รีวิวหนัง The Exorcist หมอผีเอ็กซอร์ซิสท์ (1973) | หนังสยองขวัญไล่ผีในตำนาน

หนังแนวหมอปราบผีในตำนานคงต้องยกให้เรื่องนี้ ‘The Exorcist’ หรือชื่อไทย ‘หมอผีเอ็กซอร์ซิสท์’ ไหนๆ ค่ายวอร์เนอร์นำเข้ามาฉายทั้งที ต้องรีบไปดูซะหน่อย ยิ่งครั้งนี้เป็น Extended Director’s Cut อีกต่างหาก (ซึ่งหมายความว่า เพิ่มมาอีก 10 นาทีเต็มนั่นเอง) ก็ยิ่งควรค่าจะไปดูใหญ่เลยสิ โดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่เคยดูแบบจริงๆ จังๆ สักครั้งในชีวิตอย่างเรา

ในวาระที่หนังครบรอบ 50 ปี จึงต้องมีการเฉลิมฉลองกันซะหน่อย หนังสยองขวัญสุดคลาสสิกระดับตำนาน ที่เป็นผลงานการเขียนบทของ วิลเลียม ปีเตอร์ แบลตตี้ ผู้คว้ารางวัลออสการ์ ขณะที่ วิลเลียม ฟรีดคิน ผู้กำกับเอง ก็ได้เข้าชิงบนเวทีนี้ด้วยเช่นกัน

การได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง แถมยังจะเป็นการได้ชมหนังเวอร์ชันที่ยาวกว่าปกติ มีฉากเพิ่มเข้ามา ที่เขาบอกว่าเป็นฟุตเทจที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สำหรับคนเพิ่งดูครั้งแรก ยังไงก็ไม่เคยเห็นสักฟุตเทจอย่างแน่นอน

เรื่องย่อหนัง ‘The Exorcist (1973)’

เรื่องราวของ คริส แมคนีล (Ellen Burstyn) คุณแม่ผู้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง เธอเลี้ยงดูลูกสาววัยสิบสองขวบอย่าง เรแกน (Linda Blair) มาเพียงลำพังหลังสูญเสียสามีสุดที่รักไป แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ค่อยดีนัก เรแกนกลายเป็นเด็กขี้เหงาที่ต้องหันไปพึ่งพากระดานผีถ้วยแก้ว และต่อมา เรแกนก็เริ่มจะพบกับเหตุการณ์ประหลาดบางอย่าง เธอฟ้องแม่ว่าเตียงของตนสั่นอย่างผิดปกติ ทั้งยังมีพฤติกรรมแปลกๆ มากขึ้นทุกที ทำให้คริสเริ่มมองหาความช่วยเหลือจากเหล่าแพทย์

ขณะที่อาการของเรแกนหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ อีกด้านหนึ่ง หลวงพ่อคาร์รัส (Jason Miller) บาทหลวงผู้มีบาดแผลในใจหลังการตายจากไปของผู้เป็นแม่ ก็ถูกทาบทามมาเป็นผู้ช่วยของบาทหลวงปราบผีอย่าง ฟาร์เธอร์แมร์ริน (Max von Sydow)

รีวิวหนัง ‘หมอผีเอ็กซอร์ซิสท์’ Extended Director’s Cut

นี่คือการร่วมเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปีของหนังสยองขวัญระดับตำนาน ที่ได้รับการนำมารีมาสเตอร์ใหม่ ภาพคมชัด พร้อมด้วยฟุตเทจที่เพิ่มขึ้นมา 10 นาที กับเรื่องราวสุดเขย่าขวัญสั่นประสาทเมื่ออยู่บนจอยักษ์ในโรงภาพยนตร์ เป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูอย่างผม

ดูหนังสมัยจนเป็นปกติ จึงอาจจะไม่คุ้นชินกับการเล่าเรื่องของหนังสมัยก่อนเท่าไหร่นัก หนังค่อนข้างเล่าเรื่องช้าแต่ก็เล่าอย่างเป็นสเต็ป แม้ว่าบางจุดจะชวนสงสัยไปบ้างเนื่องจากความไม่เก็ท บทหนังเล่าสลับไปมาระหว่างสองเส้นเรื่องก่อนที่มันจะเลี้ยวมารวมกัน

