
ในวันที่เจ้าหน้าสาวได้โอกาสกลับมาลงสนาม เธอเจอภารกิจดูแลและปกป้องพยานปากสำคัญ พาเขาขึ้นเครื่องบินเล็ก ผ่านดินแดนอะแลสกา ภูผาสูงชันและหนาวเหน็บ แต่ดันพบนักบินตัวร้ายที่แฝงมาเก็บชีวิตพยาน ทำให้งานที่ควรจะง่ายกลายเป็นของยาก แถมอยู่กันในพื้นที่แคบๆ อีกต่าง นั่นคือสิ่งที่หนัง ‘Flight Risk’ หรือชื่อไทย ‘นรกยึดไฟลต์‘ ของเมล กิ๊บสัน จะให้ความสนุกระทึกกับเรา
คิดเห็นเช่นไรกับหนังเรื่องนี้?
ไม่คิดว่า เมล กิ๊บสัน ที่ห่างจากการเป็นผู้กำกับไปนาน กลับมาอีกครั้งจะเลือกหนังแนวนี้มากำกับ หนังที่เล่นกับตัวละครน้อยๆ เดินเรื่องในพื้นที่จำกัดอย่างบนเครื่องบินลำจ้อย บวกกับสถานการณ์ที่ชวนระทึกเพราะอยู่บนฟ้าเหนือเทือกเขาสูง หนังแบบนี้ บทของมันต้องพยายามสร้างความพลิกผันเพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม ซึ่งก็ทำได้ประมาณหนึ่ง แถมหนังที่มีตัวละครน้อยอยู่แล้ว แต่กลับยังมีตัวละครที่น่ารำคาญปะปนมา
ทำให้หนังที่ดูสนุกกว่าที่คาดเรื่องนี้ ทำได้เพียงสร้างความบันเทิงชั่วครู่ชั่วคราว จบแล้วก็จบกันไป
เรื่องย่อหนัง ‘Flight Risk’
เมื่อนักบินกลายเป็นนักฆ่า เที่ยวบินข้ามอะแลสกากลายเป็นสงครามล่าปิดตาย เรื่องราวมันเริ่มต้นที่ แมเดอลีน แฮร์ริส (มิเชลล์ ด็อกเคอรี จากหนังเรื่อง ‘The Gentlemen’) เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่เพิ่งได้กลับมาทำงานภาคสนามอีกครั้ง ครั้งนี้เธอมีภารกิจปกป้องพยานปากสำคัญอย่าง วินสตัน (โทเฟอร์ เกรซ จากหนังเรื่อง ‘Spider-man 3’) บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปให้รอดพ้นจากเงื้อมมือนรกของ แดริล บูท (มาร์ก วาห์ลเบิร์ก จากหนังเรื่อง ‘Ted’ และ ‘Daddy’s Home 2’) นักบินผู้ซ่อนเร้นแผนการร้ายที่จะเปลี่ยนห้องโดยสารให้เป็นสนามฆ่าโดยไม่ทันตั้งตัว
รีวิวหนัง ‘นรกยึดไฟลต์’
เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ดูหนังที่ Mel Gibson กำกับมานานมากพอสมควรเลย ผลงานของผู้ชายคนนี้ นอกจากฝากฝีมือไว้กับการแสดงหนังมากมายหลายเรื่อง ก็ยังมีเครดิตในการเป็นผู้กำกับหนังที่หลายคนรู้จักดีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ‘Hacksaw Ridge’, ‘Apocalypto’, ‘The Passion pf the Christ’ และ ‘Braveheart’ เมื่อเขากลับมานั่งแท่นกำกับอีกครั้งในรอบ 9 ปี ก็ทำให้น่าสนใจว่า หนังเรื่องใหม่ที่เขากำกับมันจะออกมาหน้าตายังไง
ผลปรากฏออกมาว่า เขาหยิบเอาบทหนังที่ใช้ตัวละครน้อยๆ เล่นกันในพื้นที่แคบมากำกับ ‘นรกยึดไฟลต์’ ชื่อไทยที่มงคลเมเจอร์ ภายใต้สหมงคลฟิล์มฯ ตั้งให้ เล่าเรื่องด้วยตัวละครที่มีเพียง 3 ตัวเท่านั้นที่ต้องมาเผชิญหน้ากันบนเครื่องบินลำจ้อย ที่ทะยานผ่านเทือกเขาสูงปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
เรื่องราวของเจ้าหน้าที่สาวควบคุมตัวพยานหนุ่มออกจากอะแลสกาเพื่อหวังให้เขาปลอดภัยจากมาเฟียตัวร้าย แต่ดันพบว่า นักบินที่ขึ้นมาทำหน้าที่ขับนั้นเป็นคนร้าย สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดกลางเวหาและไร้หนทางหนี เอาเข้าจริง มันก็ชวนน่าคิดอยู่เหมือนกันว่า เจ้าหน้าที่สาวคงร้างงานภาคสนามไปนานมาก จนไม่เช็คอะไรเลยก่อนขึ้นบิน ส่วนหนึ่งอาจเพราะต้องปฏิบัติหน้าที่คนเดียว เลยอาจเป็นผลให้สะเพร่าจนปล่อยให้นักบินตัวร้ายมาขับเครื่องให้
เมื่อมองถึงว่ามันเป็นหนังที่ว่าด้วยสถานการณ์คับขันและหนีไปไหนไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเขียนออกมาได้ดีตามสภาพ มันพาผู้ชมลุ้นว่า ตัวละครจะแก้สถานการณ์ยังไง บทมีพลิกผันบ้างไรบ้าง ช่วงท้ายก็เพิ่มความลุ้นขึ้นมาอีกระดับ ทำให้หนังออกมาสนุกกว่าที่คิด แม้ว่าหนังจะมีหนึ่งตัวละครที่พูดมากเกินเหตุ ชวนน่ารำคาญ กับบทหนังที่ค่อนข้างน่าเบื่อก็ตาม
ส่วน มาร์ก วาห์ลเบิร์ก ที่เล่นเป็นคนดีมาหลายต่อหลายเรื่อง หนนี้สลับกลับมาเล่นเป็นตัวร้ายบ้าง แถมยังเปลี่ยนลุคเป็นตัวร้ายที่หัวล้านอีกต่างหาก ให้ภาพที่แตกต่างจากที่เคยพบเห็นกันไปเลย ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร สำหรับเขาที่บุคลิกและหน้าตาสามารถจะเป็นได้ทั้งตัวดีและตัวร้ายอยู่แล้ว
หนังพอจะทำให้เราลุ้นระทึกได้อยู่บ้าง กับซีจีก็ถือว่าพอถูไถ ไม่ได้มีอะไรเลวร้าย กลายเป็นหนังแอ็คชันที่เล่นกับพื้นที่แคบๆ ได้พอผ่าน อะไรประมาณๆ นั้น
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Flight Risk / นรกยึดไฟลต์ |
กำกับ | Mel Gibson |
เขียนบท | Jared Rosenberg |
แสดงนำ | Michelle Dockery, Mark Wahlberg, Topher Grace |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, อาชญากรรม, ดราม่า, ระทึกขวัญ |
เรท | R |
ความยาว | 91 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 23 มกราคม 2025 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Hammerstone Studios, Davis Entertainment, Icon Productions |
คะแนนรีวิวหนัง นรกยึดไฟลต์
พล็อตและบท - 5.9
การแสดง - 5.8
การดำเนินเรื่อง - 6
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 6.2
เพลงและดนตรีประกอบ - 6
6
Flight Risk
ไม่คิดว่า เมล กิ๊บสัน ที่ห่างจากการเป็นผู้กำกับไปนาน กลับมาอีกครั้งจะเลือกหนังแนวนี้มากำกับ หนังที่เล่นกับตัวละครน้อยๆ เดินเรื่องในพื้นที่จำกัดอย่างบนเครื่องบินลำจ้อย บวกกับสถานการณ์ที่ชวนระทึกเพราะอยู่บนฟ้าเหนือเทือกเขาสูง หนังแบบนี้ บทของมันต้องพยายามสร้างความพลิกผันเพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชม ซึ่งก็ทำได้ประมาณหนึ่ง แถมหนังที่มีตัวละครน้อยอยู่แล้ว แต่กลับยังมีตัวละครที่น่ารำคาญปะปนมา ทำให้หนังที่ดูสนุกกว่าที่คาดเรื่องนี้ ทำได้เพียงสร้างความบันเทิงชั่วครู่ชั่วคราว จบแล้วก็จบกันไป