ช่วงนี้ เหมือนผมจะพยายามที่จะพาตัวเองออกไปดูหนังในโรงอยู่บ่อยๆ แถมก็พยายามจะหาดูหนังแบบที่หาดูยากๆ ไม่ใช่อะไรหรอก ผมก็แค่อยากจะหาอะไรที่แตกต่างออกไป เพื่อพบประสบการณ์ใหม่ๆ ในภาพยนตร์ของผู้คนใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้สัมผัส วันนี้ก็ไม่เว้น สองคนเดินออกไปพบเพื่อนอีกสอง ลองดูหนังที่อยากสัมผัสมานานอย่าง ‘Melancholia’ ดูสักที
หลังจากตรวจสอบรอบฉายแล้ว พบว่าลิโด้โรงที่สามยังคงฉายอยู่ แม้จะเหลือแค่ 2 รอบ แต่เราไม่รีบมาก เดินทางออกจากบ้านราวบ่ายโมงเศษ ก่อนจะไปถึงโรงหนังก่อนบ่ายสองเพียงสิบสองนาที ซื้อตั๋วหนังราคา 100 บาทมา 4 ใบแล้วไปนั่งทานกล้วยปั่นกันก่อน ได้เวลาเดินถือกล้วยปั่นของเราเข้าโรงหนัง คนดูร่วมโรงเพียงสามสิบ ชิลๆ
รีวิวหนัง ‘Melancholia’
ขึ้นต้นมาอย่างอลังการ กับภาพที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าหมายจะให้เห็นทุกรายละเอียดของการเคลื่อนไหว ซีจีที่แต่งเติมให้ดูเหมือนเป็นภาพเหนือจินตนาการ หากตั้งอยู่บนจุดๆ เดียว การแหลกสลายของโลกและความหมายของการมีชีวิต จากการมาเยือนของดาวสีฟ้า เนิ่นนาน ยืดยาว เพลิดเพลินไปพร้อมกับเสียงดนตรีออเคสตร้าที่เราจะได้ยินตลอดเรื่อง
โอ้ ช่างเป็นฉากเปิดที่สุดอลังการและน่าตะลึงได้อะไรจะขนาดนี้
..ก่อนจะได้พบกับ เรื่องราวที่ประกอบขึ้นด้วย 2 องค์ หากแต่เป็นเรื่องเดียวกัน เรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่มี พ่อ แม่ ลูกสาวสองคน ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน เคมีของทุกคนนั้นดูแปลกๆ แต่อย่างไรทุกคนก็คือคนในครอบครัวของกันและกัน ในวันแต่งงานของ จัสติน (Kirsten Dunst จากหนังเรื่อง ‘The Beguiled’ และ ‘The Power of the Dog’) ผู้ดิ้นรนและพยายามจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเมื่อวันสำคัญๆ อย่างนี้มาถึง งานแต่งงานอันเลิศหรูอลังการที่พี่สาว แคลร์ (Charlotte Gainsbourg) และพี่เขย จอห์น (Kiefer Sutherland) ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อเธอ
หากแต่วันสำคัญเยี่ยงนี้ ก็มีอีกเหตุการณ์ที่กำลังสั่นคลอนทุกอย่างที่อยู่บนโลก…
เมื่อดาวเคราะห์สีฟ้าดวงใหญ่ นาม Melancholia กำลังพุ่งเข้าหาโลกมาทุกขณะ ความพยายามในการควบคุมตนเองของ แคลร์ กำลังจะขาดผึง ในขณะที่จอห์น สามีของเธอก็กำลังพยายามเต็มที่จะคุมสติของเธอให้อยู่กับร่องกับรอยให้มากที่สุด แต่เหตุทั้งหมดจะพลิกผันอย่างไร นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกของผมกับผู้กำกับฯ คนนี้ Lars von Trier
