
บางคนจะเคยได้ดูหนังที่เป็นผลงานของ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ มาบ้างแล้ว และบางคนก็คงจะเคยติดตามผลงานการ์ตูนสยองขวัญมาก่อน แต่ครั้งนี้ เขาจะก้าวขึ้นมากำกับภาพยนตร์เองเป็นครั้งแรก ด้วยการหยิบเอาป่าลึกสุดแดนใต้ของไทยมาขีดเขียนโดยเติมจินตนาการเข้าไป จนกลายมาเป็น ‘ฮาลาบาลา ป่าจิตหลุด‘ หนังไทยเรื่องล่าจาก BrandThink Cinema ในวันนี้ครับ
คิดเห็นเช่นไรกับหนังไทยเรื่องนี้?
เรื่องราวของสารวัตรหนุ่มฉายาแดนร้อยศพที่ต้องกู้ชื่อด้วยการปราบมหาโจรในป่าลึกที่มีตำนานปีศาจร้ายเรื่องนี้ หนังที่เล่าโดยนักเขียนการ์ตูนที่อยู่เบื้องหลังหนังสยองขวัญพันธุ์ไทยหลายต่อหลายเรื่อง หยิบเอาป่าลึกสุดแดนใต้มาขีดเขียนถึงตำนานเผ่ากินคนที่สาปสูญ ให้กลายเป็นหนังสยองขวิญเชิงจิตวิทยาที่อาจดูแตกต่างไปจากหนังไทยที่คุ้นเคย แม้ว่าการปูพื้นตัวละครอาจไม่มากพอจะทำคนดูรู้สึกเอาใจช่วยได้
แต่นักแสดงหลักต่างก็ทำหน้าที่ของตนได้อย่างดี โดยเฉพาะเต๋อที่สลัดภาพคอมเมดี้มาเล่นบทที่จิตๆ ได้ขนาดนี้
เรื่องย่อหนัง ‘ฮาลาบาลา ป่าจิตหลุด’
ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดทางใต้สุดของเมืองไทย นามว่า ‘ฮาลาบาลา’ น้อยคนจะรู้ว่าที่นั่นครั้งหนึ่งมีเผ่ากินคนแห่งผืนป่ามลายูอาศัยอยู่ ชนเผ่าที่ชื่อว่า ‘บาเตะ’ พวกเขาเลี้ยงผีด้วยศพที่หามาได้
สารวัตรแดน (เต๋อ ฉันทวิชช์ จากหนัง ‘โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต’) ตำรวจมือปราบฉายา ‘แดนร้อยศพ’ ผู้มีจิตใจบิดเบี้ยว เพื่อต้องการกอบกู้ชื่อเสียงที่เสียไป เขาจำเป็นต้องเดินทางลงใต้กับวิ (ณิชา ณัฎฐณิชา จากหนัง ‘Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี’ และ ’14 อีกครั้ง’) ภรรยาคนสวยที่ท้องแก่ผู้หวาดหวั่นต่อบ้านหลัง แต่จำใจต้องย้ายตามสามีเพื่อให้เขาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งย้ายของเจ้านาย
ด้าน ตั๊บ ตาไฟ (ปู แบล็กเฮด จากหนัง ‘เก๋า..เก๋า’) มหาโจรแดนใต้ ผู้นำแห่งแก๊งตาไฟที่บูชาผีหาเพื่อแลกกับอำนาจคนเหนือคน ตอนนี้ตั๊บหนีออกจากเรือนจำและเข้าไปในป่าฮาลาบาลา สารวัตรแดนมองว่าทางออกหนึ่งเดียวของเขา คือการเข้าป่าตามล่าตั๊บ ตาไฟ โดยไม่รู้ตัวว่าจะต้องเจอกับอันตราย
และในครั้งนี้ เขาจำเป็นต้องมีผู้นำทาง ซึ่งคนนั้นก็ได้แก่ พรานดำ (ปู ยะสะกะ จากหนัง ‘ธี่หยด 2’) ชายแก่พื้นเมืองที่รู้ทางในป่าฮาลาบาลาดี
รีวิวหนัง ‘ฮาลาบาลา ป่าจิตหลุด’
ผลงานจาก เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ นักเขียนการ์ตูนผู้ให้กำเนิด ’13 เกมสยอง’ และ ‘4 แพร่ง ตอน ยันต์สั่งตาย’ ทั้งยังเป็นผู้เขียนบทหนังไทยขึ้นหิ้งอย่าง ‘ทองสุก 13’ และ ‘บอดี้ ศพ#19’ และตอนนี้ เขาขึ้นนั่งแท่นเป็นผู้กำกับครั้งแรก เล่าเรื่องราวที่เขาเขียนเอง ในรอบกาล่าก็มีการแจกหนังสือการ์ตูนเล่มพิเศษที่เล่าเรื่องราวบางส่วนก่อนจะหนังจะเริ่มเล่า
