็นสมรภูมิเดือดของมอนสเตอร์ แถมอาจมีคนตายเป็นพันศพ …แต่พอดีว่านี่มันเป็นหนัง!

สมรภูมิที่ใช้มากที่สุด ก็คงจะเป็นฮ่องกง แสงสียามราตรีของตึกสูงที่นั่นก่อให้เกิดฉากแอคชันที่อลังการ มุมกล้องนั่งช้อนไปช้อนมาแทนสายตามนุษย์ที่แหงนมองพวกมัน ใส่ CG คุณภาพดีชัดแจ่มไม่หลอกตามาเต็มเปี่ยม เมื่อดูผ่านจอยักษ์อย่างโรง IMAX ก็ยังเนียนไม่มีที่ติ ผสานเข้ากับดนตรีประกอบจาก Junkie XL ที่กลายเป็นตัวละครสมทบที่ขาดไม่ได้ ชักชวนให้รู้สึกตื่นตา ราวกับได้เชียร์มวยคู่สำคัญ เป็นประสบการณ์การรับชมหนังแอคชันที่ไม่ได้พบเจอมานานตั้งแต่โควิด-19 มาเยือน

แถมยังใช้ช็อตดีๆ ที่ชวนให้รู้สึกคล้ายกับหนังหลายเรื่องมารวมกันในหนังเรื่องเดียว อีกทั้งในองก์สุดท้าย มีตัวละครพิเศษที่ใส่เข้ามาเพื่ออรรถรสและบทสรุปของภาคอีกด้วย

ส่วนใครหลายคนที่อยากรู้ว่า ภาคนี้จะมีฉากพิเศษท้ายเครดิตหรือไม่ ก็ต้องได้อย่างชัดๆ ตรงนี้ว่า…​ “ไม่มี”

ชื่อภาพยนตร์: Godzilla vs. Kong / ก็อดซิลล่า ปะทะ คอง
ผู้กำกับภาพยนตร์: Adam Wingard
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Eric Pearson, Max Borenstein
นักแสดง: Alexander Skarsgård, Millie Bobby Brown, Rebecca Hall, Brian Tyree Henry, Shun Oguri, Eiza González,​Kaylee Hottle, Kyle Chandler
ดนตรีประกอบ: Junkie XL
แนว/ประเภท: Action, Sci-Fi, Thriller
ความยาว: 113 นาที
ปี: 2021
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 25 มีนาคม 2021
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Legendary Entertainment, Warner Bros.