รอคอยมานานเป็นเดือนเหมือนกันนะ กว่าจะได้รับชมภาพยนตรืเรื่องนี้ด้วยตาเนื้อของตนเอง แค่ได้ยินว่าเป็นหนังไซไฟที่ใช้โลเคชันบ้านเราถึง 80% ของเรื่องก็เล่นเอาหูผึ่งแล้ว ตามประสาของคนที่ชอบหนังไซไฟ และประทับใจกับผลงานเก่าของผู้กำกับรายนี้ ‘The Creator’ หนังที่ตั้งชื่อไทยแบบทับศัพท์ว่า ‘เดอะ ครีเอเตอร์’ เลยกลายเป็นหนังที่รอคอยของปีนี้ไปโดยปริยาย
Gareth Edwards เขาคือชายหนุ่มจากเกาะอังกฤษผู้เคยกำกับหนังไซไฟโร้ดมูฟวี่อย่าง ‘Monsters’ , หนังภาคแยกในจักรวาลสตาร์วอร์สที่ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มกบฏใน ‘Rogue One’ และหนังสัตว์ประหลาดยักษ์ ‘Godzilla’ กับโปรเจกต์นี้ ที่เริ่มต้นขึ้นในวันที่เขาได้มาเยี่ยมเยือนไทยในปี 2016 ก่อนไปเยี่ยมกองถ่ายหนัง ‘Kong: Skull Island’ ที่เวียดนาม ก่อนจะก่อร่างสร้างเป็นบท แล้วไปถ่ายทำจริงในหลายโลเคชันในหลายประเทศ (โดยเฉพาะประเทศไทยที่ใช้กว่า 75 โลเคชันใน 16 จังหวัดทั่วประเทศ — จากการเปิดเผยในวันรอบสื่อ) จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการโพสต์โปรดักชัน
และกลายมาเป็นหนังฉายโรงด้วยสัดส่วนจอภาพ 2.76 : 1 ที่ไม่ค่อยมีใครเหมือน
เรื่องย่อหนัง ‘The Creator’
มันคือเรื่องราวของโลกในปี 2070 ที่ถูกแบ่งออกเป็นสองฟากทางความคิด หนึ่งคือฟากตะวันตก ที่ต่อต้านเอไออย่างจริงจัง หลังเผชิญกับหายนะจากระเบิดนิวเคลียร์ที่ถล่มแอลเอ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและเกลียดชัง พวกเขามองว่านี่คือสงครามที่ต้องเอาชนะให้เด็ดขาดเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ เมื่อได้ข่าวว่าเอไอกำลังพัฒนาอาวุธพิฆาต พวกเขาจึงส่งเจ้าหน้าที่พิเศษ โจชัว (John David Washington จากหนังเรื่อง ‘Tenet’, ‘BlacKkKlansman’ และ ‘Amsterdam’) มาเพื่อแทรกซึมสังหารผู้สร้างและช่วงชิงอาวุธนั้นมา
แต่อีกฟากหนึ่งคือ นิวเอเชีย ที่ซึ่งมนุษย์ใช้ชีวิตร่วมกันกับเอไออย่างผาสุกนั้น กำลังระส่ำเพราะมนุษย์จากฟากฝั่งตะวันตกมุ่งมั่นเพื่อชัยชนะในสงคราม แต่เมื่อมาถึง เขากลับได้รับรู้ว่าอาวุธชิ้นนั้นคือเด็กหญิงคนนึง ที่ชื่อ อัลฟี (Madeleine Yuna Voyles)
รีวิวหนัง ‘เดอะ ครีเอเตอร์’
แม้ว่า หนังไซไฟที่ว่าด้วยสงครามหรือความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ (AI – artificial intelligence) มันจะไม่ใช่เรื่องใหม่ไปแล้วในยุคสมัยนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI กลายเป็นเทคโนโลยีที่กำลังร้อนแรง และมีแววว่าจะไปได้ไกลอย่างที่นิยายวิทยาศาสตร์สมัยก่อนวาดฝันถึง เมื่อมีหนังที่หยิบเอาเรื่องเหล่านี้มาบอกเล่า มันจึงอาจจะไม่ได้ว้าวเมื่อได้ยินในทีแรก แต่พอได้เห็นตัวอย่างหนัง ก็ทำให้รู้สึกได้ว่า นี่อาจเป็นหนทางที่แปลกออกไปกว่าหนังที่เคยเล่าอะไรแนวๆ นี้มาให้เราดูกัน
