รีวิวซีรีส์ Mr. & Mrs. Smith | รับงานสายลับ ถูกจับมาเป็นคู่รัก

เมื่อปี 2005 มนุษย์โลกต่างได้ทำความรู้จักกับหนังแอ็คชันสายสับชื่อดัง ที่มีทั้ง แองเจลิน่า โจลี่ และ แบรด พิตต์ ร่วมแสดงนำ มาปีนี้ 2024 เรื่องราวนั้นถูกนำกลับมาสร้างอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นซีรีส์ มันมีชื่อว่า ‘Mr. & Mrs. Smith’ หรือชื่อไทยที่อ่านเหมือนชื่ออังกฤษเด๊ะๆ ‘มิสเตอร์แอนด์มิสซิสสมิธ’ และคราวนี้เปลี่ยนทางคู่พระนางเป็นชายผิวดำกับหญิงลูกครึ่งเอเชีย

ความเห็นส่วนของนายแพท

แม้ว่าที่จริง ซีรีส์เรื่องนี้จะรีเมกจากซีรีส์ในปี 1996 แต่ผู้คนทั่วไปรู้จักกับมันจากเวอร์ชันหนังปี 2005 ซะมากกว่า กับพล็อตเรื่องที่ว่าด้วยสายลับสองคนที่ถูกกำหนดให้แต่งงานกัน เพื่อจะได้ทำงานเป็นคู่หูกัน แต่พวกเขาก็ผูกพันกันจริงๆ ทั้งยังทำงานเสี่ยงอันตรายโดยไม่ทันรู้ในชะตากรรมของตนเอง ครั้งนี้เปลี่ยนตัวเอกมาเป็นหนุ่มผิวดำกับหญิงเชื้อสายเอเชีย ที่ต่างก็เล่นดีและเป็นธรรมชาติทั้งคู่ แต่เรื่องราวอาจจะเครื่องร้อนช้าอยู่หน่อยนึง ต้องผ่านไปถึงตอน 3 ถึงจะรู้สึกสนุกตื่นเต้น แต่ก็มีช่วงที่แผ่วลงไปเพราะหันไปให้ความสำคัญกับบทดราม่าจนอาจขัดใจคอแอ็คชั่นนิดหน่อย

ก่อนที่มันจะกลับมาสนุกตื่นเต้นกันอีกครั้งในช่วงท้าย!

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Mr. & Mrs. Smith’

จอห์น สมิธ (Donald Glover/ดอนัลด์ โกลเวอร์ จากหนังเรื่อง ‘Solo: A Star Wars Story’) หนุ่มผิวดำผู้ที่ชอบเอาชนะ กับ เจน สมิธ​ (Maya Erskine/มายา แอร์สคิน จากซีรีส์ ‘Blue Eye Samurai’) หญิงสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นที่เป็นลูกคนเดียว พวกเขาคือสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานและย้ายมาอยู่ด้วยกันในอพาร์ตเมนต์หรูแห่งนิวยอร์ก แต่ที่ไม่มีใครรู้คือสองคนทำงานเป็นสายลับด้วยชื่อปลอมที่บริษทผู้จ้างตั้งให้ ที่จริงพวกเขาต่างตกงานไม่มีใครจ้าง เลยมาสมัครงานสายลับ ต้องผูกติดอยู่กับเงื่อนไขบริษัทที่เป็นใครก็ไม่รู้ กำหนดไว้ให้พวกเขาลืมชีวิตเก่าๆ ไปให้หมด ห้ามติดต่อใคร

และเมื่อพวกเขาต่างเลือกงานเสี่ยงสูง นั่นก็หมายความว่าถึงเม็ดเงินที่จะได้รับด้วย การแต่งงานนี้ทั้งคู่คิดว่าทำเพื่อเงิน จึงตกลงกันว่า ถ้าทำเงินถึงจำนวนนึงก็แยกกัน แต่ความจริงมันก็หาได้ง่ายเช่นที่คิดไม่

จากเดิมที่ต่างคิดว่าทำงานหาเงิน แต่งงานกันหลอกๆ เป็นเพียงเงื่อนไขหนึ่งในการทำงานที่ต้องสวมตัวตนใหม่ แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขารักกันจริงๆ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทันคาดคิดก็คือ ภารกิจจะล้มเหลวได้ไม่เกิน 3 ครั้ง และมีอะไรที่มากกว่าที่คาดคิดรอพวกเขาอยู่

รีวิวซีรีส์ ‘Mr. & Mrs. Smith’

ไม่ว่าใครก็คงจะเคยดูเวอร์ชันหนังกันมาแล้วทั้งนั้น (แต่ก็อาจจะมีคนที่ไม่เคยดูอยู่ดีแหละน่า) พวกเขาต่างรู้ว่า มันเป็นเรื่องของสายลับสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ต้องถูกจับมาแต่งงานกัน เพื่อจะได้ร่วมทำงานในฐานะคู่หู แต่พวกเขาก็รู้ เมื่อทำงานร่วมกันไป กลับมาก็อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ไม่ช้า เพื่อนร่วมงานก็กลายเป็นเพื่อนร่วมเตียง จากแค่คนร่วมงานก็กลายเป็นคนรักกัน

เมื่อเพื่อนร่วมงานเป็นคนรักกัน ความสัมพันธ์ที่แตกต่างก็อาจจะยิ่งทำให้การทำงานมันยุ่งยากขึ้น รับมือกับความเสี่ยงในอาชีพสายลับไม่พอ ยังต้องมารับมือกับความรู้สึกของตนเองและอีกฝ่ายด้วย แถมแต่ละงานก็ล้วนโคตรเสี่ยง มีคนตายทุกครั้งทุกภารกิจ ทำให้หลังจบงานหนึ่งๆ พวกเขาต้องกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกแย่ที่ดำดิ่ง แต่ว่านะ มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นเช่นกัน คงเพราะมันมีช่วงเวลาของการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน กับช่วงเวลาที่กลับมาอยู่ในบ้านกันสองคน หม่นหมองประคองอารมณ์ไปด้วยกันนั่นแหละ

แต่ว่านะ คนเรายิ่งสนิทกัน รักกัน มีอะไรกัน มันก็ยิ่งยากลำบากในการทำงานร่วมกันมากขึ้นแหละ เพราะจะมีเรื่องระหองระแหงต่อกันมากขึ้น ทั้งที่ต้องทำภารกิจร่วมกันอยู่แท้ ๆ มันเลยจะเสี่ยงต่อการทำให้ภารกิจล้มเหลวอย่างมาก

เรื่องราวเริ่มต้นมาแบบปูเรื่อง ทำให้คนดูได้ทำความรู้จักกับสองคนที่กลายมาเป็นสามีภรรยาคู่ใหม่พร้อมตัวตนใหม่ ก่อนจะเริ่มต้นด้วยภารกิจแบบง่ายสุด เพื่อให้เห็นพัฒนาการว่า พวกเขาจะกลายเป็นสายลับที่เก่งกาจกันไปได้ยังไงอะไรประมาณนี้ ก่อนจะทวีความยากและเสี่ยงขึ้นไป ทำให้สองตอนแรกค่อนข้างธรรมดา มันเริ่มจะมาสนุกตื่นเต้นก็เมื่อเข้าตอนที่สามนั่นแหละ

