แล้วมื้อเช้าแสนอร่อยที่ ‘ภูผาและลำธาร’ ก็ผ่านไป
11 ธ.ค. 52 เวลา 08.30 น.
วันนี้ เราได้เห็นว่า ข้างๆ ส่วนภัตตาคารของที่นี่ติดกับลำธารสายหนึ่ง หลังจากมื้อก่อนเป็นมื้อค่ำ จากตรงนั้นเราไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่ดาว หลังทานมื้อเช้าเสร็จเราก็ลงไปชมลำธารกันใกล้ๆ น้ำใสๆ ไหลเอื่อยๆ มองเห็นปลาว่ายอยู่ในนั้น เลยเก็บภาพมาฝากกันสักหน่อย
เดินกลับไปยังห้องพัก แล้วปล่อยใจให้อิ่มอุ่นกับไอแดดยามสาย ตอนกลางคืนที่นี่อากาศเย็นจริงๆ แต่พอแดดออกในตอนกลางวัน ก็เริ่มร้อน แต่บางคนก็มีความสุขกับการนอนบนเปลบนระเบียงอย่างสบายใจ อยากหยุดเวลาเอาไว้แค่ตอนนั้นช่ายมั้ยล่ะ?
สายมากแล้ว เตรียมตัวเก็บข้าวของ เพราะเราต้องเช็คเอ็าต์ เนื่องด้วยเพราะเดิมทีเราตั้งใจจะพักค้างคืนที่นี่เพียงคืนเดียว ก่อนจะไปต่อกันที่ ‘แพทะเลใน 500 ไร่’ แต่โชคชะตาไม่เป็นใจ จุดหมายของเราถูกปิดชั่วคราวด้วยเรื่องการบุกรุกอุทยานสัตว์ป่าฯ แพที่เราจะไปพักต่อจากนี้ก็ถูกเปลี่ยนที่ไปเป็นแพสายชล จนล่าสุด เนื่องจากทางเจ้าของแพชื่อดังกล่าวอาจไม่มีกิจกรรมใดๆ ให้ทำมากพอ จึงขอให้เราพักที่ภูผาและสายชลต่ออีกคืน กลายเป็นว่า เราต้องเช็คเอ๊าต์จากบ้านด้านบน ย้ายไปเช็คอินเข้าพักที่บ้านด้านล่าง พวกเราจึงอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพื่อออกไปเที่ยวกันวันนี้ เที่ยวกันแบบบ้านๆ แถวๆ นั้นน่ะแหละ
เริ่มด้วยการขึ้นรถกระบะมาเพียง 1 กิโลเมตรเดียว เราก็ได้มาพบกับร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่ง ก่อนที่คนขับจะหายไปตัวไปนานสองนาน ปล่อยให้ดื่มด่ำกับมื้ออร่อยอยู่เป็นชั่วโมง เห็นแว้บมารับคนโน้นส่งคนนี้ทีแล้วก็ไป ในที่สุด ก็ได้เวลาของพวกเรากันเสียที
11 ธ.ค. 52 เวลา 14.42 น. : ให้อาหารปลา
รถกระบะคันเดิมพาเรามาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง ตามป้ายระบุว่าชื่อ “วัดถ้ำวราราม” เพื่อนๆ ซื้ออาหารปลาแจกจ่ายอย่างถ้วนทั่ว ก่อนจะเดินเข้าไปในถ้ำมืดๆ บนทางปูน จนมาถึงปากถ้ำอีกทางที่บรรจบกับคลองๆ หนึ่ง ที่นี่ปลาเยอะมากมาย ทั้งสิบเอ็ดชีวิตโยนอาหารเม็ดเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน
11 ธ.ค. 52 เวลา 15.15 น. : เลี้ยงลิง
