รีวิวซีรีส์ Twenty Five Twenty One ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด | ย้อนวัยฝันนักฟันดาบ

แต่ละคนที่เกิดมา เมื่อโตขึ้นในระดับหนึ่งก็เริ่มจะมีความฝัน มีแรงบันดาลใจ อยากทำนั่น อยากทำนี่ เรื่องเหล่านี้มักเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งของชีวิต ช่วงที่ยังเป็นหนุ่มสาว ช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง แต่ถ้าช่วงนั้น สภาพแวดล้อมมันไม่ได้เอื้อต่อความฝันของพวกเขาเท่าที่ควรล่ะ มันจะเป็นอย่างไร ซีรีส์เรื่องนี้พาคนดูไปค้นหาการเดินทางและทำตามความฝันของคนกลุ่มหนึ่ง ‘Twenty Five Twenty One’ ชื่อไทย ‘ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด’ ที่มีฉายแล้งทาง Netflix

ครั้งนี้ ถือเป็นการกลับมาโลดแล่นบนหน้าจออีกครั้งของ คิมแทรี หญิงสาวที่นายแพทไม่ค่อยได้เห็นหน้าเท่าไหร่นัก หลัง ‘The Handmaiden’ (2016) ก็มาเจออีกครั้งในหนังเน็ตฟลิกซ์อย่ง ‘Space Sweepers’ (2021) และปีนี้ เธอก็หวนกลับมามีผลงานซีรีส์อีกครั้ง แถมได้เจอกับ นัมจูฮยอก ชายหนุ่มที่ผมได้เจอเข้าครั้งแรกในซีรีส์ ‘Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo’

ถึงเวลาที่เราจะได้พบกับซีรีส์ย้อนยุคที่เล่าเรื่องความรักความฝันกันแล้วล่ะครับ

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Twenty-Five Twenty-One’

มันเริ่มต้นที่ คิมมินแช (Choi Myung Bin/ชเวมยองบิน ที่เล่นเป็นดัมอีสมัยเด็กในซีรีส์ ‘The King’s Affection’) เด็กสาวผู้ไม่มีความฝันที่จู่ๆ ก็เลิกเต้นบัลเลต์ และได้ย้ายมาอยู่อยู่ในบ้านที่แม่ของเธอเคยอาศัยอยู่ และวันนั้น มินแชก็ได้อ่านไดอารี่ของแม่ ได้รู้จักความฝันของแม่ ทุกอย่างกำลังย้อนกลับไปสู่ปี 1998

ย้อนกลับไปในวันนั้น สมัยที่นาฮีโด (Kim Tae Ri/คิมแทรี จากซีรีส์เรื่อง ‘Mr. Sunshine’, หนังเรื่อง ‘The Handmaiden’ และ ‘Space Sweepers’ ) ยังเป็นนักเรียนมัธยม เธอมีแม่ที่ผู้ประกาศข่าวทางทีวี และมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติ ด้วยแรงบันดาลใจจากนักกีฬาเหรียญทองอย่าง โกยูริม (Bona WJSN จากซีรีส์ ‘Girls’ Generation 1979′) แต่เพราะพิษเศรษฐกิจนั่นแหละที่ทำให้ชมรมฟันดาบของโรงเรียนเดิมต้องถูกยุบไป ส่งเป็นผลให้ฮีโดขวนขวายอยากจะย้ายโรงเรียน

และในที่สุด เธอก็ย้ายไปอยู่โรงเรียนได้สำเร็จ แถมยังได้อยู่ชมรมฟันดาบเดียวกับโกยูริม

ในช่วงเวลานั้น นาฮีโดก็ได้รู้จักกับ แพคอีจิน (Nam Joo Hyuk/นัมจูฮยอก จากซีรีส์เรื่อง ‘Start-Up’, ‘The Bride of Habaek’ และหนังเรื่อง ‘Josee’) ชายหนุ่มที่เคยมีครอบครัวที่ร่ำรวยแต่ต้องล้มละลายเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ จึงถูกทิ้งให้เผชิญชะตากรรมด้วยตนเอง เขามาเช่าห้องอยู่ไม่ไกล ทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่างเพื่อเลี้ยงชีพ และเพราะงานส่งหนังสือพิมพ์นั่นแหละที่ทำให้รู้จักกับนาฮีโด

และต่อมา เขาก็ได้เป็นผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง

รีวิวซีรีส์ ‘ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด’

เมื่อเจอเรื่องราวความรัก การเติบโต มิตรภาพของเหล่าคนในวัยเรียนที่ผ่านมาถึงวัยหนุ่มสาวแบบนี้ หลายคนน่าจะอินและชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก แถมยังได้นักแสดงนำที่ชวนดูบวกกับมีฝีมือและมีเคมีต่อกันที่ดี ก็น่าจะทำให้ผู้ชมติดตามและอยากรู้บทลงเอยเป็นแน่

เป็นเพราะยุคสมัยหรือที่พรากความฝัน?

เรื่องราวในนั้น บอกเล่าชีวิตของตัวเอกที่ค้นหา พวกเขาเติบโตอยู่ในยุคที่เศรษฐกิจของเกาหลีและทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหา IMF เข้ามาครอบงำ จนทำให้เงินหดหาย ทุกธุรกิจต้องประหยัดงบ หลายธุรกิจต้องล้มละลาย ส่งผลต่อทุกกิจกรรมของคนทุกช่วงวัย

เช่นเดียวกันโรงเรียนของนาฮีโดก็ต้องจำกัดงบ บางชมรมต้องถูกยุบไป การก้าวตามความฝันหนึ่งเดียวของนาฮีโดจึงหยุดชะงัก แต่เธอไม่เคยยอมแพ้ ทำทุกทางจนในที่สุด ก็ได้ย้ายไปเรียนที่ใหม่ ที่นั่น นอกจากชมรมฟันดาบจะไม่ถูกยุบแล้ว เธอยังได้พบกับแรงบันดาลใจอย่างโกยูริม นักฟันดาบเหรียญทองที่เฝ้าติดตามชื่นชมอยู่ด้วย

อีกด้าน แพคอีจิน หนุ่มวัยรุ่นที่เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย [ขนาดที่พ่อซื้อรถเปิดประทุนให้เป็นของขวัญอะคิดดู] แต่ทุกอย่างพลันหายวับไปพร้อมกับคำว่า ‘ล้มละลาย’ พ่อจำต้องหย่าร้างเพื่อไม่ให้แม่ต้องร่วมแบกรับหนี้สิน น้องได้อยู่กับอา เป็นเขาเองที่เลือกออกมาเผชิญชะตากรรมตามลำพัง อีจินไม่รู้หนทางติดต่อพ่อแม่ ต้องเช่าห้องเก่าๆ ในบ้านหลังหนึ่ง และรับจ้างทุกอย่างที่จะหาเงินให้ได้ แถมยังต้องคอยรับมือกับเจ้าหนี้ของพ่อที่แอบสืบพบและมาตามทวงเงิน

และเพราะอาชีพส่งหนังสือพิมพ์และรับจ้างดูแลร้านเช่าหนังสือ ทำให้แพคอีจินได้พบกับนาฮีโด

อาจกล่าวได้ว่า ยุคสมัยส่งผลต่อความฝันของพวกเขาแตกต่างกันไป ยุคสมัยอาจทำให้นาฮีโดต้องย้ายโรงเรียน แต่ก็ทำให้เธอได้เจอไอดอลที่เธอชื่นชม และส่งผลให้เธอได้รับโอกาสที่ดีในการคัดเลือกตัวแทนทีมชาติ ขณะเดียวกัน ยุคสมัยก็ทำให้ฐานะของแพคฮีจินพลิกผันจากหน้าเป็นหลังมือ จากเคยร่ำรวยอู้ฟู่ ตอนนี้ต้องเช่าห้องเล็กๆ อยู่ รับจ็อบทุกอย่างเพื่อจะได้มีกิน

แต่โชคชะตาก็คงไม่ใจร้ายกับเขาไปเสียหมดหรอกมั้ง

ได้พบกับการแสดงของคิมแทรี…อีกครั้ง

เธออาจไม่ค่อยมีงานแสดงมาให้เราได้ชื่นชมมากนัก แต่ทุกครั้งก็สร้างความทึ่งให้กับเราเสมอๆ ครั้งนี้ เธอต้องเล่นเป็นเด็กวัยรุ่นสาวมัธยมที่มีท่าทางสดใส โผงผาง ตรงไปตรงมา มีความฝันหนึ่งเดียว แถมคิดอะไรก็คิดชั้นเดียว ซึ่งเอาแค่อายุก็นับว่าต่างจากตัวจริงพอสมควรแล้ว เพราะ คิมแทรี ในวันนี้นั้น อายุเข้าใกล้ 32 ขวบเข้าไปทุกที แต่เธอก็สวมบทบาทเป็นวัยรุ่นสาวได้อย่างไม่เคอะเขิน

ทั้งรอยยิ้ม ท่าทางที่ดูไม่ค่อยเรียบร้อย ดวงตาที่บ่งบอกถึงความคลั่งไคล้ในกีฬาฟันดาบ มุ่งมั่นอยากจะไปไกลที่สุด แม้ยุคสมัยก็ไม่อาจทำอะไรเธอได้ เธออาจไม่มีเทคนิค ไม่มีไหวพริบ แต่เธอมีจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ แต่หลายครั้งก็ดูจะมุทะลุเกินงาม ถึงขั้นเข้าร่วมเหตุต่อยตีเพื่อหวังถูกย้ายโรงเรียนเนี่ยนะ!

นอกจากแนวทางคอมิดี้แล้ว เมื่อถึงเวลาต้องเล่นบทดราม่าน้ำตาไหลริน เธอก็ทำได้ดีไม่มีที่ติ น้ำตาของผู้ชมอย่างเราต้องไหลตามอย่างไม่อาจกลั้นไว้

แต่มันก็ไม่ใช่คิมแทรีที่ทำเรื่องพวกนี้ได้ดี แต่เป็นทีมนักแสดงนำทุกๆ คนเลย นัมจูฮยอก เองก็เช่นกัน ชีวิตที่แสนรันทดของคนที่ถูกพรากไปทั้งครอบครัวและเงินทอง ทำให้เขาต้องลำบากเพียงลำพัง อาจเหลือเพียงนาฮีโดที่ทำให้เขารู้สึกมีแรงสู้ สายตา คำพูด ล้วนสื่ออารมณ์ให้น้ำตามันไหลออกมา

เศร้าจนใจสะเทือน แต่ก็แอบให้กำลังใจ

ระหว่างดู หลายคนอาจพบเจอปริศนาคาใจ ถ้าในช่วงวัยรุ่น นาฮีโด ได้พบรักกับ แพคอีจิน แต่ในช่วงเวลาถัดมา เราได้พบว่าลูกสาวของเธอชื่อ คิมมินแช หรือความจริงคือ นาฮีโด ไม่ได้แต่งงานกับ แพคอีจิน แล้วลูกสาวเธอได้รับนามสกุล คิม มาจากใครกัน อันนี้ก็คงต้องตามกันต่อแหละครับ

ซีรีส์ที่เล่าเรื่องความฝัน ยังไงก็ต้องผสมเอาเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาเข้ามาด้วยอย่างหลีกไม่พ้น เพราะระหว่างทางของการก้าวทีละก้าวเพื่อไล่ล่าความฝัน มันต้องพานพบอุปสรรค ความเจ็บปวด ความผิดหวัง ตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งบางครั้งก็ต้องร้องไห้เพราะครอบครัวที่ไม่เคยสนใจต้องร้องไห้คนเดียวบ้าง อะไรบ้าง

ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ต้องได้พบเจอกับบางคนที่มองเห็นถึงความพยายามก้าวตามความฝัน มองเห็นวี่แววว่าเราเป็นคนที่พัฒนาได้ พวกเขาจึงพยายามโอบอุ้มเรา ขัดเกลาเราให้เดินไปถูกทาง เอาเป็นว่า การรับชมซีรีส์เรื่องนี้ จะได้ทั้งเสียงหัวเราะจากบทฮาๆ ของพวกเขา ได้อินจนน้ำตาไหลไปกับชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องสะเทือนใจ

และในช่วงเวลานั้น ทุกคนก็จะให้และรับพลังใจไปพร้อมๆ กัน

ซีรีส์ที่พาเรากลับไปยังอดีต

ทีมงานใส่ใจในการสร้างฉากและสภาพแวดล้อมในยุค 90’s ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นสภาพของโรงเรียน บ้านเรือนที่เป็นโลเกชันแล้ว เพลงประกอบก็ทำออกมาในสไตล์ 90’s ทั้งสิ้น เพลงที่ใช้ในการดำเนินเรื่อง เพลงที่ตัวแสดงต้องเต้นกัน อุปกรณ์ต่างๆ ที่พวกเขาใช้ รวมไปถึงโปรแกรมแชท ก็ล้วนทำให้ย้อนนึกถึงช่วงเวลาในอดีตที่เคยผ่านมาทั้งสิ้น

ซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความฝันของวัยรุ่นเท่านั้น หากจะจริงจังไปถึงเรื่องยุคสมัย เรื่องราวที่เล่าย้อนไปยังวันเก่าช่วง 90’s มีตัวละครต่างช่วงวัยที่มีความเกี่ยวข้องกัน โดยมีความรักระหว่างตัวละครคอยผลักดันได้เรื่องดำเนินไป พร้อมๆ กับความฝัน ความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่ต้องผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ นานา ระหว่างทางอาจได้พบเจอกับบทเรียนที่เป็นบททดสอบ ไดอะล็อกที่สะเทือนใจจนต้องมีน้ำตา และไดอะล็อกที่สร้างเสริมกำลังใจ จากปากของเหล่านักแสดงที่ทั้งสวย-หล่อ และทำหน้าที่แสดงกันอย่างเต็มความสามารถ

กลายเป็นเรื่องเล่าชั้นดีที่น่าติดตามและน่าแนะนำให้ลองไปรับชมกันดู

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์