ค่ำคืนของวันที่อากาศร้อนแรง แต่เมฆสีเทาลอยเกลื่อนเต็มฟ้า ผมเดินทางด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้ มุ่งหน้าสู่โรงภาพยนตร์ SF World Cinema เพื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่เปิดฉายพรีวิวรอบพิเศษ เรื่องราวเบื้องหลังความโด่งดังของเว็บไซต์ Social Network อันดับหนึ่งของโลก Facebook แม้ว่าหนังจะเลี่ยงไม่ตั้งชื่อโดยตรง แต่โลโก้ชื่อหนังก็สื่อบอกเราอย่างโจ่งแจ้งแล้ว ‘The Social Network’
หนังที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาก่อนที่เฟซบุ๊กจะกลายเป็นเว็บไซต์ชื่อดัง มีผู้ใช้มากมายทั่วโลกอย่างทุกวัน ว่ามันได้ผ่านเรื่องอื้อฉาวมาอย่างไร มีใครบ้างที่ร่วมอยู่ใน “ปรากฏการณ์ก่อนวันนี้” กันมาบ้าง หากคุณคิดว่า นายแพทจะสปอยล์ก็อย่าได้อ่าน แต่ถ้าเชื่อใจก็ไล่สายตาลงไปทีละบรรทัดได้เลย
ผมเริ่มต้นด้วยสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่เสพติดการใช้ เฟซบุ๊ก (Facebook) อยู่พอสมควร ใช้เป็นประจำทุกวัน รวมทั้งยังใช้มันเพื่องานด้วย แต่จุดหนึ่งที่ผมไม่ได้สนหรือใส่ใจมากมายเลย คือ ประวัติและความเป็นมาของมัน ผมเคยได้ยินชื่อ มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) มาบ้าง เคยเห็นหน้ามานิดหน่อย (อย่างน้อยก็เมื่อคืนที่ท่านมาร์กแกมา live ให้เราดูกัน) แต่เบื้องหลังเบื้องลึกนั้น ผมแทบไม่รู้เลยก็ว่าได้ การไปชมวันนี้ จึงเป็นความสดใหม่ล้วนๆ ไร้สารเจือปน
รีวิวหนัง ‘The Social Network’
หนังเริ่มต้นตั้งแต่ตัว มาร์ก ที่เป็นแกนสำคัญของการกำเนิด Facebook บอกว่าเขาเป็นบุคคลเช่นไร มีบุคลิกแบบไหน ก่อนที่จะเกิดโปรเจ็กต์ต้นกำเนิดขึ้นมา เขาได้เจอใคร มีคนไหนเข้ามาร่วมในโปรเจ็กต์นี้บ้าง ชื่อเสียงเรียงนามเป็นใคร เคยทำอะไรมา บอกมาเกือบหมด ก่อนที่จะเกิดคดีอื้อฉาว 2 คดีในระหว่างการเติบโตของมัน
You Dont Get To 500 Million Friends Without Making a Few Enemies
อย่างที่เขาว่าแหละครับ แต่คำว่า ศัตรูอาจจะดูแรงไปในโลกแห่งความจริงก็ได้ อาจไม่มีใครรู้ว่า ความขัดแย้งระหว่างทางนั้นมีมากน้อยแค่ไหน ในวันนี้ พวกเขาพูดคุยกันดีๆ ได้หรือยัง
เรื่องอื้อฉาวที่ว่านั่น หนึ่งคือ การถูกกล่าวหาว่ามาร์กลอกเลียนไอเดียของฮาร์วาร์ดคอนเน็กชั่น และอีกหนึ่งคดี คือการถูกเพื่อนรักที่ร่วมสร้างโปรเจ็กต์ด้วยกันมาอย่าง เอ็ดวาร์โด้ ซาเวริน (Eduardo Saverin) ฟ้องเอาหลังถูกเตะออกให้พ้นทาง การมีสองคดีในหนังเรื่องเดียวอาจทำให้พาลนึกว่า หนังเรื่องนี้น่าจะเคร่งเครียด แต่จริงๆ มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียทั้งหมด
ผมพบว่า หลายฉากทำให้ผมฮากลิ้ง ก็ดีครับ กลายเป็นหนังชีวประวัติที่มีช่วงให้หัวเราะเยอะมากไปเลย
ผมไม่เคยอ่าน ‘Accidental Billionaire’ หนังสือที่เป็นทั้งชีวประวัติและนิยาย แต่ในหนัง มาร์ก ที่รับบทโดย Jesse Eisenberg เขาพยายามลอกเลียนบุคลิกของมาร์กตัวจริงมาได้ใกล้เคียงพอสมควร โดยเฉพาะการพูดรัวและเร็ว ซึ่งส่งผลให้บทพูดนั่นดูเยอะและยาวมาก ต้องชมผู้จัดทำซับภาษาไทยที่เลือกใช้ถ้อยคำได้ดี กระนั้น ก็ยังพบว่า อ่านไม่ทันในประโยคไปเหมือนกัน
ในด้านของดนตรีประกอบ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบมาก เพราะนอกจากจะไม่มากไม่น้อยไปแล้ว มันยังหลากหลายสไตล์เพลง และผสานกลมกลืนกันไปกับการเล่าเรื่องอีกด้วย ขณะที่การเล่าเรื่อง David Fincher ทำได้ดีในแง่ของการควบคุมโทน ไม่ได้เป็นหนังที่เคร่งเครียดเกินไป เล่นกับมุขตลกเกินไป หรือดูเป็นหนังเด็กเนิร์ดเกินไป ในช่วงที่หนังกำลังดำเนินด้วยอารมณ์เดิมๆ ซ้ำๆ ก็สลับไปหาวิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่ ไม่มีช่วงไหนที่เอื่อยหรือชวนหาวเลยสักช่วงเดียว
ขณะที่เนื้อหาของหนัง อาจจะดูเฉพาะกลุ่มไปบ้าง เพราะเป็นเรื่องของเด็กเนิร์ดๆ คนหนึ่ง ที่มีชีวิตจิตใจจดจ่ออยู่กับเว็บไซต์หนึ่งตลอดเวลา บางเรื่องราว อาจจะมีเฉพาะคนในวงการไอที หรือเด็กเนิร์ดด้วยกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ แต่หนังก็ยังเผื่อแผ่พื้นที่ให้กับตัวละครตัวอื่นๆ ที่ไม่ได้รู้เรื่องไอทีมากมายนักด้วยเช่นกัน
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงความจริงเศษเสี้ยวหนึ่งของทั้งหมด ที่ถูกบอกเล่าจากปากของตัวละครแต่ละตัว แม้เรื่องราวต่างๆ จะพุ่งเป้าไปที่มาร์กเป็นส่วนใหญ่ แต่การดำเนินเรื่องที่สลับกันไประหว่างอดีตและอดีตก็ทำให้ หนังชีวประวัติเรื่องหนึ่งดูน่าสนใจ แม้ใครจะบอกว่า เรื่องราวบางส่วนมันไม่จริง มันคงไม่แปลก หนังชีวประวัติมักเติมต่อเรื่องราวให้มี “ความเป็นหนัง” อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างน้อย มันก็ทำให้เราเห็น “คน” ใน “คน” ได้ และเราเข้าถึงเข้าใจได้ เพราะเขาใกล้เคียงกับ “คนจริงๆ” ที่สุดนั่นเอง
เข้าโรงหนัง พกความเนิร์ดๆ เข้าโรงไปด้วย จะช่วยได้มาก!
ชื่อภาพยนตร์ : The Social Network / เดอะ โซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค
ผู้กำกับภาพยนตร์ : David Fincher
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Aaron Sorkin (screenplay), Ben Mezrich (book)
นำแสดงนำ :Jesse Eisenberg, Andrew Garfield, Justin Timberlake
เรท : สหรัฐฯ PG-13, ไทย
ความยาว : 121 นาที
แนว/ประเภท : Biography, Drama, History
เข้าฉายในประเทศไทย : 2 ธ.ค. 2553
ยังไม่ได้ดูเลย พฤหัสนี้ต้องไปให้ได้
กะไปดูช่วงเดือนธันวาคม แต่ช่วงปลายเดือนหนังก็ไม่อยู่ในโรง ทั้งที่ตั้งใจพร้อมดีมากว่าจะไปดูก็อด ฮ่าๆ สุดท้าย วันนี้ดันมีมาฉายเฉยเลย ไปนั่งดูมีคนดูรวมผมก็สามคน
เป็นหนังที่ไม่อาจละสายตาได้จริงๆครับ เรียนคอมฯมาเลยได้พลังมาเยอะ เป็นหนังที่สนุกจริงๆ เสียอย่างเดียวกับ sub ที่ชวนมึนไปบ่อยเหมือนกัน ส่วนบางจังหวะก็อ่านไม่ทัน ๕๕