มันว่าถึงชีวิตของแดนร้อยศพ ตำรวจหนุ่มที่ไปก่อเรื่องเสื่อมเสียให้ตัวเอง จนต้องถูกย้ายไปประจำที่ฮาลาบาลา ทำให้ต้องย้ายไปพร้อมกับเมียท้องแก่ แต่พอย้ายไปก็บังเอิญพบว่า ตั๊บ ตาไฟ หลบหนีออกจากคุกแล้วพุ่งมายังฮาลาบาลาที่ตนเพิ่งมาถึงเช่นกัน อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น แดนเลยถือโอกาสสร้างผลงานเพื่อหวังย้ายกลับนั่นเอง
แต่นี่คือป่าต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้ากร้ำกราย พร้อมตำนานเล่าขานถึงเผ่ากินคนโบราณที่ถูกลืมเลือน แม้จะหวาดหวั่นแต่เพื่อเป้าหมาย เขาจำต้องทำให้สำเร็จ จึงได้ว่าจ้างพรานดำให้นำทางสู่ดงอาถรรพ์ไปเผชิญหน้ากับมหาโจรที่บ้าคลั่งหวังหนีรอดผ่านอุโมงค์มืดในป่าแห่งนั้น
หนังเริ่มต้นด้วยตำนานเผ่าบาเตาะ ก่อนบอกเล่าความเป็นมาของการถูกโยกย้ายอย่างรวบรัดจนมีบางซีนต่อเนื่องที่ปรับอารมณ์ไม่ทัน ทว่าพอจะมองเห็นได้ถึงความหวาดหวั่นของภรรยาที่ไม่อยากคลอดลูกกลางป่า แถมอยู่ในบ้านที่ไม่น่าไว้วางใจ ทั้งยังทำให้เห็นถึงสภาพจิตอันบิดเบี้ยวของสารวัตรแดน อย่างไรก็ตาม ด้วยวิธีการทำให้เรามองเห็นภาพรวม เห็นที่มาที่ไปของการย้ายลงใต้ไปไล่ล่ามหาโจร แต่ยังไม่ถึงขั้นช่วยให้เรารู้ลึกถึงก้นบึ้งจิตใจตัวละครได้มากพอ
เมื่อหนังเดินไปถึงภารกิจในป่า พวกเขาก็ถ่ายทำและสร้างบรรยากาศออกมาชวนหวาดหวั่นสั่นไหวได้ไม่เบา แม้จะไม่ค่อยเข้าใจตรรกะความคิดของบางตัวละครนัก แต่สิ่งหนึ่งที่พบว่าหนังทำได้ดี ก็คือเสียงดนตรีประกอบที่ชวนลุ้นระทึกตาม
ในด้านของนักแสดง เต๋อ ฉันทวิชช์ เขาเลือกสลัดคราบคอมเมดี้ หลังจากผ่านไป 17 ปี กลับมารับบทในหนังสยองขวัญ เป็นมือปราบหนุ่มหัวหน้าครอบครัวผู้เลือดร้อน เป็นตำรวจที่ฆ่าคนมามากมาย ไม่แน่ใจว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่า สภาพจิตใจของเขาจึงดูบิดเบี้ยวอย่างประหลาด ยิ่งเข้าป่าอาถรรพ์ไปเจอปีศาจบายากะที่หวังจะปราบ แต่กลับได้พบว่าตนกำลังชักชวนปีศาจเข้าร่างตนเอง ฉากของปากปีศาจบนร่างที่พูดคุยกับแดนนั้นน่าสนใจดี น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ไม่ได้หยิบมันมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม
ณิชา ณัฎฐณิชา กลายเป็นดอกไม้หนึ่งเดียวในหนังจิตๆ เรื่องนี้ วิคือภรรยาที่พยายามลากดึงจิตและความคิดของสามีให้กลับมาโฟกัสที่ครอบครัว และหยุดเช่นฆ่าผู้คน เธอดูน่าสงสาร น่าเอาใจช่วยที่สุดแล้วในเรื่อง
สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นปัญหาก็คือ การเล่าปูพื้นยังไงให้คนดูรู้สึกเข้าถึงจิตใจของตัวละคร ทำยังไงให้คนดูรู้สึกว่าอยากจะเอาใจช่วย เพราะหนังยังทำได้ไม่มากพอที่คนดูจะรู้สึกเป็นเพื่อนของสารวัตรแดนหรือแม้กระทั่งวิ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเล่าพื้นหลังของตัวละคร ตั๊บ ตาไฟ มากพอ เพราะโผล่มา เราก็ได้รู้แล้วว่า เขาอยู่ในคุกแถมยังจิตคลุ้มคลั่งบูชาผี งานนี้ จึงคล้ายมุ่งเน้นขายไอเดียของการออกแบบสถานการณ์และตัวละครอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้กำกับเสียมากกว่า
ระหว่างดูหนัง คนดูจะรู้สึกเหมือนกำลังจะสติแตกตามสารวัตรแดน ทั้งยังสับสนว่าอะไรจริง อะไรคือภาพหลอน ซึ่งจะทำให้เราเดาไม่ออกว่า ตกลงเรื่องจะจบลงอย่างไร บางช่วงก็เล่นเอาเราเหวอไปเลย ซึ่งถือว่าตรงนี้หนังทำได้เข้าเป้าอยู่ กลายเป็นหนังแนว Psychological Thriller และ Psychological Horror ที่ปั่นประสาทคนดูได้ดี ดูเรื่องนี้แล้วทำให้ได้คิดว่า มันไม่ใช่ป่าหรอก แต่ตัวละครและคนดูต่างหากที่จิตหลุด
โดยรวมแล้ว มันเป็นหนังสยองขวัญที่มีทิศทางแตกต่างออกไป อาจผิดแผกจากที่เคยได้รับจากหนังสยองขวัญไทย แต่ไม่ว่ายังไง มันก็ยังเป็นอะไรที่อยากให้ลองไปสัมผัสกันดูครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | ฮาลาบาลา ป่าจิตหลุด / Halabala |
กำกับ | เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ |
เขียนบท | เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ |
แสดงนำ | เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, ณิชา ณัฎฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์, อานนท์ ฉายแสงจันทร์, ยะสะกะ ไชยสร |
แนว/ประเภท | สยองขวัญ, ลึกลับ, ระทึกขวัญ |
เรท | – |
ความยาว | 110 นาที |
ปี | 2025 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 3 เมษายน 2025 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | BrandThink Cinema, M Studio |
คะแนนหนัง ฮาลาบาลา ป่าจิตหลุด
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 7.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 7.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
7.5
Halabala
เรื่องราวของสารวัตรหนุ่มฉายาแดนร้อยศพที่ต้องกู้ชื่อด้วยการปราบมหาโจรในป่าลึกที่มีตำนานปีศาจร้ายเรื่องนี้ หนังที่เล่าโดยนักเขียนการ์ตูนที่อยู่เบื้องหลังหนังสยองขวัญพันธุ์ไทยหลายต่อหลายเรื่อง หยิบเอาป่าลึกสุดแดนใต้มาขีดเขียนถึงตำนานเผ่ากินคนที่สาปสูญ ให้กลายเป็นหนังสยองขวิญเชิงจิตวิทยาที่อาจดูแตกต่างไปจากหนังไทยที่คุ้นเคย แม้ว่าการปูพื้นตัวละครอาจไม่มากพอจะทำคนดูรู้สึกเอาใจช่วยได้ แต่นักแสดงหลักต่างก็ทำหน้าที่ของตนได้อย่างดี โดยเฉพาะเต๋อที่สลัดภาพคอมเมดี้มาเล่นบทที่จิตๆ ได้ขนาดนี้