ให้อาหารกันจน(ปลา)อิ่มหนำแล้ว รถกระบะคันเดิมก็พาเราไปส่งอีกที่หนึ่ง หันหัวรถเข้ามาในวัดอีกแห่งที่มีถ้ำด้วย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ‘ถ้ำพันธุรัตน์’ ที่นี่มีลิงอยู่เป็นสิบตัว เพียงจอดรถ พวกมันก็รู้แล้วว่า จะมีคนมาให้อาหารมัน ระยะแรกเหมือนเพื่อนๆ จะไม่ค่อยไว้ใจเหล่าญาติห่างๆ ของตัวเองมากนัก แต่เมื่อมีผู้กล้าเข้าไปให้อาหารใกล้ ดูลิงเหล่านี้จะมารยาทดี หยิบอาหารและขนมจากมือไปอย่างสุภาพ หลายคนก็เริ่มวางใจให้อาหารมากขึ้น
11 ธ.ค. 52 เวลา 15.15 น. : ดูน้ำตก
อยู่ให้อาหารกันสักพัก ก็ได้เวลากลับออกมา รถกระบะพาเราขึ้นไปบนเขา จนมาแวะจอดหน้าน้ำตกแห่งหนึ่ง นาม ‘น้ำตกแม่ยาย’ ที่วันนี้ น้ำตาไหลรินลงมาเป็นสายเล็กมากๆ น้ำน้อยจนแทบไม่เหลือเค้าน้ำตก นั่งเล่นกันสักพัก ก็ไปต่อกัน
11 ธ.ค. 52 เวลา 16.01 น. : ชมวิว
จุดสุดท้ายที่คนขับพาเรามาก็คือ จุดชมวิว สถานที่ที่เราจะยืนถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน กับจุดที่มองไปเห็นทั้งภูเขา สิ่งปลูกสร้างและไร่สวนของมนุษย์ ไม่มีอะไรมากไปกว่า ถ่ายรูป ถ่ายรูป และถ่ายรูป เท่านั้น มีชาวต่างชาติมาขอแจมใช้สถานที่ด้วย แต่พวกเขาใช้เวลากับมันเพียงนิดเดียวเท่านั้น ขณะที่คนไทยอย่างเรา ยังสนุกกับการถ่ายรูปกันต่อหลังจากฝรั่งไปแล้ว คนไทยนี่ช่างชอบถ่ายรูปกันเสียจริงๆ
…แต่แล้ว เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ กล้องถ่ายรูปของผม ที่ใช้ถ่ายอยู่ดีๆ ก็ดับไปเฉยๆ เสียอย่างนั้นทั้งที่ก่อนหน้านั้น แบตยังเต็มอยู่เลย พอเปลี่ยนเอาแบตจาก third party ออกแล้วเอาแบตของ Nikon ใส่เข้าไปแทน เปิดกล้องได้แต่เปิดดูรูปในการ์ดไม่ได้เสียแล้ว จำต้องเก็บการ์ดไว้ เพื่อมาตรวจเช็คกับโน้ตบุ๊คของหน่องที่ภูผาและลำธาร (ซึ่งก็พบว่า Windows 7 ท่านบอกให้ฟอร์แมตท่าเดียว) ด้วยความเสียดายจึงไม่ทำอะไรกับมันอีก แล้วหยิบอีกการ์ดมาใช้แทน
กว่าจะหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพ ก็ปาเข้าไปเกือบทุ่มแล้วหลังย้ายมาพักที่บ้านหลังเล็กๆ ด้านล่างข้างห้องครัว
ทำใจอยู่นานกว่าจะหยิบมันขึ้นมาถ่ายได้ เพราะในใจมันยังกลัวว่ารูปที่ถ่ายไว้เกือบ 400 รูปจะอันตรธานนั่นแล
[ แล้วมาต่อตอน 4 กันพรุ่งนี้นะ]
สงสัยจะเรื่องยาว แต่อ่านแล้วนึกถึงบรรยากาศดี เลยต้องรออ่านต่อไป….
เป็นมหากาพย์ 5 ภาคครับเดย์ อย่าลืมติดตาม
วิวดีจังเลยค่ะ