เมื่อหนังทั้งเรื่อง หลังจากไตเติลเป็นต้นมา ดำเนินเรื่องด้วยมุมกล้องแบบ Handheld มุมกล้องส่ายไปส่ายมา ซูมเข้าซูมออก เหมือนตั้งใจจะให้คนดูรู้สึกว่า นี่คุณกำลังดูเรื่องราวจริงๆ ทำให้เชื่อมากยิ่งขึ้นว่านั่นคือ เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แม้มันจะเป็นเพียงเรื่องเล่าก็ตาม อาจจะด้วยความที่ผม “นอนน้อย” ไปหน่อยในช่วงนี้ การพักผ่อนให้เพียงอาจจะสร้างผลกระทบให้ผมกระอักกระอ่วนในช่วงหลัง
การเล่าเรื่องที่ค่อยๆ เล่า อาจสร้างความกระวนกระวายใจให้กับคนดูอยู่นิดๆ ว่า เรื่องจะดำเนินไปถึงจุดลงเอยตรงไหน เพราะทุกคนต่างได้รับสารแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น การดำเนินไปถึงจุดนั้นต่างหากที่เขากำลังเล่าให้เราฟังอยู่ เหมือนเรากำลังรู้ตัวว่า อย่างไรเสีย เราก็ต้องมีวันนั้นแน่ๆ หากวันแต่ละวันที่ผ่านเราไป มันจะเชื่องช้าอย่างน่าทรมาน แต่ละคนอาจมีวิธีรับกับมันต่างกันออกไป หลายสิ่งที่เห็นก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น
Kirsten Dunst และนักแสดงหลายๆ คนที่ผมไม่คุ้นหน้า ทว่าแสดงได้ดีสมบทบาท หลายสิ่งเหมือนเป็นปมที่ยังไม่คลี่คลาย และมีปมมากพอที่จะสานต่อภิปรายกันต่อนอกโรงหนัง อาจเพราะผู้กำกับฯ เจาะจงจะเล่าเพียงบางส่วนเหมือนดั่งเราเป็นแค่ผู้ไปพบเห็นเหตุการณ์เท่านั้น
ในใจอยากจะเร่งวันเร่งคืนในหนังอย่างมาก (อาจจะเพราะกระอักกระอ่วนอยู่เป็นทุน) แต่นั่นเพราะเรารู้จุดจบของมันนั่นเอง บางทีก็ต้องมานั่งถามตัวเองเหมือนกันนะ ว่าถ้าเราต้องเจอเหตุแบบนั้นจริงๆ เราจะเป็นแบบคนไหนในเรื่องกันล่ะ
ชื่อของหนังก็อีก อาจจงใจตั้งชื่อให้กับดาวเคราะห์สีฟ้าดวงนั้นว่า Melancholia ซึ่งผมมาเปิดพจนานุกรมดู มันแปลว่า “โรคทางจิตที่มีอาการซึมเศร้า” อาการมันช่างตรงกับสิ่งที่ตัวละครหลักเป็นเสียนี่กระไร
ด้วยระดับของซีจีสวยเกินจินตนาการ ดำเนินเรื่องเนิบนาบ พร้อมมุมกล้องแฮนด์เฮลด์ ยกให้เป็นหนังแนวๆ อีกเรื่องของปี
ชื่อภาพยนตร์: Melancholia / เมลันคอเลีย รักนิรันดร์ วันโลกดับ
ผู้กำกับภาพยนตร์: Lars von Trier
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Lars von Trier
นักแสดงนำ: Kirsten Dunst, Charlotte Gainsbourg, Kiefer Sutherland, Alexander Skarsgård
แนว/ประเภท : Drama, Sci-Fi
เรท : USA/R, ไทย/
ความยาว : 136 นาที
ประเทศ : สหรัฐอเมริกา
ปี : ค.ศ.2011
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย : Zentropa Entertainments, Memfis Film, Zentropa International Sweden, Magnolia Pictures
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 2554
ชอบแสงของ ดวงจันทร พระอาทิตย์ และ ดาวMelancholia ที่ส่องลงมากลางสนามหญ้าหน้าบ้านมากๆครับ ดูแล้ว สมจริงสมจังเหมือน มีอะไรที่ไม่ปรกติจริงๆ
และความโรคจิตของ Justin ก็ทำให้อึดอัดๆ มากๆ กดดันครับ…
แต่ชอบครับ เรื่องนี้สนุกทีเดียว