ภารกิจผมมันช่างรัดตัวจริงๆ แต่ก็ยังมีอารมณ์มาอัพเดตบล็อกอยู่ได้สิน่า…
วันนี้ ผมดูหนังแผ่น 2 เรื่องควบครับ เป็นสองเรื่องที่โคตรแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรื่องหนึ่งเป็นหนังแอ็คชั่นเลือดสาดแต่อาร์ตสุด กับอีกเรื่ือง ดราม่าและนำมาจากเรื่องจริงๆ อินและซึ้งเหลือหลาย อยากรู้ว่าเรื่องอะไร และเป็นยังไง ก็ตามผมมา
เรื่องแรก “300”
แน่นอน ดูภาพจากโปสเตอร์ที่ผมแปะให้ดู คงรู้ว่ามันเป็นหนังแบบไหน เผลอๆ คุณคงดูมาก่อนผมแล้วละ
300 หนังแอ็คชั่นเรื่องราวของชาวสปาร์ตาน ที่สู้เพื่อตาย เอ้ย สู้เพื่อชัยชนะ เป็นพวกอุดมการณ์สุดโต่ง สู้เพื่อจะได้อยู่ในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก สู้เพื่อเกียรติยศของชาวกรีก แม้จะมีนักรบร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เพียง 300 คน หยิบมือเดียวของเหล่านักรบแห่งเปอร์เซียเท่านั้น
เรื่องราวที่ออกจะเป็นประวัติศาสตร์ชาติกรีก กับคนที่ไม่สนใจประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์ยุโรปแบบผม อาจจะไม่กระดิกหูมากนัก รู้เพียงเลาๆ แต่ไม่รู้ละเอียด แต่ก็พอตามเรื่องไปได้แหละน่า
หนังทำออกมาได้ “แนว” มากๆ แต่งสีแต่งสันให้แปลกตาไม่สมจริง เพื่อสร้างคาแรคเตอร์ให้กับภาพ เพิ่มเติมด้วยคอมพิวเตอร์กราิฟิกเลือดสาดเต็มจออย่างกับงานศิลป์ ทั้งที่มันคือภาพของการฆ่าคน
ไม่ได้ให้อะไรกับชีวิตมากนัก นอกจากภาพหวือหวาในช่วงต้นๆ ที่เดาว่า น่าจะเป็นช่วงที่ถูกตัดไปในเวอร์ชั่นฉายในโรงบ้านเรา กับแนวคิดสุดโต่งของเหล่านักรบสปาร์ตาน
แต่ความมันสะใจ คงได้กันไปเต็มๆ
———————————
มาถึงอีกเรื่อง “The Putsuit of Happyness”
หลังดูเรื่องแรกจบ ก็เปลี่ยนแผ่น ใส่แผ่นนี้เข้าไปเลย ไม่ต้องรอปรับอารมณ์กันให้มากมาย เรื่องนี้ สร้างจากเรื่องจริงครับ ของเซลส์แมนชาวผิวดำ ชื่อ คริส การ์ดเนอร์ ที่ต่อสู้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก ในวันที่เขา ภรรยา และลูกชาย ต้องประสบชะตากรรมบ้านแตก และต้องเลี้ยงลูกชายเพียงลำพัง หนังเล่าถึงการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์เสือจนตรอก
คริส การ์ดเนอร์ ตอนต้นเรื่องออกจะจริงจังกับเรื่องบางเรื่องมากไปนิด หนังเปิดให้เห็นช่วงที่คริสแกไปต่อว่าภารโรงสถานรับเลี้ยงเด็ก ที่เขียนคำว่า Happyness ในภาพวาดว่าผิด เพราะจริงๆ มันต้อง Happiness เป็นการเล่นคำที่เป็น Symbol ของเรื่อง ซึ่งก็คือ ชีวิตของคนที่ “ไล่ล่า” หาความสุขให้กับตัวเองนั่นไง
ความสุขของการ์ดเนอร์ คงจะเป็นการมีงานมีเงินมีชีวิตครอบครัวที่ดีนั่นละกระมัง
แต่น่าแปลก เป็นหนัง American Dream ที่ให้ผู้กำกับที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันมารับหน้าที่ซะงั้น
กำกับโดย Gabriele Muccino เป็นชาวอิตาเลียน ที่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างกระท่อนกระแท่น (ในช่วงเวลาที่กำกับ) ไปๆ มาๆ กลับทำหนังออกมาได้ดีมากๆ โดนใจคนอเมริกันและคนทั่วโลกเป็นอย่างยิ่ง
ใครท้อแท้ในชีวิต โทษโน่นโทษนี่ เช่าเรื่องนี้มาดูแล้วคุณจะไม่โทษอะไรอีกเลย ตั้งหน้าตั้งตาทำมันให้ถึงที่สุด แล้วสักวัน จะเป็นวันของคุณครับ
————————–
ขออภัย หากวันนี้ เขียนไม่ค่อยดี ช่วงนี้ สมองไม่แล่นเท่าที่ควร เมื่อไหร่ฉันจะได้พักเนี่ย…
รอมานานครับ ธีมสวยๆ แบบนี้ เลยต้องใช้ซะหน่อย
แล้วอย่าลืมตามไปอ่านใน blooWorld นะ อีกไม่กี่อึดใจจะอัพให้อ่านกัน
เป็นเรื่องที่อยากจะดูมากๆทั้งสองเรื่องเลยครับ ยิ่งเรื่องของวิลสมิธนี่ ท่าทางจะได้ข้อคิดอะไรดีๆเยอะ
The Putsuit of Happyness หนังแนะนำเลยละครับ หนังดีมากๆ จริงๆ
เรื่อง 300 นี่ภาพสุดยอดเลยครับ