เทพนิยายที่ไม่ได้จบลงด้วยความสุข ‘Spencer’ จะทำให้คุณรู้จักเจ้าหญิงไดอาน่ามากกว่าเดิม
เตรียมมาร้าวไปกับเจ้าหญิงไดอาน่า ในหนัง Spencer 13 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า เรื่องราวชีวิตรักของ “เจ้าหญิงไดอาน่า” แห่งเวลส์ก็เปรียบเช่นเรื่องในเทพนิยาย ที่ไม่เคยเอาชนะความรักได้ตลอดพระชนม์ชีพ ชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยการเชือดเฉือนประชดประชัน และนำมาสู่การหย่าร้างในที่สุด ทั้งหมดนี้คือช่วงเวลาอันยากลำบากที่ประชาชนไม่เคยรับรู้ว่าไดอาน่ารู้สึกอย่างไร รวมถึงการต้องเป็นเป้าสายตาของประชาชนทั่วโลกที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล แล้วในที่สุดอีกไม่นานเกินรอ 13 มกราคมนี้ ผู้ชมทุกคนจะได้เห็น “ความจริง” ของเจ้าหญิงที่อยู่ในความทรงจำของคนทั้งโลกและการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน ในภาพยนตร์สุดวิจิตรละเมียดลึกแห่งปี ‘Spencer’
ส่งตรงถึงเมืองไทย โดย M Pictures ซึ่งครั้งนี้เรื่องราวของ “เจ้าหญิงไดอาน่า” จะถูกนำเสนออกมาให้ไม่เหมือนกับครั้งไหนที่คุณเคยดูแน่นอน ผ่านเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 3 วันที่พระตำหนักแซนดริ้งแฮมในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส เจ้าหญิงแห่งเวลส์ที่ในเวลานั้นกำลังเกิดความสับสนในชีวิต ทั้งการตัดสินใจที่จะแยกทางจากเจ้าชายชาร์ลส์ และการแสดงความประสงค์ที่จะพาพระโอรสทั้ง 2 ไปเลี้ยงดูให้มีชีวิตเฉกเช่นเดียวกับเด็กสามัญชน รวมถึงการต่อสู้กับ “โรคบูลิเมีย” (โรคการกินผิดปกติ) หลังจากเข้ามาเป็นสมาชิกราชวงศ์ อันเป็นผลพวงมาจากการล่มสลายของชีวิตแต่งงาน หรือการต้องทบทวนตัวเองอย่างหนักว่า เธอเป็นใครกันแน่? อิสรภาพของเธออยู่ที่ไหน? และเธอกำลังคิดจะทำอะไรอยู่?
แต่ขณะเดียวกัน Spencer/สเปนเซอร์ อาจจะไม่ได้เปิดเผยฉากโศกนาฏกรรมของไดอาน่าในตอนจบเหมือนอย่างภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ทว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอีกหนึ่งมุมสำคัญที่แตกต่างออกไปนั่นคือ ความผูกพันระหว่างแม่ลูกที่ไดอาน่ามอบให้กับเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าชายแฮร์รี่เสมอมาอีกด้วย
“พระองค์ได้เคยตรัสอย่างกล้าหาญเกี่ยวกับความสูญเสียและความโทมนัส ตลอดจนผลกระทบอย่างใหญ่หลวงที่เรื่องนี้มีต่อพระองค์เอง แต่สิ่งที่ผมตั้งใจอยากสำรวจลงไปให้ลึกที่สุดก็คือ ห้วงอารมณ์ของเธอที่นับว่าเป็นเรื่องยากและท้าทายมาก ๆ เริ่มจากชีวิตที่เดินหน้าสู่บทหนึ่งของเทพนิยาย และเทพนิยายนั้นกลับหัวกลับหางในตอนที่เธอตัดสินใจที่จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์” ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือชาวชิลี “พาโบล ลาร์เรน” ที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์อีกครั้งถัดจาก Jackie (2016) กล่าว
“ผมมองว่าเธอคือ ‘ตัวละครที่แสนเศร้าของชาวกรีก’ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ตัวละครมีสภาพเหมือนตกลงไปในทรายดูด และยิ่งเธอดิ้นรนมากเท่าไหร่ นั่นก็ยิ่งดำดิ่งลึกลงสู่ก้นบึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำ คนรอบข้างยังทำอะไรไม่ได้นอกจากเฝ้ามอง หรือในกรณีที่ย่ำแย่สุด ๆ ก็คือ ตักตวงและฉวยประโยชน์จากสภาวะดังกล่าวอย่างน่าเวทนา ดังนั้นสำหรับผมแล้ว ‘SPENCER’ จึงเป็นหนังที่ทั้งสะเทือนและทั้งสั่นคลอนความรู้สึกอย่างรุนแรง พร้อม ๆ กับเคลือบแฝงไปด้วยความจริงที่เกิดขึ้นครับ”
นับถอยหลัง…ยลโฉมเรื่องจริงที่รอการเปิดเผย และความดีงามที่ไม่มีวันสูญหาย เตรียมมาร้าวไปกับเธอ “ไดอาน่า” เจ้าหญิงหนึ่งเดียวที่คุณจะรักเธอไปชั่วนิรันดร์ ‘Spencer’ พบบทบาทการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดสู่ตัวเต็งผู้เข้าชิงออสการ์ของ คริสเตน สจ๊วต ที่อยากให้ทุกคนต้องพิสูจน์ 13 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
