สัปดาห์นี้ เพิ่งจะได้ฤกษ์เริ่มดูหนังในโรงก็วันนี้นั่นแหละ แล้วก็เริ่มกันเลยที่หนังโหด เท่าที่ดูมันเป็นทั้งหนัง Thriller, Sci-Fi และ Horror เอาเข้าจริง หนังมันก็ Thriller ดีๆ นี่แหละ ‘The Purge’ หนังสยองขวัญทุนต่ำระดับ 3 ล้านเหรียญแต่สร้างปรากฏการณ์ขึ้นอันดับ 1 ในบ็อกซ์ออฟฟิศสัปดาห์แรกที่เข้าฉาย ผลงานจากผู้กำกับนาม James DeMonaco มือเขียนบท ‘The Negotiator’ โดยผู้สร้าง ‘Paranormal Activity’ และ ‘Sinister’
เมื่ออเมริกาในอนาคตเริ่มไม่น่าอยู่อาศัยเพราะอาชญากรรมล้นเมือง คุกต่างๆ ก็เนืองแน่นไม่พอให้ใช้ขังนักโทษ การคิดใหม่ทำใหม่จึงเกิดขึ้นโดยผู้นำใจกล้า เลือกให้ทุกวันเป็นวันปลอดจากอาชญากรรม และมีเพียง 12 ชั่วโมงใน 1 ปีเท่านั้นที่อาชญากรรมต่างๆ จะเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ไม่มีตำรวจ ไม่มีนักดับเพลิง ไม่มีแพทย์พยาบาล ที่จะทำงานในช่วงนั้น มันดูแปลกประหลาดแต่ในหนังเรื่องนี้นั้น เขาบอกว่ามันได้ผล
เขาบอกว่า หลังประกาศใช้มาหลายปี อาชญากรรมลดลงมาก เหมือนเขาจะบอกว่ามันได้ผล แต่ว่ามันต้องแลกมากับอะไรล่ะ?
เจมส์ แซนดิน (Ethan Hawke) ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าของครอบครัวที่มี 1 เมีย 1 ลูกสาวคนโต 1 ลูกชายคนเล็ก เขาคือคนที่ทำเงินจากการขายอุปกรณ์ติดตั้งเพื่อขังตัวเองในบ้านให้ปลอดภัยจากคืนอำมหิต บ้านเกือบทุกหลังในละแวกนั้นต่างก็ใช้ระบบที่เขาบอกว่าปลอดภัยสูงสุดของนายคนนี้ และเมื่อวันๆ นั้นมาถึง เขาคือคนที่ขับรถช่วยตรวจตราบ้านทุกหลัง ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ได้เวลาของ 12 ชั่วโมงอันแสนอำมหิต เขาเริ่มระบบกักขังตัวเองในบ้านหลังนั้น….
