บางที ไอเดียดีๆ ก็บังเกิดขึ้นได้ด้วยมนต์ของภาพยนตร์แอนิเมชัน เรื่องราวของหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับใช้สร้างความสะดวกสบายให้กับครอบครัวมนุษย์ แต่เพราะพายุใต้ฝุ่นจึงได้พัดหุ่นตัวหนึ่งให้ตื่นขึ้นมาบนเกาะร้างที่ไร้มนุษย์ และกลายเป็น ‘The Wild Robot’ หรือชื่อไทย ‘หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง’ ที่เล่าเรื่องได้ทัชหัวใจของคนดูอย่างยิ่ง
คิดเห็นเช่นไรกับหนังเรื่องนี้?
แอนิเมชันความยาว 102 นาทีเรื่องนี้ เล่าเรื่องได้ทั้งลื่นไหล สนุก ตลก และซึ้งน้ำตาไหล ด้วยหน้าหนังเรียบง่าย เด็กคนไหน ๆ ก็เข้าถึงได้ แต่ก็สามารถเข้าถึงจิตใจของผู้ใหญ่ได้อย่างเต็มล้นเช่นกัน เพราะความสัมพันธ์ของหุ่นเอไอกับเหล่าสิงสาราสัตว์นั้นเป็นส่วนผสมที่เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนจะไปต่อด้วยประเด็นที่ลึกซึ้งและคมคาย
ทั้งด้วยงานภาพที่สดสวยเป็นเอกลักษณ์เกินจะละสายตา ดนตรีประกอบที่ไพเราะและส่งเสริมเรื่องราว
เรื่องย่อหนัง ‘The Wild Robot’
หนังแอนิเมชันที่ดัดแปลงสร้างหนังสือเรื่องนี้ เล่าถึงโลกอนาคตที่มีบริษัทยูนิเวอร์แซลไดนามิกต์ผลิตหุ่นยนต์มาเพื่อเป็นสมาชิกคอยช่วยเหลือมนุษย์ แต่เพราะพายุฝนฟ้าคะนองหนักหน่วงจนเรืออับปาง เป็นเหตุให้หุ่นยนต์ที่ชื่อ รอซซัม รุ่น 7134 หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า รอซ (ลูพิตา นยองโง จากหนังเรื่อง ‘Us’) ถูกน้ำซัดมาเกยตื้นบนเกาะร้างแห่งหนึ่ง
รอซต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์กับสัตว์บนเกาะ ผ่านเหตุการณ์หลายหลากจนในที่สุด เธอก็กลายเป็นแม่บุญธรรมของ ไบรท์บิล (คิท คอนเนอร์ จากซีรีส์ ‘Heartstopper’) ลูกห่านกำพร้าตัวหนึ่ง
รีวิวหนัง ‘หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง’
มันเป็นหนังแอนิเมชันภาพสวยที่ดัดแปลงจากหนังสือขายดีอันดับหนึ่งในนิวยอร์กไทมส์ ผลงานของนักเขียนคนดัง ปีเตอร์ บราวน์ ที่ได้รับรางวัลมากมาย อีกทั้งชื่อไทยของหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นชื่อเดียวกับหนังสือที่แปลไทยด้วยนะ เรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นหนังที่พูดคุยกับเด็ก เล่าเรื่องน่ารักของหุ่นยนต์กับสัตว์ป่า แต่จริง ๆ แล้ว เนื้อหาของมันพาผู้ใหญ่อินจนน้ำตาไหลพรากได้เลยเชียวล่ะครับ
ด้วยหน้าหนังแล้ว มันก็คือหนังผจญภัยของเจ้าหุ่นยนต์บนเกาะร้างนั่นแหละ เพียงแต่ว่ามันเล่าเรื่องได้ไหลลื่นมาก เริ่มต้นด้วยภาพของหุ่นยนต์บ้านผู้กลายมาเป็นหุ่นยนต์ป่าที่สื่อสารกับใครไม่ได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ในที่สุด ภารกิจดั้งเดิมก็ถูกลบเลือน ประกอบกับหุ่นได้เรียนรู้ชีวิตในป่า จนเริ่มจะปรับตัวได้ แต่ในระหว่างนั้น มันก็พบว่าตัวเองกำลังเป็นแม่จำเป็นให้กับลูกห่านตัวน้อยที่เกิดมากำพร้า
หุ่นยนต์ที่ต้องเรียนรู้การเป็นแม่ของห่านเด็กน้อย ภารกิจที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน การเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงดูทุกทางเพื่อให้เขาเติบโต ทั้งหาอาหาร ทั้งสอนให้หัดว่ายน้ำและบิน ไม่เท่านั้น หุ่นยนต์ต้องเรียนรู้ที่ปล่อยลูกจากอ้อมอก ให้ได้ไปเติบโตที่อื่น และมีชีวิตของตัวเอง หนังหยิบเอาหัวใจมนุษย์มาใส่ในหนังเด็ก ๆ เรื่องนี้ได้อย่างน่าทึ่ง แล้วใครเล่าจะไม่เสียน้ำตาให้กับมัน
เหมือนหนังมันจะเล่าถึงชีวิตของคนเรานี่แหละ ที่หลายครั้ง เราก็ต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยและต้องปรับตัวเพื่อจะไปต่อให้ได้ บางครั้ง เราก็ต้องเป็นอะไรที่เราไม่เคย ก้าวออกจากเซฟโซนเพื่อเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า เช่นเดียวกับที่เจ้าหุ่นรอซได้เรียนรู้หน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างการเป็นแม่เป็นหุ่นยนต์ เป็นเอไอ ที่ไม่ทันได้รู้ว่ามี “ความรัก” เกิดขึ้นตอนไหน ทั้ง ๆ ที่มันไม่เคยถูกโปรแกรมกำหนดให้เป็น เล่าไปถึงการก้าวข้ามความแตกต่าง และการเกื้อกูลกันของตัวละครที่ต่างเผ่าพันธุ์เพื่อบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
แอนิเมชันเรื่องนี้มีความยาวอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 42 นาที อาจจะดูเหมือนไม่นาน แต่ระหว่างที่ดูกลับไม่รู้สึกว่าหนังจะสั้นแต่อย่างใด ราวกับมันใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก เรื่องเดินไปอย่างไม่สะดุด มีทั้งช่วงที่น่ารัก ตลก สนุก และอินซึ้ง เรื่องราวในนั้นมันกินใจ ชวนรู้สึกว่าคมคาย แฝงแง่มุมความเป็นมนุษย์ไว้ในเรื่องราวความสัมพันธ์ของหุ่นเอไอกับสิงสาราสัตว์ จนไม่อาจจะตัดคะแนนส่วนใดออกไปได้เลย
ในด้านทีมนักพากย์ก็เรียกได้ว่า เต็มไปด้วยนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะนอกจากผู้ชมได้พบกับหุ่นยนต์ที่มีชื่อเล่นสั้นๆ ว่า รอซ ที่พากย์เสียงโดย ลูพิตา นยองโง และเจ้าไบรท์บิล/จะงอยแจ๋ว ที่พากย์เสียงโดย คิท คอนเนอร์ แล้ว รอซก็ยังมีผู้ช่วยเป็นเจ้าจิ้งจอกหางแดงที่ชื่อ ฟิงก์/แสนกล (เปโดร ปาสคาล จากซีรีส์ ‘The Last of Us’ ), พิงก์เทล (แคทเธอรีน โอ’ ฮารา จากหนัง ‘Beetlejuice Beetlejuice’) พอสซัมแม่ลูกอ่อน, ห่านลองเน็ค (บิล ไนฮีย์ จากหนัง ‘The Fitst Omen’) แล้วก็ยังมีอีกหลายคนที่คุ้นชื่อกันดี ไม่ว่าจะเป็น มาร์ก แฮมิล, วิง เรมส์ และ แมตต์ เบอร์รี่ เรียกได้ว่า ต่อให้ไม่รู้ว่ามีใครมาร่วมพากย์เสียงมั่ง คนดูต้องรู้สึกคุ้นๆ เสียงของบางตัวละครอยู่บ้างแหละน่า
จุดเด่นของหนังมีตั้งแต่เรื่องราวที่แสนจะทัชหัวใจ ในงานภาพที่สดสวย มีเทคนิคที่เหมือนภาพสีน้ำ งานละเอียดที่ทั้งดูแตกต่างและดี ดีไซน์คาแรกเตอร์เหล่าสรรพสัตว์ก็แสนน่ารัก ขณะที่ดีไซน์แคแรกเตอร์ของหุ่นรอซก็ชวนให้นึกถึงหุ่นยนต์ในหนังอะนิเมะจาก Studio Ghibi แถมดนตรีประกอบบางเพลงก็ยังพาให้นึกถึงหนังของจิบลิอีกเช่นกัน เดาว่าน่าจะได้อิทธิพลมาพอสมควร
และถ้าใครไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์แล้ว ก็อย่าลืมว่า ท้ายสุดหลังเครดิตปิดท้ายสิ้นสุดลง ยังมีอีกฉากน่ารักๆ ฉากนึงรออยู่นะครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Wild Robot / หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง |
กำกับ | Chris Sanders |
เขียนบท | Chris Sanders, Peter Brown |
แสดงนำ | Lupita Nyong’o, Pedro Pascal, Kit Connor, Bill Nighy, Stephanie Hsu, Mark Hamill, Ving Rhames, Catherine O’Hara |
แนว/ประเภท | แอนิเมชัน, ไซไฟ |
เรท | PG |
ความยาว | 102 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 17 ตุลาคม 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Dentsu, DreamWorks Animation, Universal Pictures |
คะแนนรีวิวหนังแอนิเมชัน หุ่นยนต์ผจญภัยในป่ากว้าง
พล็อตและบท - 10
การแสดง - 10
การดำเนินเรื่อง - 10
งานด้านภาพ - 10
เพลงและดนตรีประกอบ - 10
10
The Wild Robot
แอนิเมชันความยาว 102 นาทีเรื่องนี้ เล่าเรื่องได้ทั้งลื่นไหล สนุก ตลก และซึ้งน้ำตาไหล ด้วยหน้าหนังเรียบง่าย เด็กคนไหน ๆ ก็เข้าถึงได้ แต่ก็สามารถเข้าถึงจิตใจของผู้ใหญ่ได้อย่างเต็มล้นเช่นกัน เพราะความสัมพันธ์ของหุ่นเอไอกับเหล่าสิงสาราสัตว์นั้นเป็นส่วนผสมที่เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนจะไปต่อด้วยประเด็นที่ลึกซึ้งและคมคาย ทั้งด้วยงานภาพที่สดสวยเป็นเอกลักษณ์เกินจะละสายตา ดนตรีประกอบที่ไพเราะและส่งเสริมเรื่องราว