ถือเป็นการมองมุมใหม่ได้เหมือนกันนะ แทนที่ตัวละครหลักจะเป็นชายหญิงผิวขาวสองคนที่กลายมาเป็นผัวเมียกัน ก็เปลี่ยนมุมมองให้กลายเป็นชายผิวดำกับหญิงเชื้อสายเอเชีย สร้างความแปลกใหม่ให้กับมันด้วยสีผิวและเชื้อชาติที่ถูกโลกมองข้ามมานาน ใน ‘Mr. & Mrs. Smith’ เวอร์ชันหนังมันเล่าถึงสายลับสองคนที่บังเอิญมาเจอและตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็วก่อนจะตัดสินใจแต่งงานกัน ต่างคนต่างมีงานของตน ก่อนจะได้รู้ว่าต้องมาห้ำหั่นกันเอง หนังมันจะเริ่มต้นด้วยวิกฤติชีวิตคู่ที่ทำให้ถึงกับต้องมาหาจิตแพทย์

แต่ในซีรีส์มันฉีกออกไป เขาเขียนบทให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่ตกงานมาสมัครและสัมภาษณ์งานกับคอมพิวเตอร์ ก่อนจะได้รับบทบาทจอห์นและเจน สมิธ ทำงานร่วมกันทุกภารกิจในสไตล์คู่หู ทำงานจนเริ่มสงสัยว่าบริษัทผู้ว่าจ้างเนี่ย มันเป็นใครกัน แถมแต่ละงานที่ส่งให้ก็ล้วนไม่ใช่งานดีๆ ยิ่งทำงานไป ความสามารถในการเป็นสายลับยิ่งเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ก็ยิ่งพบเจอกับความน่าประหลาดใจมากขึ้นทุกที แต่บทก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรตรงนั้นมากนัก

เพราะเมื่อถึงเวลาก็พาสายลับคู่รักไปบำบัดชีวิตคู่กับหมอจนได้ เรื่องตรงนี้จึงค่อนข้างคล้ายกับในหนัง ช่วงเวลานั้นก็เลยแปรเปลี่ยนจากระทึกขวัญกลายเป็นดราม่าไปแทน ซึ่งก็อาจจะขัดใจคอบู๊อยู่ประมาณนึง กว่าจะกลับมาสู่โหมดแอ็คชั่น-ระทึกขวัญก็ต้องรอให้ผ่านไปถึงตอนจบโน่นเลย

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้นักแสดงที่โดดเด่นน่าสนใจกันอยู่แค่สองคนหรอกนะ เพราะเขาจะขนเอานักแสดงสมทบมาร่วมงานด้วยอีกหลายคน ยกตัวอย่าง เช่น Ron Perlman (จากหนังเรื่อง ‘Monster Hunter’) ที่มาเล่นเป็นโทบี้ ชายแก่ผู้ร่ำรวยมหาศาลที่ทั้งจอห์นและเจนต้องช่วยเหลือให้รอดชีวิต หรือจะเป็น Paul Dano (จากหนังเรื่อง ‘Dumb Money’) ที่เล่นเป็นคนข้างบ้านสุดฮอต หรือจะเป็น John Turturro (จากหนังเรื่อง ‘The Batman’) ในบทเอริค เชน คนรวยในงานประมูลคนนั้น รวมทั้ง Alexander Skarsgård (จากหนังเรื่อง ‘Godzilla vs. Kong’) ที่โผล่มาในฉากแรกของซีรีส์นั่นก็ด้วย

ที่จริงซีรีส์มันก็ยาวแค่ 8 ตอนเอง แต่ด้วยสังขารก็ไม่อยากจะลากยาว เลยแบ่งวันค่อยทะยอยดู เรื่องราวมันค่อยๆ สนุกตื่นเต้นขึ้นตามจำนวนตอน แต่ก็ค่อนข้างเหมือนรถไฟเหาะนิดหน่อย เพราะสองตอนแรกอาจจะเฉยๆ หน่อย หลังจากนั้นก็จะพบว่าเรื่องราวตื่นเต้นขึ้น ก่อนจะแผ่วลงมาอีกครั้งแล้วกลับไปตื่นเต้นใหม่อีกทีตอนปลาย นอกจากนี้ ก็ยังได้เห็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเวอร์ชันหนังอย่างชัดเจน แม้มันจะเล่าถึงจอห์นและเจนเหมือนๆ กันก็ตามที

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์