รีวิวหนัง ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง Until Dawn | ยำใหญ่สะใจคนชอบแนวไล่เชือด

บางคนอาจเคยเล่นเกม ‘Until Dawn’ แต่บางคนอาจไม่ จากวิดีโอเกมสุดฮิตที่เปิดให้คนดูเลือกกำกับฉากหนีตายเองได้ ถูกดัดแปลงกลายเป็นหนังไล่เชือดวนลูปที่ชื่อไทย ‘ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง’ เรื่องราวของแก๊งวัยรุ่นที่ตายรอยการหายตัวไปของพี่สาวแล้วไปเจอกับบ้านประหลาดกลางป่า ที่มีผีดิบออกมาไล่ฆ่าจนตาย แต่ก็ฟื้นขึ้นมาให้ฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่า

คิดเห็นเช่นไรกับหนังจากเกมเรื่องนี้?

บทหนังที่เล่นสนุกกับการฆ่าคนนี้ แม้เป็นการฆ่าวนซ้ำ แต่มันเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อย ๆ ทำให้เราไม่อาจคาดเดาอะไรได้ แต่ก็เปิดโอกาสให้เหยื่อทั้งห้าได้มีเวลาคิดทบทวน รวบรวมข้อมูล และปรึกษาเพื่อหาหนทางรอดออกไปจากบ้านคลั่งเลือดแห่งนี้ บ้านที่ไม่ปล่อยให้พวกเขาได้พบเจอกับรุ่งอรุณของวันใหม่เพราะพวกเขาต้องตายก่อนได้เห็น

พล็อตหลวมๆ ที่คลุมไว้ข้างนอก แต่ข้างในเปิดโอกาสให้เล่นสนุกกับการหยิบหนังหลายเรื่องมายำจนกลายเป็นความสยองบันเทิงครั้งใหม่ ไม่เลวเลยแฮะ

เรื่องย่อหนัง ‘Until Dawn’

มันเป็นเรื่องของกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่พากันเดินทางไปตามที่ต่างๆ เพราะคาดหวังว่า โคลเวอร์ (Ella Rubin) เพื่อนหญิงที่ยังคงไม่อาจมูฟออนได้กับการหายตัวไปอย่างลึกลับของ เมลานี พี่สาว จนในที่สุด หนุ่มสาว 5 คนที่ประกอบไปด้วย โคลเวอร์, แมกซ์ (Michael Cimino), นีน่า (Odessa A’zion), เมแกน (Yoo Ji Young) และเอ๊บ (Belmont Cameli) ก็ได้พบกับบ้านกลางป่าเข้าโดยบังเอิญ และได้รู้ที่นี่คือบ้านลึกลับที่เมลเคยมาเยือนและหายตัวไป แต่ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว ดวงตะวันก็ลาลับฟ้าไปแล้ว และพวกเขาตกอยู่ในวังวนของการสังหารไปเรียบร้อย

ในบ้านหลังมีนาฬิกาทรายอันใหญ่ตั้งอยู่ เมื่อมันหมุนและเม็ดทรายเริ่มไหล ฆาตกรลึกลับน่ากลัวจะลงมือฆ่าพวกเขา แม้เมื่อตายไปก็จะพบว่าตนตื่นขึ้นมาใหม่ในสภาพที่ย่ำแย่กว่าเก่า และจะถูกฆ่าซ้ำๆ วนไปอยู่อย่างนั้น ทางเดียวที่จะรอดออกมาได้คือ พวกเขาต้องไม่ตายจนถึงรุ่งเช้าวันใหม่นั่นเอง

รีวิวหนัง ‘ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง’

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้รับชมผลงานการกำกับของ David F. Sandberg กันมาบ้างแล้ว ก็เพราะเขาคือชายผู้เคยกำกับหนังสยองขวัญอย่าง ‘Lights Out’ และ ‘Annabelle: Creation’ มาก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนได้เห็นลีลาการเล่าของหนังที่เล่นกับความมืดได้ดี แม้จะหันไปกำกับหนังฮีโร่ ‘Shazam!’ มาสองภาค เมื่อมาถึงหนังเรื่องนี้ เขาก็ใช้ฝีไม้ลายมือเหล่านั้นมาสร้างช็อตชวนขวัญผวาในที่มืดอีกครั้ง แถมยังจัดมาให้อย่างต่อเนื่อง เพราะหนังเรื่องนี้จะเล่าในเวลากลางคืนซะเป็นส่วนใหญ่

มันเป็นหนังที่ดัดแปลงสร้างจากวิดีโอเกมดังของ Play Station เป็นเกมที่เปิดให้คนดูเป็นคนกำกับทิศทางเอง จนทำให้การตัดสินใจพลาดครั้งเดียวอาจพาให้ทุกอย่างเข้าสู่หายนะเกินคาดคิด แต่แม้ไม่เคยเล่นเกมนี้ก็สามารถสนุกไปกับหนังได้ ด้วยองค์ประกอบของเกมที่เหมาะมากจะเป็นหนังสยองขวัญ​เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

พล็อตเรื่องของมันดูจะใส่มาอย่างหลวมๆ ให้เพื่อนกลุ่มหนึ่งยอมร่วมเดินทางไปกับโคลเวอร์เพื่อตามรอยการหายตัวไปของพี่สาว จนต้องมาติดแหง็กอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แล้วจากนั้น มันก็กลายเป็นหนังสไตล์ไล่เชือดชนิดวนลูป หนังเล่นสนุกกับความตายของคนทั้งห้า ที่มีกติกาอย่างการฆ่าพวกเขาให้ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่ปล่อยให้พวกเขาหลุดออกไปจากเวลากลางคืน

ที่จริงลูปนี้ก็โอกาสสิ้นสุดเช่นกัน เพราะเบาะแสอย่างสมุดบันทึกที่บ่งบอกว่า ไม่มีใครอยู่ได้นานเกิน 13 วัน ขณะเดียวกัน หนุ่มสาวที่ไม่อยากตาย ก็พยายามหาวิธีหลุดออกจากลูปนั้น มันกลายเป็นที่มาของพล็อตเกมไล่เชือดที่ดูไร้เหตุผล แต่ก็พบว่ามันก็มีเหตุผลของมัน

หนังเรื่องนี้คือ การยำใหญ่หยิบเอาไอเดียจากหนังหลายเรื่องเข้ามาใส่ในหนังที่ชวนระทึกปนสยองขนหัวลุก มีหลายต่อหลายช็อตที่คอหนังสยองจะนึกไปถึงหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้

กับบทหนังพยายามหาวิธีไล่เชือดที่ไม่ซ้ำเพื่อสร้างความคาดไม่ถึงให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง ใช้ความหวังสร้างความระทึก บวกกับเลือดที่สาดนองพาสยองระหว่างรับชม ขณะเดียวกัน บางช็อตนั้นแทนที่จะสยอง กลับพาให้ขำแทนซะงั้น อย่างน้อยบอกได้ว่า ผู้กำกับเขาแม่นจังหวะ ถนัดและสนุกกับการเล่าเรื่องสไตล์นี้ของจริง

ส่วนในภาพรวมของหนัง เหมือนจะตั้งใจบอกกับเราว่า สิ่งเลวร้ายที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว เราไม่ควรจะไปยึดติด แต่จะดีกว่าถ้ามูฟออนและใช้ชีวิตต่อไป รวมทั้งอุปสรรคขวากหนามที่รบกวนจิตใจอยู่นั้น อาจจำเป็นต้องพึ่งพาคนรอบข้างเพื่อช่วยให้เราก้าวพ้นมันไป

หนังอาจไปไม่ถึงขั้นประทับใจ แต่ถือว่าสร้างความบันเทิงปนสยอง(บวกขำ)ให้เราได้อยู่ และมันกลายเป็นหนังสยองขวัญสร้างจากวิดีโอเกมที่ทำออกมาได้ไม่เลวอีกเรื่องหนึ่ง

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง