รีวิวหนัง Omniscient Reader: The Prophecy อ่านชะตาวันสิ้นโลก
มันเป็นเว็บตูนชื่อดัง พอมาเป็นหนังก็เปรี้ยงปร้างในเกาหลีอีก จนในที่สุด มันก็เข้ามาฉายในไทยกันซะที ‘Omniscient Reader: The Prophecy’ หรือชื่อไทย ‘อ่านชะตาวันสิ้นโลก’ เรื่องราวเล่าเรื่องวันสิ้นโลกก็จริง แต่ในนั้นมันเป็นหนังที่ใช้พล็อตนิยายที่ไหลรวมกับโลกจริง แล้วเดินเรื่องด้วยเกมมัน ๆ ที่เสี่ยงตายชวนลุ้น กับภารกิจที่ตัวเอกต้องเปลี่ยนแปลงตอนจบให้ได้นั่นเอง
คิดเห็นเช่นไรกับหนังเกาหลีเรื่องนี้?
เมื่อโลกนิยายซ้อนทับโลกจริง โลกจริงจึงกลายเป็นแฟนตาซี ตัวเอกที่ไม่ชอบตอนจบแต่เรื่องกลับเลยเถิดเพื่อให้เขาลองเปลี่ยนตอนจบซะใหม่ หนังเดินเรื่องสไตล์เกมที่ตั้งใจสะท้อนสังคมแบบบู๊มันส์ชวนตื่นเต้นไม่หยุด แอ็คชันสนุก CG ค่อนข้างดีแม้จะยังคล้ายเกมอยู่ก็ตาม
ตัวเอกหล่อสวยมาก อโยซอบและมินโฮเนี่ย ไม่ต้องพูดถึง หล่อตลอดเรื่องอยู่แล้ว ขณะที่ซูบิน-นานะ แม้จะมอมไปบ้างแต่ก็ยังสวย ส่วนจีซูเนี่ยสวยตลอด ขนาดออกไม่เยอะเท่าคนอื่นนะเนี่ย
เรื่องย่อหนัง ‘Omniscient Reader: The Prophecy’
คิมดกจา (อันฮโยซอบ จากซีรีส์ ‘Business Proposal’) หนุ่มออฟฟิศธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่เป็นแฟนนิยายแฟนตาซีตัวยงเรื่อง ‘สามวิธีเอาตัวรอดจากวันสิ้นโลก’ เรื่องราวของโลกที่กำลังเผชิญหน้ากับหายนะ เขาอ่านนิยายยาวกว่า 3,000 ตอน ตั้งแต่ต้นจนจบ กินระยะเวลาร่วม 10 ปี ตอนนี้ผู้อ่านเหลือเพียงเขาผู้เดียว แต่ในช่วงเวลาที่เขาอ่านมันจบนั้น นิยายที่เขาอ่านกลับกลายมาอยู่ในโลกความจริง
จู่ ๆ ผู้คนรอบตัวก็ถูกสังหารโดยสัตว์ประหลาด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนนิยายที่เขาอ่านอย่างไม่มีผิดเพี้ยน และเป็นเขาท่านั้นที่ล่วงรู้ตอนจบของหายนะครั้งนี้!
เมื่อเขาได้เข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องโปรด ยูซังอา (แชซูบิน จากซีรีส์ ‘When The Phone Rings’) เพื่อนร่วมงานสาวก็ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันด้วย แต่มันก็ทำให้ดกจาได้พบกับพระเอกของเรื่อง ยูจุงฮยอก (อีมินโฮ จากซีรีส์ ‘When the Stars Gossip’) ผู้มีพลังและความสามารถสูงสุด แถมยังมีความสามารถย้อนเวลากลับไปตรงจุดเริ่มได้ แล้วยังได้ทีมอย่าง อีฮยอนซอง (ชินซึงโฮ จากซีรีส์ ‘Alchemy of Souls: Light and Shadow’) ทหารเก่าผู้มีปมในจิตใจ, จองฮีวอน (นานะ จากซีรีส์ ‘Mask Girl’) และ อีกิลยอง (ควอนอึนซอง) เด็กที่สามารถสื่อสารกับแมลงได้ แล้วก็ยังได้เจอกับนักเรียนสาวมัธยมปลาย อีจีฮเย (จีซู จากซีรีส์ ‘Newtopia’) ที่ติดตามจุงฮยอกมาตลอดอีก
ดกจาจะทำได้ไหม เขาจะพลิกชะตาของโลกได้หรือเปล่า?
รีวิวหนัง ‘อ่านชะตาวันสิ้นโลก’
บอกกันตามตรง ผมไม่ได้อ่านเวอร์ชันเว็บตูนหรอกนะ มันฮวาก็ไม่เคย ไม่ได้สนใจดราม่าด้วยซ้ำ รู้แค่ว่ามันขย่มบ็อกซ์ออฟฟิศที่เกาหลี แถมมีดาราดังร่วมงานมากมาย กับภาพลักษณ์ที่ขายความแฟนตาซี เอาแค่นี้ก็สนใจอยากจะดูแล้วล่ะ ว่าแล้วก็เดินเข้าโรงหนังกันเลย!
เอาจริง ๆ หนังค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะพอควร การจะเล่าให้รู้เรื่องและสนุกภายใน 2 ชั่วโมง จึงต้องทั้งรวบรัดและเข้มข้นในระดับที่เท่า ๆ กัน มันใช้เวลาปูเรื่องไม่นานเลย ก่อนที่โลกของนิยายจะเทไหลเข้ามายังโลกความจริง แปรเปลี่ยนทุกสิ่งให้มีสภาพแวดล้อมเหมือนในนิยาย แล้วนิยายออนไลน์เรื่องนี้เนี่ยก็ช่างยาวซะเหลือเกิน ยาวจนเปลี่ยนจากนิยายดังมีคนอ่านล้นหลาม ให้กลายเป็นนิยายที่เหลือคนอ่าน 1 คนเท่านั้น และคน ๆ นั้นก็คือ คิมดกจานั่นแหละครับ
ต้นสายปลายเหตุที่โลกใบนี้ต้องเผชิญกับหายนะมันเป็นเพราะตัวเขาเองนี่แหละ ที่ดันพิมพ์ไปบอกนักเขียนว่าไม่ชอบตอนจบ เท่านั้นแหละ นักเขียนบอกงั้นเขียนตอนจบให้ดูหน่อย ทีนี้ล่ะ ทุกอย่างที่อ่านมามันล้วนเกิดขึ้นจริง ซวยล่ะสิ
แต่มันก็ไม่ใช่แค่นั้น เพราะในโลกของนิยาย พระเอกอย่างยูจุงฮยอกและทุกคนในนั้นต้องเล่นเกมให้ผ่าน แต่ละด่านจะมีรางวัลให้เป็นเหรียญ และเหรียญพวกนั้นก็สามารถเอาไปแลกเป็นพลังความสามารถได้ ส่วนใหญ่ก็คือต้องสู้กับสัตว์ประหลาด และเมื่อโลกนิยายไหลมารวมกับโลกความจริง นั่นก็หมายความว่า คิมดกจาก็ต้องเล่นเกมด้วย ต้องฝ่าด่านให้ผ่าน แถมยังต้องหาตอนจบที่แตกต่างและที่เขามุ่งหมายอยากให้เป็นไปพร้อมกันด้วย
แหละเพราะว่าหนังมันต้องเดินเร็ว มันก็จะรู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมคนจึงเก็ทกันไวจัง ว่าโลกของพวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างราวพลิกฝ่ามือ มีทั้งสัตว์ประหลาด มีทั้งเกม และความสามารถพิเศษ แต่เพราะบทหนังไม่อยากให้เราโฟกัสตรงนั้น แต่มันต้องการจะไปต่อ เลยใช้ความลุ้นระทึกมาหันเหความคิดเรานั่นแล
สิ่งที่คนดูต้องหันมาสนใจมีหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกฎกติกาของการเล่นเกม ตัวละครที่ทะยอยเพิ่มมาทีละตัวและกลายมาเป็นทีมของดกจา พร้อมกับต้องลุ้นระทึกไปว่า แต่ละตัวละครต้องเอาชนะ เอาตัวรอด และฝ่าแต่ละด่านที่ต่างกฎต่างเกณฑ์ไปได้อย่างไร แถมยังแทรกซึมสะท้อนสังคมไว้ในนั้น ซึ่งหนังก็ชักชวนคนดูให้ลุ้นกันสุดตัวกับการเดินเรื่องสไตล์เกมฝ่าด่าน พร้อมกับงานภาพที่เต็มไปด้วย CG ของสัตว์ประหลาดต่างๆ
ไม่เท่านั้น ก็ยังได้เจอกับเหล่านักแสดงที่คุ้นเคยจากแดนกิมจิ งานนี้ถือว่าโคตรคุ้มสำหรับคนดู
มองรวมๆ มันเป็นเรื่องของคนอ่านนิยายแฟนตาซี ที่จู่ ๆ โลกในนิยายก็มาซ้อนทับกับโลกความจริง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกจริงกลายเป็นเรื่องแฟนตาซี ที่ต้องพึ่งพาซีจีมากเป็นพิเศษ และงานในนั้นก็ละเอียดพอดู แม้การเคลื่อนไหวจะดูไม่เนียนตาหรือคล้ายเปิดดูหนังในเกมไปบ้าง แต่ก็ต้องถืองานเกาหลีใต้เขาทำออกมาดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนตัวที่ไม่เคยอ่านทั้งนิยายและเว็บตูน ไม่ได้สามารถเปรียบเทียบอะไรได้ แค่สนุกกับตัวหนังไป ตัวเอกทำตามภารกิจที่ตั้งใจไว้ นั่นก็ถือว่า หนังให้ความบันเทิงกับเรามากพอสมควรแล้ว
และหนังก็ยังมีฉากพิเศษตรงกลางระหว่างเครดิต ใครไม่รีบลุกก็น่าจะทันได้ดูนะขอรับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
| ชื่อภาพยนตร์ | Omniscient Reader: The Prophecy / อ่านชะตาวันสิ้นโลก / 전지적 독자 시점 |
| กำกับ | Kim Byung Woo |
| เขียนบท | Sing Shong (web novel) |
| แสดงนำ | Ahn Hyo Seop, Lee Min Ho, Chae Soo Bin, Shin Seung Ho, Park Ho San, Nana, Choi Young Joon, Kim Ji Soo |
| แนว/ประเภท | แอ็คชัน, แฟนตาซี, ระทึกขวัญ |
| เรท | ไทย/น15+ |
| ความยาว | 117 นาที |
| ปี | 2025 |
| สัญชาติ | เกาหลีใต้ |
| เข้าฉายในไทย | 31 กรกฎาคม |
| ผลิต/จัดจำหน่าย | Amuse Soft, Dentsu, Fields Pictures, GAGA. |
คะแนนรีวิวหนัง อ่านชะตาวันสิ้นโลก
พล็อตและบท - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 8
การแสดง - 7.5
งานถ่ายภาพและเทคนิคพิเศษ - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
7.7
Omniscient Reader: The Prophecy
เมื่อโลกนิยายซ้อนทับโลกจริง โลกจริงจึงกลายเป็นแฟนตาซี ตัวเอกที่ไม่ชอบตอนจบแต่เรื่องกลับเลยเถิดเพื่อให้เขาลองเปลี่ยนตอนจบซะใหม่ หนังเดินเรื่องสไตล์เกมที่ตั้งใจสะท้อนสังคมแบบบู๊มันส์ชวนตื่นเต้นไม่หยุด แอ็คชันสนุก CG ค่อนข้างดีแม้จะยังคล้ายเกมอยู่ก็ตาม ตัวเอกหล่อสวยมาก อโยซอบและมินโฮเนี่ย ไม่ต้องพูดถึง หล่อตลอดเรื่องอยู่แล้ว ขณะที่ซูบิน-นานะ แม้จะมอมไปบ้างแต่ก็ยังสวย ส่วนจีซูเนี่ยสวยตลอด ขนาดออกไม่เยอะเท่าคนอื่นนะเนี่ย














