สัปดาห์นี้คงจะไม่มีหนังเรื่องใดที่คนสนใจมากไปกว่าแอนิเมชันภาคต่อของภาคแรกที่สุดปัง อย่าง ‘Frozen 2’ หรือ ‘ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ’ อีกแล้วล่ะ ด้วยความเป็นหนังเพลงที่เล่าเรื่องด้วยสไตล์มิวสิคัลและสร้างคาแรคเตอร์ อันน่า และ เอลซ่า จนโด่งดัง มีเด็กเล็กเด็กน้อยมากมายแต่งตัวเป็นเอลซ่ากันเต็มไปหมด
แถมเพลงประกอบยังปังมากอีกเช่นกัน ‘Let It Go’ ที่ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง จนในที่สุด ผ่านไปห้าปี ดิสนีย์จึงส่งภาคสองติดตามมา
จนน่าสนใจว่าภาคนี้จะเล่าเรื่องใด
เรื่องย่อ ‘Frozen 2’
หลังจากพี่น้อง อันนา (Kristen Bell) น้องสาวและเอลซ่า (Idina Menzel) พี่สาวที่มีพลังวิเศษเสกทุกอย่างให้เป็นน้ำแข็งได้หมดเรื่องดราม่าระหว่างพี่น้องกันไปแล้ว มาในภาคนี้ ผู้กำกับคู่ Chris Buck และ Jennifer Lee จะพาเราย้อนไปสู่อดีตของครอบครัวนี้ กลับไปสู่วัยเด็กของทั้งคู่ในวันที่ยังมีพ่อและแม่อยู่ เรื่องเล่าของป่าต้องมนตร์ที่พ่อเล่ายังคงมีปริศนาบางอย่างที่ยังไม่ถูกเฉลย
บทเพลงกล่อมของแม่ยังคงก้องอยู่ในหัว แถมยังคงลอยมาให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆ จนในที่สุด เอลซ่าอดรนทนไม่ไหวต้องออกไปตามหาปริศนาที่ขาดหายไป
งานนี้ เอลซ่าไม่ได้ไปเพียงผู้เดียว นอกเหนือจากอันนา ก็ยังมีโอลาฟ (Josh Gad) เจ้าตุ๊กตาหิมะจอมแสบ คริสตอฟ (Jonathan Groff) เจ้าชายคนรักของอันนา พร้อมด้วยเจ้ากวางเรนเดียร์เพื่อนคู่ใจ
จะสนุกแค่ไหนกันน้า?
รีวิวหนัง ‘Frozen 2’
ดูว่าภาคที่แล้วเป็นหนังมิวสิคัลผจญภัยแล้ว ภาคนี้ดูจะผจญภัยยิ่งกว่า แต่ยังไม่ทิ้งความสำคัญของการเป็นหนังมิวสิคัลไว้เช่นเดิม
หนังประกอบด้วยเพลงโคตรเพราะกระจายอยู่ทั่วทั้งหนัง ทั้งเสียงร้องที่แต่ละคนทำหน้าที่ได้ดีไว้ใจได้อยู่เช่นเคย ผสานไปกับงานภาพที่สวยสดงดงาม แต่งแต้มสีสันให้สดใส คมชัดเนียนกริ๊บ แม้งาน 3 มิติจากไม่พุ่งอะไรมากนักก็ตาม
ที่ชอบมากและเรียกเสียงฮือฮามากก็คงจะเป็นการเล่นใหญ่ในบางเพลงในหนัง การเลียนแบบเอ็มวีในยุคก่อน (จริงๆ ทำนองก็ได้รับแรงบันดาลมา จะเรียกว่าเป็นการล้อเลียนก็ว่าได้เลยแหละ) หรือการใช้สไตล์ร้องเวทีคอนเสิร์ต
ก็นับว่าเรียกเสียงฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว
ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ เป็นภาคต่อหันไปหาเส้นทางของหนังผจญภัยมากขึ้น ด้วยบางสิ่งที่พ่อเล่าไว้ในวัยเด็ก บางอย่างที่ขาดหาย กอปรกับเสียงหนึ่งที่ก้องอยู่ในหัวคอยสะกิดให้อยากออกไปค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่
ภาคนี้เราจะได้เห็นพี่น้องที่ร่วมกันทำภารกิจแต่อาจจะไปกันคนละทางบ้างอะไรบ้าง อารมณ์คลายซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่นเป็นทีมแต่แยกย้ายกันทำงานเหมือนกันนะ
ยอมรับว่า อันนาในภาคนี้ดูเด่นขึ้นมามากด้วยบทบาทที่คนเขียนบทส่งไว้ให้ แม้ตัวเธอจะไม่ได้มีมนต์วิเศษ ไม่มีพลังอันใดอย่างเช่นพี่สาว แต่เธอก็กลับสู้ไม่ถอยแถมยังประสานงานกับพี่สาวได้ดีอีกต่างหาก
นอกจากนี้ หนังยังมีตัวขโมยซีนอยู่หลายตัว ไม่ว่าจะเป็นโอลาฟเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่งวดนี้เหมือนจะไปเมาอะไรมา ฉากนั้นเล่นเอาฮากันทั้งโรง
ไม่พอ หนังยังมีเจ้าจิ้งเหลนไฟตัวใหม่ที่มาทำน่ารักใส่ได้ทุกอย่างที่ปรากฏตัว เรนเดียร์ก็ขนโขยงเพื่อนมาร่วมซีน ทั้งยังมีม้าตัวใหม่ที่ใกล้จะได้เป็นม้านิลมังกรอยู่รอมร่อ
ถ้าถามว่าภาคสองสนุกเทียบเท่าภาคแรกไหม ในทรรศนะของผมก็คงตอบได้ว่าไม่เท่า พล็อตอาจจะดูเหมือนว่าใหญ่โตกว่าแต่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องราวได้สนุกไปตลอดรอดฝั่งขนาดนั้น อาจเพราะเนื้อหาที่โตกว่าก็อาจทำให้เข้าถึงได้ยากกว่าด้วย แต่ถ้าลองไม่ไปเปรียบเทียบกันดู ก็ยังพอจะเป็นหนังที่ชวนสนุกได้อยู่ เพียงแต่ถ้าจะให้อินมากหน่อยคงต้องผ่านการดูภาคแรกมาก่อนเท่านั้นเอง
อีกจุดหนึ่ง คือหนังมีฉากแถมหนึ่งฉากหลังเอนด์เครดิตทั้งหมดทั้งมวลจบสิ้นไปแล้ว ซึ่งถ้าคุณผูกพันมากพอก็คงจะอึ้งและชื่นชอบฉากนี้
ภาพยนตร์เรื่อง: Frozen II / Frozen 2 / ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ
ผู้กำกับภาพยนตร์: Chris Buck, Jennifer Lee
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Jennifer Lee
นักแสดงนำ: Kristen Bell, Jonathan Groff, Idina Menzel, Josh Gad
ความยาว: 103 นาที
ปี: 2019
แนว/ประเภท: Animation, Adventure, Comedy, Family, Fantasy, Musical
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/G
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 21 พฤศจิกายน 2562
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Walt Disney Animation Studios, Walt Disney Pictures
ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง (พากย์) - 7.9
ดนตรีประกอบ - 7.8
การดำเนินเรื่อง - 7.3
งานภาพ - 8.1
7.7
Frozen II (2019)
ภาคต่อของพี่กะน้องและตุ๊กตาหิมะ เมื่อทั้งสองต้องตามหาความจริงของปริศนาในอดีต เพลินเพลงเพราะเช่นเคย ฮาโอลาฟที่เหมือนเมาอะไรสักอย่าง ฉากร้องเพลงที่เล่นใหญ่ได้ฮาดี มีฉากแถมท้ายสุด