แม้ว่าภาคแรกจะไปได้ไม่สวยงามนักในอเมริกา ทว่าหนังทำเงินในจีนไปได้สูง และเมื่อมีภาคสอง เรื่องราวจึงหันไปตั้งหลักที่จีน แถมยกขบวนดาราเอเชียมาเต็มเรื่อง แต่ก็ยังเหลือบางตัวที่ต้องใช้เพื่อเชื่อมโยงกับภาคต้นกำเนิดอยู่ ‘Pacific Rim Uprising’ หรือ ‘แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก’
ภาคนี้เปลี่ยนมือผู้กำกับเป็นคนใหม่ Steven S. DeKnight ผู้สร้างชื่อจากการให้กำเนิดซีรีส์ตระกูล ‘Spartacus’ และ ‘Daredevil’ ได้พระเอกคนใหม่ผู้โด่งดังจากสงครามจักรวาล รับบทคู่กับเด็กสาวคนสวยหน้าใหม่ที่เพิ่งสร้างชื่อ
นี่คือเรื่องราวภาคต่อของสงครามหุ่นยักษ์กับเหล่าสัตว์ประหลาดไคจู
เรื่องย่อหนัง ‘Pacific Rim Uprising’
สืบเนื่องจากสิบปีก่อน ที่มนุษย์โลกต้องผจญกับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ถูกเรียกว่าไคจูผู้ขึ้นมาจากรอยแยกใต้แปซิฟิก พวกเขารวมพลังกันสร้างโครงการเยเกอร์ พัฒนาหุ่นยักษ์ที่ต้องใช้คนมากกว่าหนึ่งเพื่อร่วมกันบังคับและต่อกรกับไคจูทั้งหลาย จนในที่สุดก็ปิดรอยแยกนั้นไว้ได้
แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าในวันหนึ่ง พวกมันกลับมาได้อีกครั้ง
ทายาทของฮีโร่ที่โลกสูญเสียไป อย่าง เจค เพนเทคอสต์ (John Boyega) กลับเข้าสู่โครงการอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ เช่นเดียวกับการได้พบกับเด็กสาวหน้าใหม่ที่ใช้ชีวิตจากการขโมยและสร้างหุ่นแถมยังบังคับได้ อย่าง อมาร่า นามานี่ (Cailee Spaeny)
มีองค์กรบริษัทยักษ์ใหญ่บางกลุ่มได้ร่วมอยู่ในซีนนี้ด้วย เธอคือ หลี่เหวิน เชา (Tian Jing)
นอกเหนือจากสองดารานำคนใหม่ ก็ยังร่วมด้วยอีกหลายคนจากหลากหลายชาติพันธุ์ นำโดยเรนเจอร์อย่าง เนท แลมเบิร์ต (Scott Eastwood) และแน่นอนว่า ไม่ทิ้งคนเก่าๆ ในภาคแรกอย่าง มาโกะ (Rinko Kikuchi), ดร.เฮอร์แมน (Burn Gorman) และ ดร.นิวตัน (Charlie Day)
รีวิวหนัง ‘Pacific Rim Uprising’
หลังภาคแรกถือกำเนิดในปี 2013 อีกห้าปีถัดมา หนังก็มีภาคต่อในปี 2018 เหล่าเยเกอร์ที่ผลัดใบสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ ในวันที่ไคจูห่างหายจากการเหยียบย่ำโลกไปพักใหญ่ๆ ผู้เขียนบทสร้างโลกในช่วงเวลาถัดมาให้กลายเป็นดินแดนที่ยังมีมนุษย์อาศัยอยู่ แต่บางส่วนกลายเป็นที่ห้ามล่วงล้ำ บางทีไม่มีกฏหมายไม่มีคนดูแล
แต่การพัฒนาหุ่นเยเกอร์กลับยังมีอยู่ต่อไป
ปรับหุ่นให้เพรียวขึ้น เคลื่อนไหวฉับไวขึ้น
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับตัวหุ่นยักษ์ของเหล่าเยเกอร์ ก็คือหุ่นหน้าใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นมาทดแทนตัวเก่าๆ ที่เปลี่ยนทรวดทรงไปจากเดิม ลดความบึกบึนเทอะทะ ไปเป็นมีความเพรียวมากขึ้น สอดรับกับฉากแอ็กชั่นต่อสู้ที่หนักหน่วงและเคลื่อนไหวไวขึ้น
คนสร้างอาจมองถึงตลาดที่แตกต่างจากเดิม ทีมงานอยากได้ฉากแอ็กชั่นระดับวินาศสันตะโร ปรับเพิ่มให้หุ่นเดินทางมาถึงสมรภูมิได้ด้วยไอพ่นแทนที่จะใช้คอปเตอร์ขนมาแบบเดิม
ไคจูเอง นอกจากขนาดจะใหญ่ขึ้น ก็เคลื่อนไหวได้รวดเร็วขึ้นเช่นกัน
ซึ่งถ้ามองในมุมว่า ฉากการต่อสู้สนุกขึ้นไหม มันก็ให้ความรู้สึกอีกแบบนะ ‘แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก’ อาจจะดูบู๊มันขึ้น แต่ภาคแรกก็ให้ความรู้สึกมันแบบหนักและหน่วงๆ
เรียกได้ว่ามันเป็นคนละแบบ ว่างั้นเถอะ
ทว่าพล็อตไม่โดนใจ แถมยังสร้างอารมณ์อินไม่ได้
ภาคนี้นั้น ตัวละครบางตัวที่ก็สำคัญไม่น้อย แถมน่าจะไปต่อกับเรื่องได้ ก็เหมือนจะทำลืมๆ ไป ใช้ตัวละครที่เกี่ยวเนื่องเป็นลูกเป็นหลานของตัวละครเดิมมารับช่วงต่อ และทำให้ตัวละครเก่าบางตัวกลายเป็นอีกคนที่คนดูอย่างผมไม่อยากจะเชื่อตาม เกิดเป็นความต่อต้านขึ้นมาเล็กๆ
หนังมีความไม่สมส่วน เน้นฉากบู๊มันแอ็กชั่น และไม่ใคร่จะเน้นตรรกะน่าเชื่อถือมากนัก ให้เวลากับฉากการต่อสู้สุดมันเสียเป็นส่วนใหญ่ ใส่มุกที่โปรจีนเข้ามาจนทำให้หนังดูผิดหูผิดตาไปมาก
ขณะที่ชุดสูทของเหล่าเรนเจอร์ผู้บังคับหุ่น ก็ดูไม่สวยงามแข็งแกร่งเท่าภาคแรก อันนี้อาจเป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวอะนะ
หนังไม่มีแง่มุมที่ชวนรู้สึกมีอารมณ์กับตัวละคร ไม่มีช็อตดราม่า ไม่มีแง่มุมเบื้องหลัง ทุกอย่างที่ใส่เข้ามาเพื่อทำให้หนังพุ่งไปข้างหน้า ไปสู่ฉากแอ็กชั่นที่จัดมาเต็มตลอดทั้งเรื่อง
ฉากแอ็กชั่นก็ดูคล้ายหนังอุลตร้าแมนตัวยักษ์สู้กับสัตว์ประหลาด ทำบ้านเมืองพังวินาศสันตะโรอย่างสนุกมือ แถมยังเลือกโลเกชั่นที่ไม่ใช่เมืองจีนอีกต่างหาก
ดาราเอเชียล้นจอ แต่สาวๆ แจ่มทุกนาง…
ความที่ตลาดจีนช่วยโอบอุ้มหนังภาคแรกเอาไว้ ทำให้ภาคนี้ หนังดูจะเน้นเส้นทางเอเชียมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแกนของกลุ่มเยเกอร์มาตั้งฐานอยู่ฝั่งจีน ดารานักแสดงก็ใช้ชายหญิงชาวจีนและญี่ปุ่น นัยว่าเพื่อจับตลาดเอเชียกันโดยเฉพาะ
ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจมีผลให้พล็อตหนังดูใกล้เคียงหนังจีนมากกว่าปกติ
นักแสดงที่มากหน้าหลายตา บางคนก็ปรากฏบนจอเพียงไม่กี่วินาที แม้รู้มาก่อนว่าเล่นก็อาจไม่เห็นว่าคนไหน แต่ดาราที่โดดเด่นและมีซีนมากที่สุด เห็นจะเป็น จิงเทียน (Tian Jing) ขณะที่นางเอกคนใหม่ยังดูเป็นเด็กสาว เธอสวยและน่ารักมากทีเดียว น่าสนใจว่า เรื่องหน้า Cailee Spaeny จะมีหนังเข้าโรงไทยอีกไหม
ความดีของหนังอยู่ที่ฉากแอ็กชั่นที่สร้างความบันเทิงอย่างล้วนๆ ให้กับผู้ชม ซึ่งถ้าเข้ามาเพราะสนใจฉากพวกนี้ ถือว่าคุณจะได้ไปเต็มอิ่ม ยิ่งรับชมผ่านจอยักษ์อย่าง IMAX จะทำให้เห็นทั้งหุ่นตัวโต กับไคจูระดับมหึมา กับระบบเสียงที่กระหึ่ม ภาพ 3 มิติที่ให้มิติที่ดี แต่จะไม่ค่อยเล่นกับคนดูสักเท่าไหร่ แถมทิ้งเชื้อให้ติดตามต่อในภาคหน้าอีกต่างหาก
ถ้าต้องการอรรถรสพวกนี้ ก็น่าจะชอบมันได้ไม่ยากครับ
ชื่อภาพยนตร์: Pacific Rim Uprising / แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Steven S. DeKnight
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Steven S. DeKnight, Emily Carmichael, Kira Snyder, T.S. Nowlin
นักแสดงนำ: John Boyega, Scott Eastwood, Cailee Spaeny, Burn Gorman, Burn Gorman, Charlie Day, Rinko Kikuchi, Lily Ji, Mackenyu, Tian Jing
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ความยาว: 111 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ปี: 2018
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 22 มีนาคม 2018
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Double Dare You (DDY), Double Negative, Legendary Entertainment, Perfect World Pictures (Beijing), Twisted Media, Universal Pictures
แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก
Pacific Rim Uprising - 7
7
Pacific Rim Uprising
Pacific Rim Uprising หรือ แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก เปลี่ยนจากภาคแรกไปมากพอควร หนังหันเหสู่ตลาดจีนอย่างเต็มตัว มีดาราเอเชียล้นเรื่อง ขณะที่ฐานของเหล่าเยเกอร์ก็ตั้งอยู่ที่จีน มีออสเตรเลียและญี่ปุ่นเป็นฉากสำคัญ หนังเน้นแอ็กชั่นความวินาศสันตะโรเป็นเมนูหลัก และลืมความสนุกแบบล้ำลึกของภาคแรกไป