รีวิวหนัง Downton Abbey: A New Era | ถ่ายหนังกัน ณ ดาว์นตัน แอบบีย์

จากซีรีส์ยอดนิยมสู่ภาพยนตร์บนจอยักษ์อีกครั้ง เมื่อได้เห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่กำลังจะเข้าฉายในไทยมีชื่อว่า ‘Downton Abbey: A New Era’ ชื่อไทย ‘ดาวน์ตัน แอบบีย์: สู่ยุคใหม่’ ย่อมจะบ่งบอกได้แน่ชัดว่า มันเป็นคือ ภาพยนตร์ภาคที่สองของซีรีส์ยอดนิยมที่เคยคว้ารางวัลเอมมี่อะวอรดส์มาครอง หลังเคยมีภาคแรกกันไปเมื่อสามปีก่อน

มันเคยเป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวชนชั้นสูงครอว์ลีย์และเหล่าคนรับใช้ในบ้านดาวน์ตัน แอบบีย์ คฤหาสน์หลังใหญ่ในแถบยอร์กไชร์ ประเทศอังกฤษ ตอนที่เริ่มเล่ามันอยู่ในปี ค.ศ. 1912 ผ่านช่วงเวลาที่เรือไททานิคล่มกลางสมุทร สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไข้หวัดสเปนระบาด และอีกหลายเหตุการณ์ ซีรีส์ใช้เวลาเล่าเรื่องอยู่ 6 ซีซันเต็ม ตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปี 2015 รวมแล้ว 52 ตอน แต่ก็มีภาพยนตร์ภาคแรกผุดขึ้นมาในปี 2019 และทำรายได้ทั่วโลกไปราว 192 ล้านเหรียญสหรัฐ

และนี่คือ ดาวน์ตัน แอบบีย์ ในรูปแบบภาพยนตร์ภาคที่สอง

เรื่องย่อหนัง ‘Downton Abbey: A New Era’

เรื่องเล่าครอบครัวครอว์ลีย์ที่ดำเนินมาถึงในช่วงที่ เลดี้แกรมแธม คุณย่าของบ้านนี้ได้รับรู้ว่าตนกำลังจะได้เป็นเจ้าของวิลล่าแห่งนกพิราบที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส วิลล่าหลังงามที่เธอคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องล้อเล่น ด้วยคำเชื้อเชิญนั้นทำให้บุตรชายอย่างโรเบิร์ต (Hugh Bonneville จากหนังเรื่อง ‘Paddington’) ต้องเดินทางพร้อมภรรยาไปสืบหาความจริงที่ริเวียร่าด้วยตัวเอง

ในเวลาเดียวกันนั้น คฤหาสน์ใหญ่หลังงามแห่งนี้ก็ได้รับการติดต่อจากคุณบาร์เบอร์ (Hugh Dancy จากซีรีส์ ‘Law & Order’, ‘Homeland’ และ ‘Hannibal’) ผู้เป็นทั้งโปรดิวเซอร์และผู้กำกับที่จะเช่าพื้นที่ชั่วคราวเพื่อถ่ายทำหนังเรื่องใหม่ คนรับใช้ต่างดีใจกันยกใหญ่ที่จะได้กระทบไหล่ดาราดัง ครอบครัวครอวลีย์จำเป็นต้องตอบรับโปรเจกต์เพราะจะนำเงินมาใช้ซ่อมแซมหลังคา

รีวิวหนัง ‘ดาวน์ตัน แอบบีย์ : สู่ยุคใหม่’

ด้วยความที่เป็นซีรีส์แนวอังกฤษย้อนยุคที่มีผู้คนนิยมและชื่นชอบ จนน่าจะมีคนจำนวนหนึ่งเลยแหละที่ติดตามและเป็นแฟนซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้ค่ายหนังมองเห็นว่าน่าจะมีกลุ่มผู้ชมอยู่จำนวนมากพอควรที่จะติดตามเข้ามาชมภาพยนตร์ภาคต่อที่บอกเล่าเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจากตัวซีรีส์

และก็เป็นเพราะมันเป็นเรื่องราวของครอบครัวใหญ่ในคฤหาสน์หลังงามที่มีคนรับใช้ร่วมสร้างสีสัน ดาวน์ตัน แอบบีย์ จึงเต็มไปด้วยตัวละครมากมายที่ต่างก็อยู่ในใจของแฟนซีรีส์ ทำให้ผู้มาใหม่อย่างผมมีปัญหาอยู่พอสมควรในการจดจำทำความรู้จักกับพวกเขาเหล่านั้น

แต่หนังเรื่องนี้มีหลายสิ่งที่มองเห็นเด่นชัดแม้ไม่ได้แฟนตัวจริงของซีรีส์มาก่อนก็ตาม สิ่งเหล่านั้นคือ โปรดักชันงานสร้างที่ดีงาม ทั้งโลเกชันสถานที่ อุปกรณ์ประกอบฉาก ดูวิลิศมาหราเหมือนถ่ายทำมาจากช่วงเวลาจริงๆ รูปแบบการเคลื่อนกล้อง รวมไปถึงดนตรีประกอบ แม้กระทั่งเพลงที่อยู่ในฉาก

อีกส่วนหนึ่งก็นักแสดงต่างก็ทำหน้าที่เล่าเรื่องด้วยบทที่แทรกมุกในแบบผู้ดีอังกฤษแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว ตัวละครแต่ละตัวต่างก็มีเรื่องราวที่ส่งต่อมาจากซีรีส์ ใครที่เป็นแฟนจะรู้เบื้องลึงเบื้องหลังของพวกเขามาก่อน ผูกพันกับพวกเขามามากกว่าผมแน่ ย่อมจะยิ้มและหัวเราะคิกคักตามไปได้ด้วยแน่ ขณะที่ผู้มาใหม่อย่างผมจะเน้นความสนุกในมุกท่าทางและชอบใจในประเด็นการถ่ายทำหนังในคฤหาสน์หลังงามเสียมากกว่า

หนังเล่าเรื่องกองถ่ายที่มาขอเช่าพื้นที่ถ่ายทำหนัง ซึ่งนอกจากจะทำให้เห็นบรรยากาศการถ่ายหนังในยุคหนังเงียบที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคหนังพูด ก็ยังได้เห็นเทคนิคการถ่ายทำในสมัยนั้น เกาะเกี่ยวกับชีวิตของคนในดาวน์ตัน แอบบีย์ ที่มีส่วนร่วมกับหนังอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย กลายเป็นว่า แม้จะยังไม่อาจซึมซับถึงตัวละครต่างๆ ได้เต็มที่ แต่กลับมีความสุขอย่างมากกับการได้เห็นกองถ่ายในหนังเรื่องนี้แทนอย่างนั้น

หนังอาจดูยาวไปนิดนึงสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนมาก่อน แต่ผู้กำกับเขาก็เก่งนะ ดึงช่วงเวลาแห่งความสุขเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความเงียบงันได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่เป็นผลพวงจากการดูหนังเรื่องนี้ ก็คงเป็นการที่สร้างแรงบันดาลใจให้รู้สึกอยากตามกลับไปชมซีรีส์ ‘Downton Abbey’ เพื่อทำความรู้จักกับทุกคนในหนังเรื่องนี้เต็มๆ อีกหน

หลายคนอาจรู้สึกคุ้นๆ กับชื่อ Simon Curtis ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ เขาคือผู้กำกับหนังชวนอินอย่างเรื่อง ‘The Art of Racing in the Rain’ , ‘My Week with Marilyn’ และ ‘Goodbye Christopher Robin’ นั่นยังไงล่ะครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง

ขอขอบคุณเครดิตภาพประกอบ: UIP