หนึ่งคือเรื่องความสัมพันธ์ของสองแม่ลูก คริสและเรแกน เมื่อแม่พบว่าลูกสาวมีอาการผิดแปลก และพยายามจะรักษาด้วยวิธีการสมัยใหม่ หนังพาเราไปพบเจอกับหมอที่พยายามวินิจฉัยและใช้เครื่องมือต่างๆ ตรวจเช็คหาสาเหตุ แต่ก็ไม่อาจอธิบายให้เข้ากับอาการของเรแกนได้เท่าที่ควร กับอีกหนึ่งคือเรื่องของบาทหลวงคาร์รัสที่ยังคงเจ็บปวดกับการจากไปของผู้เป็นแม่ แต่เขาต้องเข้ามารับหน้าที่ไล่ผีร้ายของร่างของเรแกน และผีร้ายตนนั้นก็ยังใช้บาดแผลในใจของบาทหลวงมาเล่นงานกลับอีกต่างหาก

หนังมันเริ่มต้นที่ชีวิตของบาดหลวงอีกคน ที่ไปอยู่ในทีมขุดค้นของโบราณในแถบอิรักตอนเหนือ ก่อนที่เขาจะหายไปจากเรื่องแล้วกลับมาปรากฏตัวในช่วงหลัง ทุกอย่างที่เกือบถูกลืมเลือนไป กลับมาบอกเล่าอีกครั้ง ในฉากไล่ผีอันยาวนาน และทำให้เรารู้สึกว่าเขาเล่าได้ ‘เอาอยู่’ โดยไม่ต้องอาศัย jumpscare หรือตุ้งแช่ให้ตกใจเล่นไปเรื่อย

คนที่ทำให้เรามองเห็นว่าโดดเด่น คงไม่พ้นสาวน้อยในวันนั้น Linda Blair/ลินดา แบลร์ ที่เล่นเป็นเรแกน เด็กสาวที่ถูกผีร้ายเข้าสิง ลินดาต้องเข้าเมกอัพหน้าให้เหมือนคนที่ถูกปีศาจเข้าสิงจริง ออกอาการปวดแสบปวดร้อนยามโดนน้ำมนต์ราด อาเจียนเป็นอ้วกสีเขียวๆ ชวนแหวะ และอีกหลายท่าที่ต้องยอมรับในความทุ่มเท รวมทั้งท่าสุดประหลาดแต่เป็นที่จดจำยามเดินลงบันไดนั่นอีก

‘หมอผีเอ็กซอร์ซิสท์’ ภาคต้นที่สร้างในปี 1973 นี้ พาเราไปพบกับสองความเชื่อที่แตกต่างและปะทะกัน หนึ่งเป็นเรื่องของการเชื่อให้วิทยาการแพทย์สมัยใหม่ ไม่มีเรื่องผีเจือปน กับอีกหนึ่งเป็นเรื่องการไล่ผีที่ทำโดยเหล่านักบวช ซึ่งก็ถูกลืมเลือนไปนานแล้ว

สิ่งที่เห็นเด่นชัดจากการดูหนังเวอร์ชันนี้ คือ เขารีมาสเตอร์ออกมาได้ดี ภาพหนังออกมาชัดมากทีเดียว ขณะที่ดนตรีประกอบก็ชักชวนให้ใจระทึกตามไปได้ดี โดยเฉพาะการกลับมาได้ฟัง ‘Tubular Bells’ ของ Mike Oldfield อีกครั้งหลังไม่ได้ฟังมานานปี เป็นโอกาสที่เหมาะเพราะกำลังต้องการปูพื้นตัวเองให้พร้อมสำหรับการไปต่อกับภาคสองอย่าง ‘The Exorcist: Believer’ ที่จะเข้าฉายในอีกสัปดาห์ให้หลัง

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง