รีวิวซีรีส์ Tempest | ผู้ท้าชิง ปธน. รักกับบอดี้การ์ดที่สงสัยว่าจะเป็นสายลับ

โดยปกติ ผมจะไม่ค่อยถูกจริตกับซีรีส์แนวการเมืองมากเท่าใดนัก เพราะเรื่องราวมันค่อนข้างซับซ้อนต้องคิดตามตลอดเวลา แต่กับเรื่องนี้ ที่ไม่ถึงกับซับซ้อนมากนัก แถมยังแบ่งครึ่งให้กับฉากแอ็คชันและความลุ้นระทึก จึงได้พบว่า การดู ‘Tempest’ ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงสักเท่าไหร่ แถมยังมีแค่ 9 ตอนก็เลยตัดสินใจได้ไม่ยากเย็น

คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์แอคชันทริลเลอร์การเมืองเรื่องนี้?

แม้จะรู้สึกว่า เรื่องการเมืองดูซับซ้อนไม่มากในทีแรก เพราะบทค่อนข้างใส่ความสัมพันธ์แสนโรแมติกระหว่างคู่พระนางเข้ามาบ่อยครั้ง บวกกับมีฉากแอคชันชวนตื่นเต้นพาให้ตามเรื่องได้ง่าย แต่เอาเข้าจริง ก็มีความซับซ้อนอยู่หลายจุด การตามเรื่องที่มาสัปดาห์ละตอน 2 ตอน ก็อาจมีบางรายละเอียดที่หลุดไปบ้าง ทำให้ต้องดูซ้ำ ต้องให้เวลากับมันเพิ่มขึ้นเหมือนกันแฮะ

แต่ใด ๆ ชอบดนตรีประกอบ ทำออกมาได้เพราะทุกเพลง เข้าและส่งเสริมบรรยากาศของเรื่องในช่วงนั้นเป็นอย่างดี

ซีรีส์ ‘Tempest’ เล่าถึงเรื่องอะไร

ซอมุนจู (จอนจีฮยอน จากซีรีส์ ‘Jirisan’) ท่านทูตยูเอ็นที่เพิ่งลาออก เธอเป็นภรรยาของ สส. จางจุนอิก (พัคแฮจุน จากหนัง ‘Emergency Declaration’) ตัวเต็งชิงประธานธิบดีจากพรรคฝ่ายค้าน ผู้มีความคิดในการรวมชาติท่ามกลางเสียงต่อต้านของมวลชน แต่กลับถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าพรรครีพับลีกันใหม่ต้องหาแคนดิเดตใหม่ และจางจุนซัง (โอจองเซ จากซีรีส์ ‘When Life Gives You Tangerines’) อดีตอัยการและน้องชายของจุนอิกต้องการลงสมัครแทน

แต่กลับปรากฏว่า หลังทนายอ่านพินัยกรรม กลายเป็นท่านทูตซอที่ได้รับมรดกไปทั้งหมด…ซะอย่างนั้น

เหตุการณ์ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปในทันที เมื่อมุนจูได้รับรู้ว่าคาบสมุทรแห่งนี้กำลังเสี่ยงจะเผชิญหน้ากับสงคราม เกาหลีเหนือมีเรือดำน้ำที่บรรจุอาวุธนิวเคลียร์พร้อมรบอยู่กลางทะเล และสหรัฐอาจเปิดฉากทำลายอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่ ทั้งอดีตสามีของเธอยังโดนสงสัยว่าจะเป็นสายลับ เพราะความอยากรู้ว่าสามีตายเพราะอะไรกันแน่ ทั้งหมดรวมกันทำให้เธอเปลี่ยนใจขอลงสมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ

มุนจูจึงทำข้อตกลงกับแม่สามีให้เธอหนุนหลังพาเธอเข้าแย่งชิงตำแหน่ง เพื่อแลกกับบ้านและทรัพย์สินที่เธอจะแบ่งให้ โดยที่มุนจูก็ไม่ทันระวังตัวว่าจะเกิดอันตรายร้ายแรงกับตนเอง

ขณะที่ แพคซานโฮ (คังดงวอน จากหนัง ‘Peninsula’) สายลับที่ถูกองค์กรวาคีรีว่าจ้างให้เป็นบอดการ์ดลับ ๆ คอยคุ้มครองเธอ ทั้ง ๆ ที่สถานะของเขาก็ชวนสงสัยว่าแท้จริงแล้ว เขาเป็นฝ่ายใดหรือมีจุดประสงค์อะไรกันแน่

รีวิวซีรีส์ ‘Tempest’

ทีแรกก็คิดว่ามันเป็นซีรีส์แนวการเมืองที่ไม่การเมืองจ๋ามาก เอาเข้าจริง ก็มีอะไรให้ต้องคิดตามพอตัว เริ่มเรื่องมา ต้องใช้เวลาปูอยู่สักหน่อย เลยเป็นเหตุผลให้เขาลงมารวดเดียว 3 ตอนในล็อตแรกนั่นเอง

เป็นซีรีส์ที่รวมนักแสดงมีชื่อมากมาย

หลังจากเปิดดูซีรีส์เรื่องนี้มาได้สักพักหนึ่ง ก็เริ่มรู้สึกได้ว่า นอกจากจะมีตัวละครสำคัญที่ได้นักแสดงระดับแม่เหล็กมาร่วมงานแล้ว ก็ยังมีอีกหลายตัวที่สมควรถูกพูดถึงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แชคยองซิน (คิมแฮซุก จากซีรีส์ ‘Gyeongseong Creature’ ทั้งสองซีซัน) ที่เล่นเป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันผู้ต้องการหยุดยั้งภัยสงครามเช่นเดียวกับนางเอก แต่อาจไม่ใช่วิธีที่นักการทูตผู้ซื่อสัตย์ต้องการ และเมื่อยุนจูตัดสินใจจะลงท้าชิงตำแหน่ง ก็เหมือนกลายเป็นคู่แข่งกันไปโดยปริยาย

คนต่อมาก็คือ ท่าน ผอ.ยูอุนฮัก (ยูแจมยอง จากซีรีส์ ‘Song of the Bandits’) ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ คนที่ ปธน.คยองซิน มักพูดคุยปรึกษาอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ก็ยังมี แอนเดอร์สัน มิลเลอร์ (จอห์น โช จากหนังเรื่อง ‘Searching’) ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ, พัคชางฮี (จูจงฮยอก จากซีรีส์ ‘Confidence Queen’) หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย คนนี้อยู่ในทีมของซอมุนจู

อ้อ แล้วก็ยังมีตัวละคร ยอมีจี (อีซังฮี จากซีรีส์ ‘Our Movie’) เธอเป็นผู้ช่วยของมุนจูที่อยู่ข้างกายเธอมาโดยตลอด จะเห็นว่า มีนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีอยู่เยอะทีเดียว

เรื่องการเมืองมันซับซ้อน แต่เรื่องความสัมพันธ์มันเข้าใจง่ายมาก

แม้ในความเป็นจริง ซอมุนจูอาจไม่ได้แต่งงานด้วยความรัก แต่เมื่อเขามาตายไป เธอก็ยังอยากรู้ว่าเขาตายเพราะอะไร ตอนนี้ เธอเหมือนกลายเป็นตัวคนเดียว เพราะครอบครัวอดีตสามีก็ไม่ได้รักใคร่เธอ แถมยังเคยสูญเสียลูกไป ไม่เท่านั้น อดีตสามีดันเขียนพินัยกรรมยกทุกอย่างให้ตัวเองอีก จะไม่ให้โดนเขม่นได้อย่างไร

อาจเพราะต้องหารรู้สาเหตุการตาย ทำให้เธอเลือกจะลงสมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แถมวางข้อตกลงที่แม่ผัวปฏิเสธไม่ได้ แคมเปญการสร้างความนิยมเพื่อจะเป็นตัวเลือกที่ผู้คนสนใจจึงเริ่มต้นขึ้น ในระหว่างนั้น เราก็จะได้เห็นเบื้องหลังด้านแย่ ๆ ของการเมือง อย่างการขุดคุ้ยอดีตที่เลวร้ายเพื่อทำลายโอกาสและอนาคตทางการเมืองของอีกฝ่าย และเพื่อกรุยทางให้ใครบางคนก้าวขึ้นเป็นตำนาน ด้วยบุคลิกของการเป็นนักการฑูตมาก่อน ย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดโน้มน้าวใจสาธารณชน

แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความสุ่มเสี่ยงและความไม่ปลอดภัย เพราะครั้งนี้ เธอไปแตะเรื่องการรวมชาติกับเกาหลีเหนือ ทั้งมีข่าวลือว่าเกาหลีเหนือมีเรือดำน้ำขนาดใหญ่ของตนเอง บรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ที่พร้อมถล่มได้ทุกเมื่อ

ซอมุนจูผู้พยายามขัดขวางสงครามจึงจำเป็นต้องว่าจ้างบอดี้การ์ด ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร แพคซานโฮ อดีตนักฆ่าข้ามชาติที่ไม่น่าไว้วางใจ เขาเกิดในเกาหลีเหนือก็จริง แต่ก็แปรพักตร์ในเวลาต่อมา เขาเข้าหาเธอได้อย่างถูกที่ถูกเวลาจนน่าตกใจ ความสามารถก็ถือว่าสูงจนน่าทึ่ง แถมบทซีรีส์ก็ดูจงใจให้ซานโฮต้องใกล้ชิดกับมุนจูอยู่เสียเหลือเกิน เรียกได้ว่า คนดูต่างได้ฟินกันทุกตอนเลยแหละครับผม

อดีตของเขาและสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบันนี่แหละ ที่ทำให้มุนจูผู้หวั่นไหวต่อบอดี้การ์ดของตนเอง รู้สึกสงสัยในจุดหมายของเขาอยู่เช่นกัน

บอดี้การ์ดสุดหล่อของซอมุนจูทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตรวจสอบห้องที่เข้าไปพักอย่างละเอียดรอบคอบ ทำอาหารให้ทานได้ สระผมก็ทำให้ได้ แค่ดูแลความปลอดภัยไม่พอ ยังเย็บแผลให้ สอนยิงปืน แทบจะนอนในห้องเดียวกันอีกต่างหาก อะไรก็ได้ที่จะทำให้บอดี้การ์ดและเธอได้ใกล้ชิดกันมากถึงมากที่สุด อะไรที่ทำให้คนดูอยากได้ผู้ชายคนนี้ บทเขียนมาให้ทั้งหมดแล้ว

ซึ่งนั้นก็ทำให้ ชางฮีหัวหน้ารักษาความปลอดภัยกลายเป็นคนขัดแย้งกับซานโฮ เหตุเพราะเขารับมือได้ไม่รัดกุมพอ ขณะที่ซานโฮดูท่าจะล่วงรู้ไปซะทุกอย่างจนทีมรักษาความปลอดภัยของชางฮีดูอ่อนด้อยไปเลย

ท่ามกลางความหวานของคู่นำ บทเต็มไปด้วยปริศนาน่าสงสัย

ตัวแปรที่สำคัญในสมการนี้ ถ้าจะไม่พูดถึงการเมืองระหว่างประเทศและสงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ ก็เห็นจะเป็น อ๊กซอน (อีมีซุก จากซีรีส์ ‘Family: The Unbreakable Bond’) คุณแม่ของ สส. จางจุนอิก

ทีแรก เธอก็เข้ามาเป็นส่วนสนับสนุนซอมุนจูในการดำเนินกลยุทธ์เพื่อดึงมวลชนให้มาอยู่เคียงข้าง กรูทางสู่การเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่ง แต่ใครจะรู้ คุณแม่อยู่เบื้องหลังหลายสิ่งที่ถูกปิดบังเอาไว้ แล้วค่อยเอามาเปิดเผยทีหลัง

นอกจากนี้ บทยังพาเราไปรู้จักกับ คังฮันนา (วอนจีอา จากซีรีส์ ‘Squid Game 2’) ภรรยาอีกคนของอดีต สส.จางจุนอิก ที่มีลูกชายอายุ 9 ขวบด้วยกัน เธอเกี่ยวยังไงในสมการนี้ แต่เธอสวยดีนะ!

เรื่องราวอาจพลิกไปพลิกมา ไม่ใช่มุนจูที่สงสัยในตัวอดีตสามีและบอดี้การ์ดของตนเอง คนดูเองก็เช่นกัน โดยเฉพาะกับบอดี้การ์ดคนเก่ง เขาเป็นใคร มีจุดประสงค์ใดกันแน่จึงเข้ามาหา คนดูเองก็คงสงสัยเหมือนที่ ผอ.ยูตั้งคำถาม “การทำให้เธอตกหลุมรักก็เป็นแผนด้วยหรือเปล่า?”

อีกสิ่งที่โดดเด่นสะดุดหูที่สุด ก็คือ ดนตรีประกอบ บางช่วงดุดันชวนใจเต้นระทึก บางช่วง ใช้เสียงเครื่องสายนุ่มนวลเนิบนาบบ่งบอกความรู้สึกหวั่นไหว ไม่รู้ว่ามีใครชอบเหมือนกันมั้ย แต่เราชอบอะ!

ใด ๆ คือซีรีส์ขายเคมีสุดหวานระหว่างคู่พระนางเต็มที่ ส่งเสริมหาช่วงเวลาให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันตลอดมา ซึ่งก็คงต้องบอกเลยว่า แม้กาลเวลาจะล่วงผ่านมาจนถึงวันนี้ แต่ จอนจีฮยอน ยังคงสวยและมีเสน่ห์เหมือนเคย

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์