รีวิวหนัง Midnight Sun กลางคืนตลอดกาล กลางใจตลอดไป | คิกคักและมีน้ำตา

การเป็นโรคร้าย ไม่ได้ปิดกั้นพรสวรรค์ใดๆ ของคุณเลย หากคุณไม่ปิดกั้นตัวเอง พล็อตหนังที่สุดซึ้งกินใจที่เคยชื่นชอบในวันเก่ายามได้ดูเวอร์ชันญี่ปุ่น ยังคงอยู่ในใจมาถึงตอนนี้ และเมื่อ ‘Midnight Sun‘ ถูกนำมารีเมกเป็นเวอร์ชันเกาหลีใต้ และได้ชื่อไทยว่า ‘กลางคืนตลอดกาล กลางใจตลอดไป’ มันจึงยังคงถูกคาดหวังจากคนอย่างผมอย่างแน่นอน และนี่คือสิ่งที่ผมจะพูดถึงหนังเวอร์ชันนี้…ในวันนี้

คิดเห็นเช่นไรกับหนังเกาหลีรีเมกญี่ปุ่นเรื่องนี้?

เรื่องราวความรักของหญิงสาวที่เป็นโรคแพ้แสงแดด กับพ่อหนุ่มรถผลไม้ ที่ถูกบอกเล่าในสไตล์รอมคอมเกาหลีพาผู้ชมหัวเราะกันคิกคักอย่างอารมณ์ดีในครึ่งแรก ก่อนพาผู้ชมน้ำตาคลออินไปกับชะตากรรมแสนดราม่าในครึ่งหลัง เป็นหนังที่เราล่วงรู้ตอนจบอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็อดจะเศร้าไม่ได้ แม้จะยังไม่สมบูรณ์ในหลายส่วน

แต่ก็ถือว่าหนังยังไม่ทิ้งหัวใจของมัน นั่นคือ เพลงเพราะมากทุกเพลง

เรื่องย่อหนัง ‘Midnight Sun’ เวอร์ชันเกาหลีใต้

อีมีซอล (จองจีโซ จากหนังเรื่อ ‘Parasite ชนชั้นปรสิต’ และซีรีส์ ‘The Glory’) เธอเป็นเด็กสาวที่มีโรคประจำตัวไม่มีทางรักษา อาการของเธอคือแพ้แสงแดดอย่างรุนแรง เธอจึงต้องใช้ชีวิตกลางวันอยู่แต่ในห้องที่มีแผ่นกรองแสงและจะออกมาได้ก็แต่เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น แต่เธอมีความสามารถทั้งในด้านการร้อง เล่นกีตาร์ และแต่งเพลง ที่โลกไม่เคยได้รับรู้

ด้วยความชอบในตัวของ มินจุน (ชาฮักยอน จากซีรีส์ ‘Castaway Diva’ และ ‘Bad and Crazy’) หนุ่มพ่อค้าผลไม้ที่มักจะขับรถแวะเวียนมาในทุกวัน เขาพาเธอออกมาจากโลกเล็กๆ ของตัวเอง สร้างความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางลมหนาวของค่ำคืน กลายเป็นความรักที่อบอุ่น…และสวยงาม

รีวิวหนัง ‘กลางคืนตลอดกาล กลางใจตลอดไป’

ดั้งเดิมเลย มันเป็นหนังญี่ปุ่นชื่อเดียวกัน ‘Midnight Sun 24 ชม. ขอรักเธอทุกวัน’ ที่ถูกสร้างในปี 2006 และนำเข้ามาฉายในประเทศไทยปี 2007 และเคยถูกรีเมกเป็นหนังอเมริกาในปี 2018 และนี่คือการถูกรีเมกอีกครั้งในสไตล์รอมคอมผสมดราม่ากลิ่นอายแบบเกาหลีใต้ และมีชื่อไทยว่า ‘กลางคืนตลอดกาล กลางใจตลอดไป’

เวอร์ชันเก่านั่นมันก็นานมากแล้ว จากคาโอรุ (ที่เล่นโดย Yui) ในวันนั้น กลายเป็นมีซอลในวันนี้ เธอยังคงเป็นหญิงสาววัยยี่สิบที่ต้องเฝ้ามองโลกกลางวันผ่านแผ่นกรองยูวีในห้องนอนของตนเองเช่นเดิม และเธอก็ยังมีเพื่อนสนิทคอยแวะเวียนมาคุยเล่นอยู่ไม่ขาด ชายหนุ่มที่มีซอลชื่นชอบเป็นหนุ่มรถผลไม้ มินจุน ผู้มีบุคลิกอบอุ่นใจดี และเมื่อเธอได้แรงยุจากเพื่อนสนิท เธอจึงกล้าออกมาเจอเขาแต่ไม่กล้าบอกความจริงเกี่ยวกับโรคของตัวเอง

เวอร์ชันเกาหลีของหนังดวงอาทิตย์ยามค่ำคืนเรื่องนี้ เริ่มต้นด้วยฟีลคอมเมดี้ มีโบ๊ะบ๊ะตามประสารอมคอมเกาหลี พาคนดูหัวเราะคิกคักไปกับความน่ารักของสาวที่ต้องแสงแดดไม่ได้ แต่แอบหลงรักพ่อหนุ่มผลไม้เข้าจับใจ การมีเพื่อนสนิทที่ดีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจพาตัวออกไปพบเขา ถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้ ชีวิตเธอคงยังอยู่ในที่ที่เดิม ที่เธอเก็บซ่อนตัวเองไว้

มีซอล เป็นคนมีความสามารถ เธอทั้งฝึกเล่นกีตาร์และใช้มันแต่งเพลงเพราะๆ ไว้มากมาย แต่ไม่เคยเอามันไปให้ใครฟัง ความจริง เธอมีโชคดีหลายอย่าง มีเพื่อนดี พ่อแม่ที่รักและเข้าใจ แถมยังจิ้มโดนคนที่ใจดีอีกต่างหาก ทว่า แม้จะรู้ความชอบของตนเอง แต่ก็ยอมให้ความเจ็บป่วยมาขวางกั้นความสุขที่ได้เฉิดฉายแสดงความสามารถ โลกไม่อาจรู้จักเพลงอันแสนไพเราะจากฝีมือการเขียน แต่ง เล่น และขับร้องของเธอได้

ดูเหมือนตัวหนังจะปรับเปลี่ยนเรื่องราวให้เข้ากับยุคสมัย เลยหยิบแง่มุมหลายอย่างเข้ามานำเสนอ วางบทให้พูดถึงการถูกตัดสินจากคนภายนอก การใช้ช่องทางแสดงออกบนโลกโซเชียลมีเดีย ที่พาทั้งเรื่องดีและเข้ามาในชีวิต ที่สำคัญ เธอได้รับกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมจากทั้งครอบครัว เพื่อน และคนรัก พาให้เธอนำเพลงเพราะออกไปให้โลกค้นพบ

กับหนังที่เรารู้ตอนจบอยู่แล้ว อาจไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น สิ่งที่จะสัมผัสและสนใจจึงเป็นความรู้สึกระหว่างทาง ไม่ว่าจะกับการเลือกนักแสดงมาเล่นนะ ซึ่งก็พบว่า สองตัวนำนั้นเคมียังไม่เข้ากันมากนัก ทั้งเสน่ห์ของพวกเขายังไม่มากพอ ขัดใจนิดหน่อยกับคอสตูมโดยเฉพาะกับนางเอกของเรื่อง ขณะที่มุมกล้องก็ยังดูเฉยๆ แต่ก็มีบางช็อตที่ถ่ายออกมาได้สวยงาม

ครึ่งแรกพาคนดูอารมณ์กับลีลารอมคอมเกาหลีกันไปแล้ว ก็มาถึงครึ่งหลังที่เสียงหัวเราะหายไป กลายเป็นภาพของคนดูที่นั่งปาดน้ำตากันป้อยๆ ไปกับเรื่องราว ไดอะล็อก การตัดต่อและดนตรีประกอบ

นอกเหนือจากการได้ฟังเสียงใสๆ ของ จองจีโซ แล้ว ก็ยังเป็นอีกโอกาสที่จะได้ฟังเพลงจากผลงาน อีชานฮยอก แห่งวง AKMU ที่เข้ามารับหน้าที่ Music Director เป็นครั้งแรก และเป็นคนเขียนและแต่งทำนองเพลงประกอบหลักของภาพยนตร์ทั้งหมด อย่างน้อยหนังเวอร์ชันนี้ก็ไม่ลืมที่จะมุ่งเน้นสิ่งที่เป็นของสำคัญสำหรับหนังเรื่องนี้

ถือว่า ‘มิดไนท์ซัน’ เวอร์ชันเกาหลีก็ทำได้ไม่เลวเลย เพียงแค่ยังไม่อาจเทียบเคียงกับหนังเวอร์ชันดั้งเดิมไปได้ก็เท่านั้นเอง

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง