และแล้วก็ได้เวลาเขียนบล็อกอัพเดตเรื่องหนังเสียที หลังไปดูมาวันก่อน แล้วยังไม่ได้จังหวะดีๆ มานั่งเขียน สุขภาพของนายแพทไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ แต่ในที่สุด แม้จะอย่างไร ผมก็ยังจะหาเวลามาเขียนถึงหนังที่เพิ่งไปดูมาให้ได้ แม้ว่ามันจะไม่ค่อยสดสักเท่าไหร่ เพราะดูไปสองวันกว่าแล้ว ผมกำลังหมายถึง หนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องใหม่ ‘I Am Number Four’ นั่นไง
ผมเพิ่งรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่นาน เรียกว่า จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาโดยไม่ทันได้รู้ตัวมาก่อน ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีหมายเลขประจำตัว ปรากฏโฉมในหนังตัวอย่างเมื่อสักเดือนกว่า หลายคนอาจจะไม่คาดหวัง เมื่อไปดูในโรงก็พบว่า มันสนุกใช้ได้เลยเชียว ผมเอง ที่กำลังดูแต่หนังนอกกระแสในช่วงนี้ อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศไปดูหนังแบบนี้บ้าง เข้าทางพอดี
เอาเป็นว่า หลังรวมสมัครพรรคพวกได้ 4 คน ก็ยกโขยงเข้าโรงสยามภาวลัย ของ Paragon Cineplex ณ สยามพารากอน แถว N ถูกจับจองตามเคย เอาล่ะ ได้เวลานั่งดู ซูเปอร์ฮีโร่นัมเบอร์ 4 กันละพวกเรา
รีวิวหนัง ‘I am Number Four’
เมื่อเหล่าเด็กหนุ่มสาวจากต่างดาวทั้งเก้า ที่เกิดมาพร้อมกับพรจากสวรรค์ พวกเขามีพลังพิเศษที่จะถูกปลุกขึ้นเมื่อถึงเวลา แต่ต้องหนีการตามล่าจะฝั่งฝ่ายตรงข้ามที่ตามมายังโลกมนุษย์ หมายเลข 1, 2 และ 3 ถูกตามล่าจนเจอและถูกสังหารพร้อมผู้พิทักษ์เรียงตามลำดับหมายเลข …อย่างไม่ผิดเพี้ยน
คล้ายผู้ล่านิยมจำนวนนับ จึงชอบฆ่าตามลำดับมากกว่าจะฆ่าตามความพอใจ
และเมื่อหมายเลข 4 รู้ตัวว่าเขากำลังถูกฆ่า เขาก็พบว่า พลังในตัวกำลังเริ่มสำแดงเดช ผู้พิทักษ์พาเขาหนีไปไกลยังเมืองเล็กๆ ในโอไฮโอ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนประวัติทุกอย่าง ทุกคนจะรู้จักเขาในชื่อ จอห์น สมิธ (Alex Pettyfer) ที่ไม่ได้เปลี่ยนคือหัวใจของชาวดาวเคราะห์เดิม ที่รักใครรักเดียว (ต่างกับโลกนี้อย่างสิ้นเชิง) ด้วยความเบื่อจึงอยากไปโรงเรียน ก่อนได้พบกับทั้งรักแรก ซาราห์ (Dianna Agron) และแซม (Callan McAuliffe) เพื่อนผู้บ้ามนุษย์ต่างดาว ที่จะพาเขาทั้งฝ่าฟันและยุ่งยากไปกับภารกิจเอาตัวรอดครั้งนี้…
ตัวอย่างแรกนั้น พอจะทำให้เราเข้าว่า จอห์น คือหมายเลข 4 ที่กำลังต้องต่อสู้ด้วยพลังที่ตัวเองมี รายรอบด้วยตัวละครมากมายที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยว่าเป็นฝ่ายใด แต่ตัวอย่างตัวที่สองกลับเปิดเผยหัวใจของซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีเลขประจำตัวให้มากขึ้นไปอีกขั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย D.J. Caruso ที่มีผลงานอย่าง ‘Disturbia’ หลายคนว่ามันมีความคล้ายคลึงกับ Twilight Saga จนทำให้คนที่ได้อ่านไม่รู้สึกอยากไปดู ความคล้ายคลึงเป็นเพียงแค่เค้าแค่ส่วนเดียวเท่านั้น แต่ไม่ได้ใกล้เคียงกันเสียจนเรียกได้ว่าคล้ายคลึงกัน เรื่องความรักใน “I Am Number Four” เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างจะเป็นรักกุ๊กกิ๊กของซูเปอร์ฮีโร่เท่านั้น เป็นแค่เศษเสี้ยวของความรักที่ออกจะเลี่ยนๆ ใน Twilight Saga ด้วยซ้ำ
ต้องขออภัย ถ้าจะไปสะกิดต่อมบางอย่างของแฟน The Twilight Saga อยู่บ้าง โปรดเข้าใจ ว่านี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว
หนังอาจจะไม่ได้มีพล็อตที่สมเหตุสมผลไปเสียทุกส่วน เป็นธรรมดาของหนังเหนือมนุษย์ แต่ก็นับว่า คนเขียนวางโครงเรื่องไว้ซับซ้อนประมาณนึง สร้างตัวละครไว้หลายๆ ตัว และค่อยๆ เปิดเผยให้เรารู้ทีละตัวว่า ตัวละครไหนเป็นฝ่ายใด
เริ่มต้น อาจจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก เพราะเป็นช่วงตัวละครกำลังพัฒนาตัวเอง ก่อนจะพบรักกุ๊กกิ๊กกับสาวหน้าใส (สวยคม โดนใจโคตรๆ) พบพลังในตัว และพัฒนาตัวเองให้ใช้-ควบคุมพลังที่มี ก่อนจะนำพาตัวเองและคนใกล้ตัวไปสู่ฉากการต่อสู้อันตื่นตา ช่วงเวลาไคลแม็กซ์ของหนังทำให้ผู้ชมได้สนุกสนานกับการปะทะของทั้งคน ซูเปอร์ฮีโร่ และตัวละครที่เราเฝ้าสงสัยมาตลอดว่า…
“มันเป็นฝ่ายไหน”
ทั้งเรื่องแทบจะเต็มไปด้วยเสียงของ iPhone ได้ยินทีไร อดยิ้มไม่ได้ทุกที (เพราะได้ยินอยู่ทุกวัน) รวมทั้งโน้ตบุ๊คที่ใช้ก็ยังเป็นของ Apple ขณะที่นางเอกเลือกจะผันไปชอบอะไรเก่าๆ อย่างกล้องฟิล์มแทน ซึ่งก็พบว่ามีทั้ง Nikon และ Canon คละเคล้ากันไป งานนี้ ไม่ได้ค่าโฆษณา tie-in ให้มันรู้ไปสิ
แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ การเป็นพระเอกซูเปอร์ฮีโร่ที่มีแสงออกมาจากมือนี่ มันเท่ตรงไหน ถึงจะทำอะไรได้หลายอย่างก็เถอะ แต่นายแพทก็พบว่า พลังแบบ “กันไฟ” เนี่ยมันเท่กว่ากันเยอะเลย นินิ
เดากันออกมั้ย ว่าจะมีภาคต่อไปรึเปล่า?
ชื่อภาพยนตร์: I Am Number Four / ปฏิบัติการล่าเหนือโลกจอมพลังหมายเลข 4
ผู้กำกับภาพยนตร์: D.J. Caruso
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Alfred Gough (screenplay), Miles Millar (screenplay), Marti Noxon (screenplay), Jobie Hughes (novel), James Frey (novel)
นักแสดงนำ: Alex Pettyfer, Timothy Olyphant, Teresa Palmer, Dianna Agron, Callan McAuliffe
แนว/ประเภท: Action, Sci-Fi, Thriller
เรท: USA PG-13, ไทย น13+
ความยาว: 110 นาที
ปี: ค.ศ. 2011/ พ.ศ. 2554
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: DreamWorks SKG, Imagenation Abu Dhabi FZ, Media Rights Capital
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 17 กุมภาพันธ์ 2554
นอกจากมีเสียง iPhone แล้วยังมี Bing และ IE 8 และ Mac ผสมกับ Microsoft ด้วย ฮาๆๆๆ
จริงๆมาพักหลังๆ ชอบ โฆษณาแบบ tie-in นะครับพี่ ชอบตรงที่ พอออกมาจากโรงแล้วทำให้มันเรื่องพูดคุยกับเพื่อนๆ ต่อถึงรายละเอียด เล็กๆน้อยๆ ตามฉากต่างๆว่า “เห็นไหมๆๆ มี โน้นนี้ๆ ฉากนี้ด้วย”
ส่วนภาคนี้ผมตื่นเต้นตลอดตรงนี้ พระเอกยังคงมีพลังที่ตัวเองได้มาไม่รู้ตัวอยู่หลายอย่าง ทำให้แอบหวังเล็กๆว่า เอ๋~จะมีพลังอะไรโผล่ออกมาอีกไหมน้าาาา :)
ผมว่าสนุกดีนะเรื่องนี้!
ปล.แอบอยากดูเรื่อง Black swans เห็นบอกว่าเป็นหนัง จิตวิทยา ชั้นสูงงง อิอิ
ไปดูมาแล้ว เพิ่งไปดูมาเลย รู้สึกว่า สินค้าที่อยู่ในนั้นจะเป้นของ Apple ซะส่วนใหญ่แฮะ
ว่าจะไปดูวันพุธนี้ พออ่านกระทู้ของคุณ Pat ยิ่งมั่นใจว่ามันน่าจะ Ok และก็เตรียมว่าอาจจะจบแบบต้องตามภาค 2
หนังไม่ได้ดีไปทุกส่วนนะ อาจเนือยบางในช่วงแรก และความน่าเชื่อถือในพล็อตบางส่วน แต่จะค่อยๆ เพิ่มความสนุกในการลุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่า ถ้ามีภาคหน้า น่าจะจัดเต็มกว่านี้ได้อีก
อยากดูมักมากคับ
หนังสนุกมากครับ ชอบพระเอกนางเอก+นางเอกสวยมากครับ
เรื่อง นี้เป็นอีกเรื่องที่ผมก้อลุ้น ว่ามันจะมีอะไรมากขึ้นอีกนิด ในภาค แรก นี่ก้อ ถือว่า โอเค ระดับนิด ๆ แต่มันก้อยังไม่สุด ผมก็ขอลุ้นให้มัน มีอะไร มากขึ้น ฉากแอคชั่นมากขึ้น แอฟเฟคมากขึ้น สมกับ มีพลังวิเศษอีกนิด น่าจะเวิร์คมอร์กันเลยทีเดียว