รีวิวแอนิเมชัน Vexille | เมื่อโตเกียวเข้าสู่ด้านมืด…

ผ่านเข้าสู่ครึ่งหลังของปีแล้วสินะ หน้าฝนอย่างนี้ คงไม่ค่อยสะดวกที่จะออกไปไหนกันสักเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้น การนั่งชมอะนิเมะสนุกๆ อยู่กับบ้านท่าจะเหมาะ วันนี้ ผมขอเลือกอะนิเมะที่ไม่เก่ามากนัก แต่ภาพสวยมากมายมาฝากกันครับ ‘Vexille’ มันคืออะนิเมะที่ออกฉายในญี่ปุ่น เมื่อ 18 สิงหาคม ปี 2007 มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ‘ベクシル 2077日本鎖国 (Bekushiru 2077 Nihon sakoku)’ ส่วนชื่อไทยของมันก็คือ ‘เว็กซีล โค่นแผนจักรกลครองโลก’

ด้วยเทคนิคแอนิเมชั่นที่ทำได้เนียนตา นำพาผู้ชมสู่โลกในปี 2077 ณ ดินแดนอาทิตย์อุทัยที่เปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง เรามาเริ่มกันเลยนะครับ…

ค่ำคืนของวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งเรารู้กันดีว่า ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงที่ชาวคริสต์จะได้สนุกสนานรื่นเริงกัน แต่ทีมปฏิบัติการของซ้อด (SWORD) กลับต้องมาทำงาน เมื่อการประชุมผู้นำของโลกที่ภูเขาฟีลาร์มีกลิ่นทะแม่งๆ ทั้งทีมในชุดพาวเวอร์สูท พร้อมหุ่นยนต์รบ ปฏิบัติการถล่มคฤหาสถ์หลังใหญ่ แม้จะช่วยเหลือเหล่าผู้นำได้สำเร็จแต่ก็มิอาจจับกุมตัว ไซโตะ ตัวเอ้แห่ง ไดวะ เฮฟวี่ อินดัสตรีส์ ไว้ได้

นั่นคือฉากเปิดเรื่องที่สุดเร้าใจ แต่เรามาดูที่มาที่ไปกันดีกว่า…

ต้นศตวรรษที่ 21 เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ของโลกนั้นพัฒนาไปอย่างมหาศาล ช่วงกลางทศวรรษ ญี่ปุ่นได้กลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์ของโลก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวันของผู้คน ไปจนถึงการใช้เป็นอาวุธในทางการทหาร ในเมื่อมนุษย์มีแต่จะพัฒนาให้ทุกอย่างดีกว่าของเดิมอยู่เสมอ ญี่ปุ่นจึงไม่หยุดแค่เพียงเท่านั้น ยังนำเอาเทคโนโลยีเหล่านั้นมาผสานเข้ากับร่างกายมนุษย์อีกด้วย

เทคโนโลยีในลักษณะนี้ เป็นที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วในชื่อ ?แอนดรอยด์? ซึ่งในเรื่องนี้ สหประชาชาติมีมติออกมาเป็นข้อห้ามในการพัฒนากับมนุษย์ แต่ญี่ปุ่นกลับต่อต้านมติที่เป็นข้อจำกัดนี้อย่างรุนแรง ในที่สุด ญี่ปุ่นก็ตัดขาดกับโลกภายนอก ด้วยการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของสหประชาชาติอย่างถาวร ขับชาวต่างชาติกลับออกไปจากประเทศ และเริ่มต้นนโยบายใหม่ที่สร้างความหวั่นเกรงให้กับชาติอื่นๆ อย่างมาก

นั่นคือ ญี่ปุ่นดำเนินการสร้างโครงข่ายสนามแม่เหล็กไฟฟ้าปกคลุมทั้งประเทศ เพื่อกันสัญญาณสอดแนมต่างๆ เข้าไปภายในเพื่อเก็บข้อมูล สื่อสาร หรือสั่งการอะไรก็ตาม แม้แต่เรือสินค้าต่างๆ จะผ่านเข้ามาก็จะต้องถูกสแกนก่อนทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรที่ผ่านเข้ามาหรือออกไปเด็ดขาด ถือว่าเป็นการใช้เทคโนโลยีขั้นสุดยอดในการปิดประเทศเลยทีเดียว เวลาผ่านไป 10 ปี ญี่ปุ่นกลายเป็นดินแดนปริศนา ที่ไม่เคยมีใครได้ยินข่าวคราวว่าประเทศนี้กำลังทำอะไรอยู่…

แต่ข่าวการสร้างอาวุธไฮเทคก็ยังหลุดรอดไปถึงหูของหน่วยซ้อด (SWORD) ของอเมริกาจนได้ เมื่อเห็นว่า ญี่ปุ่น ดินแดนที่เป็นปริศนาไปเสียแล้วในปัจจุบัน กำลังปฏิบัติการบางอย่างที่สั่นคลอนสันตภาพโลก หน่วยซ้อดตัดสินใจกระทำการด้วยตัวเอง ส่งหน่วยรบของซ้อดเข้าไปทลายปราการไฮเทคนั่นเสีย นำทีมโดย เลออง หนุ่มที่เคยอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นจนถึงช่วงที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ และส่งเขากลับอเมริกา เขาปฏิบัติการครั้งนี้พร้อมด้วยทีมอีก 6 คน หนึ่งในนั้น คือสาวสวยนาม เว็กซีล ที่คบกันอยู่กับเลออง และเธอก็เป็นตัวเอกในอะนิเมะเรื่องที่ผมกำลังแนะนำอยู่นี้ด้วย

แน่นอนครับ เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการชมอะนิเมะก็คงพอจะทราบกันดีว่า ผู้เขียนบทมักจะใส่เรื่องราวของความรักแทรกเข้าไปด้วยเสมอ เลอองนั้นคบอยู่กับเว็กซีลอยู่ก็จริง แต่เขาก็ยังคงไม่ลืมความสัมพันธ์ในวันเก่าที่เขายังอยู่ในญี่ปุ่น มาเรียคือชื่อของหญิงคนนั้น

เมื่อพวกเขาไปถึงญี่ปุ่นในปี 2077 ภาพที่พวกเขาเห็น ประเทศนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายอย่างคาดไม่ถึง ที่สำคัญคือ ไม่พบสัญญาณชีพใดๆ หลงเหลืออยู่เลย

ดูท่าจะเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวอย่างคาดไม่ถึงทีเดียวล่ะครับ เมื่อได้รับรู้ว่า ไม่มีมนุษย์หลงเหลือบนดินแดนนั้นอีกแล้ว ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น 10 ปีผ่านไป ญี่ปุ่นเหลือเพียงพื้นที่ส่วนเสี้ยวของโตเกียวเท่านั้นที่ยังคงมีการเคลื่อนไหว แต่เป็นการเคลื่อนไหวของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป เป็นเพียงพื้นที่ทดลองที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ บ.ไดวะ เฮฟวี่ อินดัสตรีส์ ผู้คิดครองโลก หนทางเดียวที่ซ้อดจะทำได้ คือหยุดมันเสีย แต่หนทางก็ไม่ใช่ง่ายๆ ฉากการต่อสู้ที่น่าตื่นตา พร้อมเสียงประกอบที่ตื่นใจ เชื่อว่า ถ้าใครได้ดูเหมือนผมก็คงรู้สึกลุ้นอยู่ในใจ ขอให้ทุกอย่างสำเร็จ

ตัวละครที่น่าตื่นตาอีกตัว คงเป็น “แจ็ค” ผลจากการทดลองที่ล้มเหลวเพื่อสร้างแอนดรอยด์ของไดวะ เจ้าหนอนโลหะตัวมหึมาที่อยู่นอกกำแพงเมือง และหิวโหยโลหะทุกชนิด ทีมงานสร้างมันออกมาได้น่าตื่นตามากทีเดียว

ทั้งเรื่องถูกสร้างขึ้นจากทีมงานเดียวกับอะนิเมะเรื่อง ‘Appleseed’ อีกเรื่องที่ผมชื่นชอบ ด้วยเทคนิคภาพคอมพิวเตอร์กราฟิก 3 มิติล้วนๆ แล้วนำมาตกแต่งเพิ่มเติมให้ดูสวยเนียน แต่ยังคงความรู้สึกแบบการ์ตูนๆ อยู่ การเคลื่อนไหวอาจจะแข็งๆ อยู่บ้าง แต่มุมมองและแสงเงาถือว่าทำได้ดีทีเดียว ผลงานกำกับของ Fumihiko Sori ที่ใครหลายๆ คนคุ้นเคยมาจากภาพยนตร์เรื่อง Ping Pong นั่นไง ขณะที่ส่วนของเพลงประกอบ ฟังดูแล้วจะพบว่าอินเตอร์มาก ก็เพราะได้ศิลปินระดับอินเตอร์มากมายมาร่วมงาน โดยเฉพาะได้มือดีอย่าง Paul Oakenfold มาดูแลชื่อนี้คงคุ้นหูนักฟังเพลงหลายคนเป็นอย่างดีนะครับ

Vexille เรื่องนี้ บอกกับเราว่า ถึงแม้มนุษย์จะถูกเปลี่ยนแปลงจนร่างกายเราแทบจะไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกแล้ว แต่เจตจำนงของการอยู่เพื่อความเป็นมนุษย์ส่วนเสี้ยวที่เหลือก็ยังคงอยู่ แม้สิ่งที่ทำนั้น อาจจะมีโอกาสน้อยนิดที่จะสำเร็จ หรืออาจจะทำให้ต้องตาย ก็จำเป็นต้องสู้เพื่อสิ่งที่ยังไม่เสียไป

หากความเป็นมนุษย์ของเพื่อนๆ กำลังจะหมดสิ้นไปในวันใดวันหนึ่ง ทุกคนก็คงอยากจะสู้เพื่อหยุดยั้งมันเช่นกันนั่นแหละ …ผมเชื่ออย่างนั้น

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง