รีวิวหนัง The Watchers | ระทึกขวัญ ถูกมันเฝ้าดูอยู่ในป่า เดบิวต์อีชาน่า

โลกได้รู้จักกับผลงานของผู้พ่ออย่าง M. Night Shyamalan ที่สร้างหนังมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน 20 ปี จนได้รู้จักกับสไตล์หนังระทึกขวัญในแนวทางของเขา มาวันนี้ Ishana Shyamalan ลูกสาวของเขาก็เจริญรอยตามพ่อ เขียนบทและกำกับหนังเรื่องแรกที่มีชื่อว่า ‘The Watchers’ หรือชื่อไทย ‘เดอะ วอทเชอร์ส’ ที่หยิบแรงบันดาลมาจากหนังสือที่เล่าเรื่องสิ่งลึกลับในป่า

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

เรื่องราวของหญิงสาวที่หลงทางกลางป่าและพบบ้านที่กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย แต่ก็กลายเป็นคุกเรียลลิตี้ที่มีบางสิ่งลึกลับในความมือจ้องทองพวกเขาอยู่ ชอบในไอเดียการหยิบตำนานบางอย่างมาหลอมเล่าให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน มีจุดเล็กจุดน้อยที่ทำให้รู้ว่าผ่านกระบวนการคิดมาพอตัว จึงถือเป็นงานกำกับครั้งแรกของ อีชานา ไนท์ ชามาลาน ที่ทำได้ไม่เลวเลย

แต่ขณะที่หนังสร้างบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจให้เกิดขึ้นได้ยาวๆ แต่หนังก็ยังถูกคาดเดาได้ง่ายไปนิด และบางจังหวะก็ยังดูไม่เฉียบคมนัก ซึ่งคงพัฒนาขึ้นตามประสบการณ์ในผลงานถัดๆ ไป

เรื่องย่อหนัง ‘The Watchers’

มันเป็นเรื่องราวของ มิน่า (ดาโกต้า แฟนนิ่ง จากหนัง ‘Once Upon a Time… in Hollywood’) หญิงสาวอารมณ์ศิลป์วัย 28 ปี ผู้มีความสามารถในการวาดภาพ แต่เธอมีบาดแผลในใจเกี่ยวกับการตายของแม่ เธอได้รับมอบหมายให้นำนกแก้วตัวหนึ่งไปส่งยังพื้นที่ป่าแถบไอร์แลนด์ตะวันตก แต่หลังจากขับรถตัวคนเดียวผ่านป่าทึบ รถเกิดเสีย และเธอก็พบว่าตัวเองหลงอยู่กลางป่าในเวลาที่ตะวันลับ เสียงเรียกหนึ่งเร่งเร้าให้เธอรีบวิ่งเข้าไปภายในบ้านหลังหนึ่ง ก่อนจะพบกับสมาชิกในบ้านหลังนี้

แมดเดลีน (โอลเวน ฟูเล่ จากหนัง ‘The Northman’) หญิงสูงวัยที่เป็นนักประวัติศาสตร์, เคียร่า (จอร์จิน่า แคมป์เบลล์ จากหนัง ‘Barbarian’) หญิงสาวผิวดำ และแดเนียล (โอลิเวอร์ ฟินนิแกน จากซีรีส์ ‘We Are Lady Parts’) ชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม

มันเป็นบ้านที่แปลกประหลาด มีกระจกบานใหญ่ที่พวกเขาไม่อาจมองเห็นข้างนอก ขณะที่พวกมันมองเห็นพวกเขาทั้งหมด การอยู่ในคุกกระจกหลังนี้ มิน่าต้องทำตามกฎที่แมดเดลีนบอกเอาไว้ หากฝ่าฝืนกฎ พวกเขาทั้งหมดจะต้องตกอยู่ในอันตราย มิน่าจะรอดชีวิตกลับออกไปได้มั้ยล่ะ

รีวิวหนัง ‘เดอะ วอทเชอร์ส’