และก็เช่นเดียวกับหนังเรื่องอื่นๆ เรามักถูกตอกย้ำอยู่เสมอว่า เราเป็นสัตว์ที่ชอบความรุนแรง ยิ่งเมื่อเราถูกกดเอาสิ่งเหล่านี้เก็บไว้และเหลือเพียงคืนเดียวให้ปลดปล่อย ความเหี้ยมโหดและความแค้นจะถูกปลดปล่อยอย่างรุนแรง ใครที่ไม่มีปัญญาป้องกันตนเองก็ต้องกลายเป็นศพ สังเวยให้กับสิ่งที่เรียกอย่างสวยหรูว่า “การล้างบาป”
เหตุการณ์ที่จุดชนวนให้เกิดเรื่องขึ้น ลูกชายเลือกที่จะเปิดประตูให้ชายผิวดำที่ถูกตามฆ่าเข้ามาซ่อนตัวในบ้าน (แต่มันไม่ได้แค่นั้นหรอก) แล้วกลุ่มที่ตามล่าชายคนนั้นก็มาทักทายที่หน้าประตู ให้ส่ง “ของๆ พวกเขา” กลับคืน มิฉะนั้น จะไม่ละเว้นพวกเขาเช่นกัน
คืนที่ควรจะผ่านไปอีกปี ก็กลับกลายเป็นคืนที่น่าตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
หนังส่งอารมณ์ในด้านระทึกออกมาได้กำลังพอดี พล็อตเรื่องนับว่าแปลกแหวกแนวน่าสนใจ ความมืดนั้นช่วยแน่ในเรื่องของการลุ้นกับสิ่งที่มองไม่เห็น เรื่องราวอาจจะเดาได้บ้างไม่ได้บ้าง การถ่ายทำผสานกับดนตรีประกอบนับว่าทำได้ดี เพียงแค่เรื่องราวที่มาที่ไปและการตัดสินใจของตัวละครดูเหมือนจะไม่ค่อยทำให้เชื่อสักเท่าไหร่นัก แถมยังสร้างความรำคาญให้กับคนดูเสียอีกด้วย เพราะมันจะขัดกับสิ่งที่คนดูคิดเข้าอย่างจังเลยทีเดียว
แต่เหมือนหนังพยายามตั้งคำถามกับพวกเราคนดูอยู่เหมือนกัน เป็นคำถามที่ดีทีเดียว มันอยู่ในไม่กี่นาทีของหนัง และก็เป็นไม่กี่นาทีที่ดีที่สุดของมัน
‘The Purge’ น่าสนใจตรงที่มีพล็อตเรื่องที่แปลกไม่เหมือนใคร ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวแบบใหม่ๆ จากหนังสยองขวัญบ้าง หากแต่มันก็มาพร้อมกับความตะขิดตะขวงบางประการในนั้น งงกับเหตุผลของมาตรการ “ล้างบาป” ในรูปแบบใหม่ที่ดูยังมีช่องโหว่อยู่พอสมควร อาจมีไม่กี่ฉากที่เรารู้สึกได้ว่าสะใจหรือดำเนินเรื่องได้เข้าท่า ดูหนังจบแล้วเชื่อว่า คุณจะต้องกลายเป็นคนที่เหี้ยมโหดขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ลองเข้าไปดูแล้วออกมาตอบคำถามกับตัวเองซิว่า จริงๆ แล้วเราอยากให้ใครตายเสียมากกว่า
ได้ข่าวว่าจะสร้างภาคต่อด้วยนะเธอ!
ชื่อภาพยนตร์ : The Purge / คืนอำมหิต
ผู้กำกับภาพยนตร์ : James DeMonaco
ผู้เขี่ยนบทภาพยนตร์ : James DeMonaco
นักแสดงนำ : Ethan Hawke, Lena Headey, Max Burkholder, Adelaide Kane, Rhys Wakefield
แนว/ประเภท : Horror, Sci-Fi, Thriller
เรท: ไทย/ , USA/R
ความยาว: 85 นาที
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Blumhouse Productions, Platinum Dunes, Universal International Pictures
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 15 สิงหาคม 2556
คืนอำมหิต
The Purge - 5.1
5.1
The Purge
น่าสนใจตรงที่มีพล็อตเรื่องที่แปลกไม่เหมือนใคร ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวแบบใหม่ๆ จากหนังสยองขวัญบ้าง หากแต่มันก็มาพร้อมกับความตะขิดตะขวงบางประการในนั้น งงกับเหตุผลของมาตรการ "ล้างบาป" ในรูปแบบใหม่ที่ดูยังมีช่องโหว่อยู่พอสมควร อาจมีไม่กี่ฉากที่เรารู้สึกได้ว่าสะใจหรือดำเนินเรื่องได้เข้าท่า ดูหนังจบแล้วเชื่อว่า คุณจะต้องกลายเป็นคนที่เหี้ยมโหดขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ลองเข้าไปดูแล้วออกมาตอบคำถามกับตัวเองซิว่า จริงๆ แล้วเราอยากให้ใครตายเสียมากกว่า
2 คอมเมนต์