ครั้งนี้ แกเร็ต เอ็ดเวิรด์ส ยังคงใช้ยานลำยักษ์ ดึงดูดสายตาผู้คนเช่นเคย ยานลำใหญ่บนฟากฟ้าที่พร้อมปลิดชีพสังหารเป้าหมายตามที่ต้องการได้ในพริบตา แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องที่จะเล่าเท่านั้น
ใจความหลักใหญ่ของหนังเรื่องนี้ คือ การตั้งคำถามถึงการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อกับเหล่าเอไอ ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม โดยจัดวางให้เห็นภาพชัดสุด แบ่งมนุษย์ออกเป็น 2 ฟากความคิด ฝั่งตะวันตกที่มองว่าพวกมันเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ทำงานตามคำสั่งเท่านั้น แตกต่างอย่างชัดเจนกับฝั่งตะวันออกที่อยู่ร่วมกับเอไอได้อย่างกลมกลืน และมองคนกับเอไออย่างเท่าเทียม ทั้งเต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายชนชาติมารวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ต่างคนต่างพูดภาษาของตนเอง แต่กลับเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องการล่าม ทำให้รู้สึกได้ว่า บางส่วนของโลกโอบรับพหุวัฒนธรรม แต่บางส่วนกลับเลือกสลัดทิ้ง มองเห็นแต่ความอยู่รอดของตนเอง และมองเอไอเป็นสิ่งอื่น ทั้งๆ ที่มนุษย์นี่เองที่สร้างพวกเขามา
ไม่รู้ว่าพวกตะวันตกสืบด้วยวิธีใด พวกเขาล่วงรู้ว่าเอไอฝั่งตะวันออก (ที่ถูกเรียกว่า นิวเอเชีย) กำลังพัฒนาอาวุธสังหารลับชนิดใหม่ ด้วยความกลัวว่ามนุษยชาติจะต้องสูญสิ้น มองว่านั่นจะเป็นคีย์สำคัญแห่งชัยชนะและการอยู่รอด จึงต้องรีบกำจัด แต่ก็ต้องเซอร์ไพรส์เมื่อได้รู้ว่า อาวุธพิฆาตที่พวกเอไอสร้างขึ้นนั้นเป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งเท่านั้น
หนังของ Gareth Edwards ใช้วิธีการถ่ายทำในสถานที่จริงแล้วใช้เทคนิคพิเศษทำภาพเพิ่มเติม ไม่ใช้การถ่ายในสตูดิโอเหมือนอย่างคนอื่นๆ แถมยังเข้าไปถ่ายทำในหลายประเทศ ทั้งเวียดนาม เนปาล กัมพูชา สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น อังกฤษ และที่สำคัญคือหนังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับฉากในเมืองไทย ทำให้ผู้ชมชาวไทยน่าจะได้อิ่มเอมกับการรับชมหนังเรื่องนี้มากที่สุด แถมหลายจุดยังไม่เคยอยู่ในหนังเรื่องไหนมาก่อนด้วย
นอกจากมันจะเป็นหนังไซไฟที่มีความแปลกตาเพราะทัศนียภาพเมืองไทยแล้ว ก็ยังใส่มุกตลกที่มีความเอเชียเข้าไปด้วย สัตว์ในหนังกลายเป็นนักแสดงตัวสำคัญ พาคนดูขำกลิ้งกับมุกที่คล้ายหนังไทยอย่างมาก ขณะเดียวกัน ก็มีคนไทยหลายคนร่วมแสดง ได้ยินเสียงพูดสำเนียงท้องถิ่น สร้างความอิ่มเอมได้ไม่น้อยเลย
ผู้ชมจะสัมผัสได้ถึงองค์ประกอบของเรื่องราวที่มีใกล้เคียงกับหนังไซไฟหลายเรื่อง ขณะที่งานออกแบบองค์ประกอบศิลป์ก็โดดเด่นจนอาจลุกขึ้นมาเทียบเท่าหนังไซไฟอีกหลายเรื่องด้วยเช่นกัน ขณะที่การรับชมบนจอ IMAX แม้จะไม่ได้สร้างอิมแพ็คมากมาย เพราะสัดส่วนภาพแบบยาว เลยทำให้ไม่อาจใช้ศักยภาพของจอยักษ์ได้อย่างเต็มที่ แต่ระบบเสียงที่กระหึ่มและภาพขนาดใหญ่ก็นับว่าชวนตื่นตาได้อยู่
ตัวหนังเองแทรกซึมเอาไว้ด้วยหลากหลายประเด็น รวมไปถึงแง่มุมเรื่องการเมืองของสหรัฐฯ เอง ประเด็นการโอบรับวัฒนธรรมที่หลากหลาย ความเท่าเทียมของเผ่าพันธุ์ที่ถูกมองกว่าด้อยกว่า แฝงปรัชญาแบบตะวันออก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบทหนังจะพยายามให้กลมกลืนที่สุด และแม้การเดินเรื่องจะค่อนข้างกระชับดี แต่ก็ยังพบว่า บางประเด็นถูกรวบรัดเกินไป จนชวนให้สงสัยและอยากรู้รายละเอียด
การบอกเล่าของหนังใช้การแบ่งเป็นตอนย่อย คล้ายกับเป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่มีการย้อนอดีตก่อนแล้วค่อยเล่าปัจจุบัน ทำให้เราได้เห็นเรื่องราวที่ถูกปิดซ่อนไว้ก่อนค่อยๆ ถูกคลี่ออกจนมองเห็นเรื่องราวทั้งหมด เมื่อผ่านมาถึงไคลแมกซ์ ด้วยการแสดงที่เยี่ยมยอดบวกกับดนตรีประกอบบิวต์อารมณ์ น้ำตาเอ่อไหลไม่รู้ตัว เป็นบทสรุปที่ชวนสะเทือนใจไม่น้อย ก่อนที่หนังจะจบลงด้วยเครดิตปิดท้าย ที่มีรายชื่อคนไทยมากมายปรากฏตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้เห็นว่า คนไทยมีศักยภาพมากพอจะเป็นกำลังหลักที่ผลักดันอยู่เบื้องหลังหนังฮอลลีวูดได้ สร้างความรู้สึกภาคภูมิใจ ทำให้นายแพทต้องนั่งอ่านมันอยู่อย่างนั้นไปอักษรตัวสุดท้าย
แต่รู้สึกเสียดายอย่างหนึ่ง คือ หนังมาถ่ายทำเมืองไทย แต่ไม่มีเพลงตรงไหนที่ถูกเปิดแล้วเป็นเพลงไทยเลยเนี่ยแหละ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Creator / เดอะ ครีเอเตอร์ |
กำกับ | Gareth Edwards |
เขียนบท | Gareth Edwards, Chris Weitz |
แสดงนำ | John David Washington, Madeleine Yuna Voyles, Gemma Chan, Allison Janney, Ken Watanabe |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ไซไฟ, ผจณภัย, ดราม่า, ระทึกขวัญ |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 133 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 28 กันยายน 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | 20th Century Studios, New Regency Productions, Entertainment One |
คะแนนหนัง เดอะ ครีเอเตอร์
พล็อตและบท - 7.8
การแสดง - 8.2
การดำเนินเรื่อง - 7.8
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.2
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8.5
8.1
The Creator
หนังไซไฟล้ำปรัชญาที่เล่าเรื่องสงครามและความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับเอไอ บทหนังที่แยกโลกเป็นสองฟากฝั่ง ฝั่งหนึ่งคิดทำลายเอไอ อีกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติ วิชวลหนังดูแปลกตากับการเป็นหนังไซไฟอนาคต แต่เซ็ตถ่ายฉากจริงเป็นเมืองไทย เล่าเรื่องแบบแบ่งซอยเป็นตอนย่อย แต่เข้าใจง่าย และได้เห็นคนไทยทั้งแสดงและเป็นทีมงานเบื้องหลัง กลายเป็นหนังที่คนไทยทุกคนสมควรจะได้ดู แล้วจะรู้สึกภาคภูมิใจเหมือนๆ กัน