การรับชมคอนเทนต์บนเน็ตฟลิกซ์ด้วยเอไอนี่บางทีก็ช่วยได้มาก บางทีก็ช่วยได้น้อยนะครับ เวลาที่ไม่รู้จะดูอะไร เราก็มักจะลองดูตามที่ระบบเลือกมาให้ หลายครั้งที่หยิบมาขีดมาเขียนให้อ่านนี่ก็เพราะใช้วิธีนี้นี่แหละ อย่างเช่นซีรีส์เรื่องนี้ ความจริงมันก็มีมาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว แต่เพิ่งจะได้มาเปิดดูเพราะมันขึ้นแนะนำนี่แหละ ผมกำลังพูดถึง ‘Manifest เที่ยวบินพิศวง’ นั่นยังไงล่ะครับ
ซีรีส์เรื่องนี้กำเนิดมาจากผู้สร้าง Jeff Rake ที่เคยสร้างมาทั้ง ‘Bones’, ‘Hawthorne’ และ ‘The Tomorrow People’ ตอนนี้เรื่องนี้ก็ดำเนินมาถึงซีซันที่สามแล้ว และในปี 2022 นี้ก็จะออกอากาศซีซันที่สี่ ผลงานจาก Universal Television ที่อยู่ในเครือ NBC มีเนื้อหาในแนวลึกลับตื่นเต้นที่เล่าถึงตัวละครหลายๆ ตัวที่โดยสารเครื่องบินลำเดียวกัน หายไปและกลับมาเมื่อผ่านไป 5 ปีครึ่ง
แค่พล็อตเรื่องก็ชักชวนความสนใจเสียแล้ว!
เรื่องย่อซีรีส์ เที่ยวบินพิศวง
ครอบครัวสโตนที่มีกันหลายชีวิต หลังจบทริปพักร้อนและกำลังจะกลับอเมริกาทว่าดันต้องขึ้นเครื่องบินกันคนละเครื่อง และเหตุครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล
เมื่อมิเคล่า (Melissa Roxburgh จากหนังเรื่อง ‘I Still Believe’ และ ‘Star Trek Beyond’) เบน (Josh Dallas จากหนังเรื่อง ‘Zootopia’ และ ‘Thor’) พี่ชายของมิเคล่าที่เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ และแคล (Jack Messina) ลูกชายของเบนที่เป็นลูคิเมีย จำเป็นต้องแยกบินกลับอีกลำ แต่กลับเหตุไม่คาดคิด เครื่องบินที่พวกเขานั่งเผชิญเหตุตกหลุมอากาศรุนแรง เมื่อเครื่องลงจอด ก็พบว่าตัวเองมาถึงที่หมายในอีก 5 ปีครึ่งถัดมา ทั้งมิเคล่าและเบนได้กลับมาพบเจอกับครอบครัวอีกครั้ง และได้พบเห็นหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป มีเพียงพวกเขาที่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเพียงข้ามวันเท่านั้น
แถมหลังกลับมา ทั้งคู่ได้พบว่ามีบางสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับตัวเอง
ทั้งเบนและมิเคล่าต่างได้ยินเสียงคล้ายเสียงตัวเองดังขึ้นในหัว บอกให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ บางทีก็มองเห็นภาพนิมิตบ้าง เห็นเป็นตัวๆ ก็มี แถมยังพบว่า บางคนที่โดยสารเครื่องลำเดียวกันต่างก็พบเจอเหตุประหลาด นอกจากนี้ ทั้งหมดต่างก็ถูกโรเบิร์ต แวนซ์ (Daryl Edwards จากซีรีส์ Daredevil) คนจากหน่วยเอ็นเอสเอคอยเกาะติดอย่างไม่ลดละ พวกเขาจึงต้องพยายามหาคำตอบร่วมกันด้วยความรู้ความถนัดที่แต่ละคนมี
สิ่งที่พวกเขาเห็นและได้ยินนั้น มีจุดประสงค์อะไรกัน และจะหลุดพ้นจากมันยังไง?
รีวิวซีรีส์ Manifest
หนังชุดที่ดั้งเดิมนั้นเป็น NBC ที่ร่วมปลุกปั้น ได้กระแสที่ดีจนมีการสร้างซีซันต่อมา ทว่าพวกเขากลับปฏิเสธที่จะสานต่อดูแล แล้วก็กลายเป็น Netflix ที่ได้เป็นแพล็ตฟอร์มหลักของซีรีส์เรื่องนี้ ทุกอย่างดำเนินมาถึงซีซันที่สาม และทุกคนกำลังรอคอยซีซันที่สี่
เรื่องราวแนวเหนือธรรมชาติ ชวนสงสัยและติดตามค้นหาคำตอบของปริศนาเรื่องนี้ เริ่มเล่าถึงครอบครัวที่ต้องนั่งเครื่องบินกลับคนละลำ แต่บังเอิญว่าไฟลท์ 828 ของสายการมอนเตโกที่สามคนนั่งไปนั่นเกิดเหตุตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขาต้องลงจอดในสนามบินอันห่างไกล และได้รู้ว่าพวกตนหายไปจากโลกนาน 5 ปีครึ่ง คนที่อยู่ต่างเจ็บปวดและพากันมูฟออนไปหมดแล้ว
แต่จู่ๆ พวกเขาก็กลับมาในสภาพเดิมเมื่อ 5 ปีที่แล้วไม่มีผิดเพี้ยน
เบนได้กลับมาพบเจอเกรซ (Athena Karkanis) ภรรยาสุดที่รักอีกครั้ง และได้รู้ว่าเธอมีคนใหม่ระหว่างนั้น ส่วนลูกแฝดคนละเพศของเขานั้น โอลีฟ (Luna Blaise) ลูกสาวโตเป็นสาวแล้ว แต่แคลยังคงเป็นเด็กน้อยเหมือนเดิม ด้านมิเคล่า เธอเคยเป็นตำรวจและหาทางกลับไปทำงานเดิมอีกครั้ง เมื่อ 5 ปีก่อน เธอกำลังคิดว่าจะแต่งงานกับ จาเร็ด (J.R. Ramirez) แฟนหนุ่มดีหรือไม่ แต่ตอนนี้ เขาคบอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอเอง เป็นสิ่งที่ชวนกระอักกระอ่วนใจพิลึก
และยิ่งไปกว่านั้น เบนและมิเคล่าต่างได้รับรู้ข่าวร้าย แม่ของพวกเขาจากเสียไปก่อนแล้ว
สำหรับคนที่โดยสารไปกับเที่ยวบินนี้ พวกเขาตื่นตะลึงและพยายามอย่างหนักที่จะปรับตัวเข้ากับคนกลุ่มเดิมที่เปลี่ยนแปลงไป แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการได้ที่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงในหัวบอกให้ทำนั่นทำนี่ มองเห็นภาพของเทพมีปีกตรงหน้า แถมยังมีหน่วยงานบางหน่วยติดตามทุกฝีก้าวอีก ทุกเหตุที่เกิดขึ้นสร้างความสงสัยในใจคนดูไม่หยุดหย่อน ไม่แปลกที่คนดูจะสนใจติดตามกันจนมีการสร้างภาคต่อ
การกลับมาครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้คนที่พยายามจะมูฟออนจนมูฟออนไปได้ต้องสับสนเพราะคนเดิมกลับมา หากก็อาจส่งผลดี อย่างเช่น แคลจะได้รับการรักษาด้วยวิทยาการที่ก้าวล้ำหน้ากว่าเดิม หรือเบนที่ว่างงานจะได้รับโอกาสในการได้ดูแลลูกสาว เป็นต้น
แต่เรื่องราวก็ไม่ได้วนอยู่แค่ในครอบครัวสโตน เพราะยังกระจายไปยังคนอื่นๆ ที่รวมอยู่ในเครื่องบินไฟลต์เดียวกัน แต่กลับไม่ใช่ทั้ง 191 คนบนนั้น ลูกเรือและผู้โดยสาร 20 คนกลายเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ หนึ่งในนั้น คือ ซานวี (Parveen Kaur) แพทย์หญิงที่ผลงานของเธอกลายเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เธอมุ่งมั่นจะให้แคลได้รับการรักษา และความรู้ทางการแพทย์ของเธอก็ช่วยไขปริศนาเรื่องเหนือธรรมชาตินี้ได้มากเลย
ผสานกันไปกับการสืบเสาะข้อมูลอันชาญฉลาดของเบน และการสืบสวนของตำรวจอย่างมิเคล่าร่วมกับจาเร็ด ทำให้เขาพวกเขาได้พบเจอความจริงที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเที่ยวบินนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ซีรีส์เดินเรื่องอย่างฉับไว เรื่องราวเคลื่อนไหวไปข้างหน้าตลอดเวลา แม้อาจจะมีบางจุดที่รู้สึกตะขิดตะขวงในตรรกะด้านช่วงเวลา แต่บทก็เหมือนจะสรรหาอะไรใหม่ๆ มาให้พิศวงกันได้อย่างต่อเนื่อง แถมยิ่งเดินเรื่อง ยิ่งขยายไปเล่าถึงตัวละครตัวใหม่ๆ ทำให้เรื่องราวไหลไปได้แทบไม่รู้จบ
น่าสนใจยิ่งว่า ซีซันสี่ที่น่าจะเป็นซีซันสุดท้าย เรื่องราวทุกอย่างจะคลี่คลายลงเอยเช่นใด
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Manifest / เที่ยวบินพิศวง |
ผู้สร้าง | Jeff Rake |
นักแสดง | Melissa Roxburgh, Josh Dallas, J.R. Ramirez, Daryl Edwards, Luna Blaise, Parveen Kaur, Holly Taylor |
แนว/ประเภท | Drama, Mysery, Sci-Fi, Thriller |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 16 ตอน, ซีซัน 2: 13 ตอน, ซีซัน 3: 13 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Compari Entertainment, Jeff Rake Productions, Universal Television, Warner Bros. Television |
เที่ยวบินพิศวง
บทและพล็อต - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 8
การแสดง - 7.2
ดนตรีประกอบ - 6.9
งานภาพและโปรดักชั่น - 7.4
7.4
Manifest
ซีรีส์แนว Supernatural ทางทีวีจากสหรัฐอเมริกา เรื่องราวของคนที่โดยสารไฟลท์ 828 ที่หายไป 5 ปีครึ่งก่อนจะกลับมา ต้องปรับตัวเข้ากับโลกที่เดินหน้าไปแล้วแต่ตัวเองยังอยู่กับที ไม่พอ หลายคนยังเกิดเหตุประหลาดขึ้น และพวกเขาบางคนต้องร่วมกันไขปริศนาชวนพิศวงสงสัย ซีรีส์เดินเรื่องได้สนุกน่าติดตาม ใน Netflix มีให้ชมแล้ว 3 ซีซัน