จากนวนิยายผลงานการเขียนของ เอ เอ็ม ไซน์ สู่บทภาพยนตร์โดย อีชานา ไนท์ ชามาลาน ควบกำกับ ทั้งยังมีคุณพ่อ เอ็ม ไนท์ ชามาลาน นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์บวกป๋าดัน พอจะการันตีได้ประมาณหนึ่งว่า ผลงานเดบิวต์ของอีชาน่า น่าจะออกมาในทางที่ดี แถมก็ยังเป็นแนวหนังที่ใกล้เคียงกันกับผู้เป็นพ่อ หนังแนวๆ ระทึกขวัญปนลึกลับของสถานการณ์ประหลาดๆ บางอย่าง

หนังเล่าเรื่องราวของป่าผืนใหญ่ในแถบไอร์แลนด์ตะวันตกที่มีสิ่งลึกลับรอมนุษย์สิ้นหวังที่เข้าไปเยือน กับนางเอกที่มีเหตุให้ต้องไปอยู่ที่นั่น เธอไม่ได้สิ้นหวัง ไม่คิดจะไปหลงทางอยู่ข้างในนั้น แต่เธอนำบาดแผลในใจติดตามตัวไปด้วย

พล็อตมันดูน่าสนใจดี ที่จับเอาตัวละครกลุ่มหนึ่งไปหาทางเอาตัวรอด เผชิญหน้ากับความกลัวจากบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า พวกมันจะใช้เวลาตอนค่ำคืนออกมาเฝ้าดูพฤติกรรมมนุษย์ในคุกกระจก ราวกับเป็นรายการทีวีเรียลลิตี้แนวเซอร์ไววัล แต่เปลี่ยนคนดูจากมนุษย์กลายเป็นสิ่งลึกลับในป่า แถมบทยังติดตลกตรงที่มนุษย์ในคุกนั่นมีไฟใช้และก็เปิดดูรายการเรียลลิตี้เก่าแก่ดูอยู่เช่นกัน

ในคุกกระจกหลังนั้น มีแค่นางเอกคนเดียวที่มีสัตว์เลี้ยงมาด้วย เป็นนกแก้วสีเหลืองที่ชอบพูดติดตลก “อย่าตายนะ” และก็มีกฎอยู่ 3-4 ข้อที่ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด พวกเขาสามารถจะออกไปข้างนอกได้ก็เฉพาะในเวลากลางวันที่มีแสงอาทิตย์ และต้องกลับเข้าบ้านให้ทันเวลาก่อนที่แสงของวันจะหมดลง ต้องมายืนหน้ากระดาน หันหน้าเข้าหากระจก ให้บรรดาวอทเชอร์ได้เฝ้าดูพฤติกรรม

หนังพยายามเลี้ยงบรรยากาศความน่ากลัวของสิ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ใช้ความมืด และเสียงดนตรี เป็นองค์ประกอบในการสร้างสิ่งเหล่านั้น และเลี้ยงมันไปตลอดทาง ค่อยๆ เปิดเผยถึงความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความลึกลับนั้น ว่ามันคืออะไร และพวกเขาจะเอาตัวรอดออกไปด้วยวิธีใด พร้อมทั้งชักชวนให้ดูคิดเดาไปต่างๆ นานา ว่าสุดท้ายแล้วหนังมันจะเฉลยได้ตรงกับที่คาดไว้หรือไม่

จังหวะหนังที่เป็นผลงานเดบิวต์ของ อีชานา ถือว่าเข้าที คนดูไม่อาจไว้วางใจสิ่งใด พร้อมลุ้นระทึกไปกับเรียลลิตี้ปั่นประสาท ของตัวละครทั้งสี่ที่บุคลิกแตกต่าง แม้จังหวะช่วงสุดท้ายจะยังไม่เฉียบคม แต่ก็พอเรียกได้ว่ามีของ

Taglines: They are watching

เอาเข้าจริง มันก็ไม่ใช่หนังที่คาดเดาได้ยากนักหรอก ยิ่งดูไป พร้อมๆ กับการสังเกตและคิดตามซึ่งหนังมันก็เรียกร้องให้คนดูทำอย่างนั้น เหมือนพล็อตประมาณนี้ ก็จะมีตอนจบอยู่ไม่กี่แบบ แต่นั่นแหละ คนดูจะล่วงรู้ในตอนจบเองว่า สิ่งที่คาดเดาเอาไว้มันตรงกับที่หนังเฉลยหรือเปล่านั่นเอง

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง