รีวิวหนัง Captain America: Brave New World | ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่ เริ่มด้วยกัปตันไร้พลังพิเศษ

หนึ่งในตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด นั่นคือ กัปตันอเมริกา และที่ผ่านมาเป็นสตีฟ โรเจอร์สที่รับหน้าที่ดังกล่าวมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ หลังคนเก่าขอถอนตัวไป ก็ถูกส่งต่อให้คนใหม่อย่าง แซม วิลสัน ที่ต้องดิ้นรนอยู่ในยุคที่ไร้ทีมอะเวนเจอร์ส ได้เวลาไปพบกับเรื่องของเขาได้ใน ‘Captain America: Brave New World’ หรือชื่อไทย ‘กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่’ กันแล้วล่ะครับ

คิดเห็นเช่นไรกับหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลเรื่องนี้?

หนังซูเปอร์ฮีโร่จากค่ายมาร์เวลที่เล่าถึงการทำหน้าที่ของกัปตันอเมริกาคนใหม่ อย่าง แซม วิลสัน ที่ต้องยืนอยู่ข้าง ปธน. รอสส์ พวกเขาต้องรับมือกับตัวร้ายที่แฝงตัวอยู่เบื้องหลัง มันเป็นหนังนักสืบที่ตัวละครนำต้องค่อย ๆ เปิดเผยความจริงที่ซับซ้อนนิดหน่อย เรื่องฉากแอ็คชันอาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก และดูเหมือนฉากใหญ่ที่เน้นมากสุด คงเป็นการห้ำหั่นกันระหว่างแคปและเร้ดฮัลค์นั่นเอง

และดูเหมือนฉากใหญ่ที่เน้นมากสุด คงเป็นการห้ำหั่นกันระหว่างแคปและเร้ดฮัลค์นั่นเอง

เรื่องย่อหนัง ‘Captain America: Brave New World’

หลังการถอนตัวจากชีวิตการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของ สตีฟ โรเจอร์ส กัปตันอเมริกาคนเก่า บัดนี้ โลกได้ แซม วิลสัน (Anthony Mackie จากหนังเรื่อง ‘Outside the Wire’ และซีรีส์ ‘Falcon and Winter Soldier’) เป็นกัปตันอเมริกาคนใหม่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพลังวิเศษเพราะยังไม่เคยฉีดอะไรเข้าร่างกาย

แต่ในครั้งนี้ สหรัฐอเมริกาได้ประธานาธิบดีคนใหม่เป็น แธดเดียส รอสส์ (Harrison Ford จากหนังเรื่อง ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’) ผู้บอกว่าต้องการบรรจุกัปตันอเมริกาเป็นตำแหน่งทางการในกองทัพ

ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยว่าจะมีปัญหาในการทำงานร่วมกันเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นหรือเปล่า ก็เหตุร้ายขึ้น ไอเซอาห์ แบรดลีย์ (Carl Lumbly จากซีรีส์​ ‘Obliterated’) ก็ก่อเหตุพยายามฆ่าประธานาธิบดี แม้แซมจะไม่เชื่อเรื่องดังกล่าว แต่เขาก็ต้องไขความจริงในกระจ่างพร้อมทั้งขจัดปัดเป่าภัยร้ายทางการเมืองนี้ให้หมดสิ้นไปด้วย

รีวิวหนัง ‘กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่จักรวาลใหม่’

จักรวาลมาร์เวลเดินทางมาถึงจุดที่ไทม์ไลน์แตกกระจาย และสตีฟ โรเจอร์ส ตัดสินใจบอกลาชีวิตซูเปอร์ฮีโร่ไปปลีกวิเวกกับชีวิตส่วนตัว แต่ขณะที่โลกยังคงต้องวุ่นวายต่อ ตำแหน่งกัปตันอเมริกาเองก็ได้รับการสานต่อเช่นกัน โดยมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังวิเศษใดๆ และอดีตฟัลคอนที่มาพร้อมกับปีกและไอพ่น หนนี้ เขาได้รับสืบทอดโล่จากกัปตันคนเก่า และอัปเกรดปีกให้แข็งแกร่งแถมกลายเป็นอาวุธได้ด้วยเทคโนโลยีจากวาคานด้า ส่งผลให้ปีกไวเบรเนียมของเขากลายเป็นอาวุธสุดเทพเพราะมันตัดโลหะได้ทุกชนิดนั่นเอง

แต่ว่า แซม วิลสัน จำเป็นต้องทำงานร่วมกับประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง แธดเดียส รอสส์ ชายผู้กำลังมีปัญหาคาใจกับลูกสาว ประธานาธิบดีที่พยายามจะทำสนธิสัญญาแบ่งอดาเมนเทียม (แร่พิเศษที่ได้มาจากเกาะเซเลสเชียล) ให้เท่าเทียมกันในทุกประเทศทั่วโลก

แต่ปัญหาของการดูหนังเรื่องนี้ของนายแพท ก็คงจะเป็นเรื่องความซับซ้อนของเรื่องราว ด้วยความที่มันมีความเป็นหนังสายลับอยู่ในที ค่อยๆ ปอกเปลือกให้คนดูได้รับรู้เรื่องจริงจากสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่ดูเคลือบแคลง เหตุไซด์ไวน์เดอร์ที่คอยดักทำร้ายแซม เหตุลอบทำร้าย ปธน.รอสส์ โดยใช้การสะกดจิตไอเซอาห์ แซมในฐานะกัปตันอเมริกาผู้ไร้พลังจึงทำหน้าที่กับฮัวคืนผู้รับบทฟัลคอนคนใหม่ เพื่อหาว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเหตุครั้งนี้

ในที่สุด สองฮีโร่ก็สืบจนพบกับห้องวิจัยลับของ ซามูเอล สเติร์นส์ ผู้ปราดเปรื่องที่คุกเอคโค่วัน สเติร์นส์คือคนที่รู้วิธีบงการจิตด้วยแสงแฟลชและแอคทิเวตด้วยเพลงมิสเตอร์บลู ขณะ ปธน. กำลังนำสหรัฐเข้าสู่สงครามโดยการปั่นหัวของสเติร์นส์ ทำให้แซม, ฮัวคิน และรูธต้องรุดเข้าแทรกแซง แต่ดูเหมือนอาการของ ปธน.รอสส์ จะเริ่มฉุดไม่อยู่ เขาเริ่มเครียดและแสดงอารมณ์รุนแรง

Taglines: The future favors the brave.

ความจริงที่ปรากฏคือ เพราะ ปธน.รอสส์กำลังจะตาย จึงให้ห้องแล็บทำงานแก่สเติร์นส์เพื่อแลกกับยาที่ทำให้หัวใจเขายังไม่ล้มเหลว แต่สเติร์นส์ผู้ต้องการแก้แค้น กลับวางยาเอาไว้ จนในที่สุด ปธน.รอสส์ก็เดือดดาลฉุดไม่อยู่และกลายร่างเป็นเร้ดฮัลค์ไป

ดูแล้ว หนังคงตั้งใจเล่นประเด็นเรื่องของคนที่ปัญหาเรื่องการพิสูจน์ตัวเอง ปธน.รอสส์ต่อลูกสาว แซม วิลสันต่อแบรนด์กัปตันอเมริกา คนแรกอยากพิสูจน์ให้ลูกเห็นว่าเขาเป็นคนดี ส่วนอีกคนไม่ต้องการจะฉีดเซรุ่มเพื่อเพิ่มพลังกล้ามเนื้อเพื่อจะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ และมักด้อยค่าตัวเองว่ายังไม่ดีพอ

วันที่เราดูในแบบหนังใหญ่ในโรง พบว่าตัวเองมีปัญหาในการติดตามเรื่อง กับฉากแอ็คชันที่ยังดูไม่ว้าว ทำให้ไม่ค่อยชอบหนังภาคนี้สักเท่าไหร่ ก่อนจะได้กลับมาดูมันซ้ำแบบวนไปวนมากว่าจะจบ ในที่สุด ก็พบว่าตัวเองเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น และพบว่า หนังค่อยน่าสนใจกว่าเดิมนิดหน่อย

แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็คือ ความรู้สึกที่ว่า หนังตั้งใจให้คนรอดูฉากใหญ่ที่กลายเป็นการต่อกรห้ำหั่นกันระหว่างกัปตันและเร้ดฮัลค์ ก่อนจะให้รอเครดิตปิดท้ายเพื่อชมฉากแถม (ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรนักหรอก) อิอิ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง