หนังบางเรื่องถูกจัดหมวดหมู่ในอยู่ในแนว History ชื่อหมวดนี้อาจชวนผู้คนสับสนอยู่บ้าง เพราะอาจคิดว่ามันต้องเป็นหนังที่เล่าเรื่องย้อนยุคไปไกล ทั้งที่จริง มันก็เพียงเล่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้ หนังอย่าง ‘She Said’ หรือชื่อไทย ‘เสียงเงียบของเธอ’ คือหนังที่เล่าเรื่องของนักข่าวนิวยอร์กไทม์ที่ออกมาเปิดโปงความชั่วร้ายของผู้ชายคนหนึ่งต่อผู้หญิงอีกหลายคน ก่อนที่มันจะกลายเป็นกระแสโด่งดังและแปรเปลี่ยนสังคมโลกไปมากมาย
นี่คือหนึ่งในหนังแนวนักข่าวที่เราไม่ค่อยได้เห็นได้เสพกันมากมายนัก อาจจะเพราะหน้าหนังมันดูหนักอึ้งเกินไปจนคนไม่ค่อยอยากรับตั้งแต่แรกเห็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็ถือเป็นหมุดไมล์ที่ดีที่โลกควรจะมีหนังสักเรื่องที่หยิบเรื่องนี้มาเล่า และนี่คือผลงานการกำกับของ Maria Schrader ผู้เคยคว้า 1 รางวัล Primetime Emmy จากลิมิเต็ดซีรีส์ ‘Unorthodox’ เมื่อปี 2020 ด้วยฝีมือการเขียนบทของ Rebecca Lenkiewicz ที่เคยมีผลงานอย่าง ‘Ida’ หนัง 1 ออสการ์เมื่อปี 2013
เมื่อหญิงประสานมือกับหญิงจะสร้างหนังที่เล่าเรื่องเพื่อเพศหญิงออกมาได้กลมกล่อมทรงพลังอย่างไร ต้องลองมาดูกัน
เรื่องย่อหนัง ‘She Said’
“ฉันเคยถูกทำให้เงียบ ฉันต้องการเสียงคืนมา” มันเป็นเรื่องราวของผู้หญิงสองคนที่มองเห็นการคุกคามทางเพศในสังคมมากมายที่ผู้ชายบางคนกระทำต่อบรรดาผู้หญิง แต่ที่ผ่านมา เสียงของพวกเธอเหล่านั้นไม่เคยดังให้ผู้คนในสังคมได้รับรู้ จนทำให้ Jodi Kantor (โซอี้ คาซาน/Zoe Kazan จากหนัง ‘The Plot Against America’ และ ‘The Big Sick’) และ Megan Twohey (แครี มัลลิแกน/Carey Mulligan จากหนัง ‘Promising Young Woman’ และ ‘An Education’) สองนักข่าวแห่งนิวยอร์กไทม์ต้องลุกขึ้นมาเปิดโปงเรื่องนี้เสียที
สองคนต่างร่วมมือกัน เพื่อตีแผ่หนึ่งเรื่องราวที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ เรื่องราวที่สั่นคลอนสิ่งที่เคยถูกเก็บเงียบมานานหลายทศวรรษเกี่ยวกับประเด็นการถูกคุกคามทางเพศในฮอลลีวู้ด และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมอเมริกัน ซึ่งถูกสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน
รีวิวหนัง ‘เสียงเงียบของเธอ’
กับบทหนังที่หยิบจับมาจากข้อมูลการหาข่าวของสองนักข่าวหญิง เมแกน ทูฮีย์ และโจอี้ แคนเตอร์ แห่ง New York Times ที่ร่วมกันขุดคุ้ยเปิดโปงความจริงของการคุกคามทางเพศของ ฮาร์วี ไวน์สตีน ชายผู้ทรงอิทธิพลในวงการหนัง หนึ่งในเจ้าพ่อแห่งฮอลลีวู้ด ที่ใช้อำนาจหน้าที่ข่มเห่งและล่วงละเมิดบรรดาสาวๆ ในบริษัทและดารานักแสดง
เราอาจเพียงรู้ว่า เกิดการตีแผ่เรื่องอื้อฉาวขึ้นและมันได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในหลายส่วนของโลก มุมมองที่มีต่อสิทธิสตรี กระแส #MeToo ที่ทำให้การกระทำต่อพวกเธอได้รับการปรับเปลี่ยน แต่กระบวนในระหว่างนั้น พวกเราอาจยังไม่เคยได้รับรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังนั้นผ่านพ้นไปหมดทุกอย่างแล้ว เขาเพียงหยิบลำดับขั้นของเหตุการณ์ต่างๆ มาร้อยเรียงและเล่าให้เราได้รับรู้กันนั่นเอง
หนังบอกเล่าช่วงเวลาของความยากลำบากในการจะเปิดปากผู้หญิงที่เคยถูกกระทำแม้เพียงสักคน เพราะพวกเธอกลัวจนไม่กล้าจะแสดงตัว ไม่กล้าจะถูกเปิดเผยชื่อที่อาจทำให้ตัวเธอและคนใกล้ชิดต้องเดือดร้อนไม่รู้จบ ทำให้สองนักข่าวต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตามหาแหล่งข่าวให้ได้มากที่สุด ด้วยหวังว่าจะมีสักคนที่ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นได้
มันจึงพาเราไปพบกับวิธีการหาข้อมูล การซอกซอนหาแหล่งอ้างอิงความถูกต้อง และการตะล่อมเอาข้อมูลจากแหล่งข่าว ทั้งยังเล่าไปถึงชีวิตส่วนตัวในบ้านของพวกเธอ ด้วยหวังว่าจะทำให้คนดูพร้อมเอาใจช่วยให้เปิดโปงได้สำเร็จ
สิ่งที่นักข่าวทั้งสองพยายายามอยู่ คือการเรียกร้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับบรรดาผู้หญิงที่ถูกกระทำ ซ้ำยังถูกบังคับให้เงียบ ริบเอาเสียงของพวกเธอไป เสาะหาหนทางที่จะคืนเสียงเหล่านั้นแก่พวกเธอ ให้โลกได้มองเห็นสิ่งที่ผู้ชายหลายคนกระทำย่ำยีต่อบรรดาผู้หญิง และนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง
หนังทำให้เห็นว่ามันเป็นงานข่าวที่ต้องใช้การสืบสวน บอกเล่าทั้งตัวนักข่าวเอง และเหล่าบรรณาธิการที่ร่วมกันตามล่าหาความจริงอย่างไม่ลดละ พวกเขามองว่า หากตีแผ่เรื่องนี้ออกมาได้ย่อมเป็นการประตูให้กับผู้หญิงอีกมากมายที่ยังคงถูกล่วงละเมิดให้ได้พื้นที่หายใจ เปิดโอกาสให้เกิดการวิพากย์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง จนระบบที่เคยเอื้อประโยชน์ให้ชายผู้กระทำการเหล่านั้นต้องถูกสั่นคลอนและเปลี่ยนแปลง
แต่น่าเสียดายอยู่บ้าง ที่หนังค่อนข้างเล่าเรื่องอย่างเยิ่นเย้อ ค่อยๆ ปูพื้นอยู่พักหนึ่งกว่าจะเข้าเรื่อง ทั้งพยายามใส่แง่มุมชีวิตส่วนตัวที่ก็ช่วยได้บ้าง แต่ก็ทำให้เรื่องราวมันเดินช้าและแวะข้างทางอยู่บ่อยๆ อีกส่วนหนึ่ง ก็คือ หนังเล่าเรื่องของตัวละครอันมากมายที่บางครั้งก็มาปรากฏตัวเพียงน้อยนิด จนบางทีก็ตามไม่ทันว่าคือใคร หลายช็อตจึงทำได้เพียงตามเรื่องแบบคร่าวๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้ ก็คือ การเล่าเรื่องที่ใช้ภาพประกอบช่วงผู้ถูกกระทำบอกเล่าเหตุการณ์ หรือช่วงเปิดเทปการสนทนา
แต่กระนั้น หนังก็ทำสำเร็จในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความใจสู้ไม่ยอมย่อท้อของทีมนักข่าว การเดินเรื่องที่ชวนรู้สึกอึดอัดเพราะการเดินทางของพวกเธอเต็มไปด้วยอุปสรรค หนังทำให้เห็นความชั่วร้ายของระบบที่ทำให้ชายบางคนรู้สึกหยิ่งผยอง แต่หนังก็บอกกับเราบางคนเขาก็แค่ไม่รู้ เมื่อได้รู้แล้วเขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน
ด้านการแสดง ทั้งโซอี้ คาซาน และแครี มัลลิแกน ต่างก็ทำหน้าที่ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะที่เหล่านักแสดงที่รับบทเหยื่อทั้งหลาย เรารู้สึกได้ถึงความอัดอั้นและความเจ็บปวดที่พวกเธอได้รับ จนต้องสะเทือนใจตามไปด้วยเลยแหละครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | She Said / เสียงเงียบของเธอ |
กำกับ | Maria Schrader |
เขียนบท | Rebecca Lenkiewicz |
แสดงนำ | Carey Mulligan, Zoe Kazan, Patricia Clarkson, Andre Braugher, Jennifer Ehle, Angela Yeoh |
แนว/ประเภท | ดราม่า, ประวัติศาสตร์ |
เรท | R |
ความยาว | 128 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 1 ธันวาคม 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Universal Pictures, Annapurna Pictures, Plan B Entertainment, United International Pictures (UIP) |
เสียงเงียบของเธอ
พล็อตและบท - 7.3
การแสดง - 8
การดำเนินเรื่อง - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 7
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7
7.3
She Said
หนังที่เรียบเรียงจากข่าวสืบสวนรางวัลพูลิตเชอร์ของนิวยอร์กไทม์ส เรื่องราวของสองนักข่าวสาวที่สืบสวนเรื่องของฮาร์วี ไวน์สตีน ที่กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิงมากหน้า แต่ต้องประสบกับอุปสรรคเมื่อไม่มีใครกล้าจะเปิดหน้าออกมาบอกเล่าความจริง หนังไล่เรียงเหตุการณ์อย่างละเอียดแถมใส่ชีวิตส่วนตัวของตัวละครเข้าไปบ่อยครั้งเสียจนบางทีก็ทำให้หนังเดินช้าเกินจำเป็น แต่กระนั้น ด้วยการแสดง ด้วยงานเล่าเรื่อง และจบได้ดี ก็ทำให้หนังออกมาทรงพลังได้มากเหมือนกัน