ในบางวัน เราจะได้พบกับหนังที่มีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง งานแบบนั้นมันต้องประกอบขึ้นด้วยคนเก่งๆ ในแต่ละด้านที่มาผสานความสามารถเข้าด้วยกัน ทั้งด้านงานเขียนบท การกำกับนักแสดง การออกแบบศิลป์ การถ่ายทำ การตัดต่อและรวมเข้ากับซาวด์ดนตรีที่ประกอบ ถ้าทีมงานทั้งหมดล้วนเก่งและประสมเข้ากันดี ผลงานจึงออกมาสมบูรณ์และเป็นที่จดจำ วันหนึ่ง เราเคยได้พบพานงานเหล่านั้นจากเขา และวันนี้ เราได้พบเจอเขาอีกครั้งใน ‘Decision to Leave’ หรือในชื่อไทยว่า ‘ฆาตกรรมรักหลังเขา’
การคัมแบ็กครั้งที่สมศักดิ์ศรีที่สุดของ ถังเหว่ย หลังแจ้งเกิดใน ‘Lust, Caution’ เมื่อปี 2007 ครั้งนี้ เธอได้โคจรมาพบกับนักแสดงชายเจ้าบทบาทอย่าง พัคแฮอิล ที่ผ่านงานจากฝีมือผู้กำกับชั้นนำของเกาหลีมาหลายเรื่อง กับภาพยนตร์ที่ร่วมเขียนบทและกำกับโดย พัคชานอุค คนที่หลายคนรู้จักผลงานของเขาเป็นอย่างดี
กับเรื่องราวที่อื้อฉาวผิดศีลธรรมของนักสืบกับผู้ต้องสงสัย!
เรื่องย่อหนัง ‘Decision to Leave’
มันคือเรื่องราวของ แฮจุน (Park Hae It/พัคแฮอิล จากหนังเรื่อง ‘Memories of Murder’ และ ‘A Muse’) นักสืบผู้เป็นสารวัตรที่หนุ่มที่สุด เขาต้องทำงานสืบสวนเพื่อสืบหาฆาตกรของเหตุฆาตกรรมและปิดคดี แต่หลายๆ คดีที่เขาสืบก็ดูเหมือนยากจะปิดลง แถมยังมีคดีใหม่เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ อย่างเช่นวันหนึ่ง ที่เขาพบว่าเหตุการตายของชายวัยหกสิบผู้หนึ่ง เขาตกของหน้าผาสูงชัน เสียชีวิตเพราะกระโหลกศีรษะแตก ซึ่งนั่นก็นำพาให้เขาได้พบกับผู้ต้องสงสัยที่เป็นภรรยาสาวชาวจีนของผู้ตาย
เธอคือ ซอแร (Tang Wei/ถังเหว่ย จากหนังเรื่อง ‘Lust, Caution’, ‘Blackhat’ และ ‘Finding Mr. Right’) ผู้กลายเป็นภรรยาสาวม่าย เธอเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าสามีและเก็บงำความลับอันดำมืดเอาไว้ภายใต้ใบหน้าและจริตอันแพรวพราวและเปี่ยมเสน่ห์
ในระหว่างที่สืบไปสืบมา นักสืบหนุ่มแฮจุนก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์รัก เขาตกหลุมรักซอแรเข้าเต็มเปา ตำรวจนักสืบอย่างเขาตอนนี้ต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ต้องสงสัย…ซะอย่างนั้น
รีวิวหนัง ‘ฆาตกรรมรัก หลังเขา’
หนังฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลหนังคานส์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แถมได้รับประทับตรา Official Selection เป็น ที่ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการจากเทศกาล ผลงานจากผู้กำกับ พัคชานอุค ที่เคยมอบความอึ้ง ทึ่ง เหวอให้กับผู้ชมในผลงานไตรภาคมหากาพย์แห่งการล้างเเค้น ‘The Vengeance Trilogy’ อันประกอบไปด้วย ‘Sympathy for Mr. Vengeance’ (2002), ‘Oldboy’ (2003) และ ‘Lady Vengeance’ (2005) ไม่เท่านั้น เขายังเคยกำกับ ‘The Handmaiden’ ที่ลือลั่นมาแล้วด้วยเช่นกัน
ครั้งนี้ เขาจะเล่าเรื่องราวแนวๆ ‘มารยาหญิงหนึ่งพันเล่มเกวียน’ ให้ผู้ชมได้เสพความลับอันดำมืด ที่ผสมเอาไว้ทั้งเรื่องเสน่หา ฆาตกรรม ความลุ่มหลง และเรื่องผิดศีลธรรม กันอีกครั้ง
พระ-นาง ต่างก็สวมบทบาทกันได้ยอดเยี่ยม
ถังเหว่ยในหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มาในรูปลักษณ์ที่สวยงามด้วยเครื่องสำอางเท่าไหร่นัก บุคลิกของซอแรในหนังแลดูโทรมๆ แต่ก็ไม่อาจบดบังเสน่ห์และความสวยของเธอเอาไว้ได้ รอยยิ้มและจริตของเธอทำให้ผู้ชายอย่างนักสืบหนุ่มหลงไหลจนถอนหัวไม่ขึ้น เขาติดตามสอดแนมจนล่วงรู้กิจวัตรของเธอทุกย่างก้าว ขณะที่เธอเองก็รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่ามีเขาที่ซุ่มดูเธออยู่ที่ไหนสักแห่ง
ส่วนพัคแฮอิลก็กลายร่างเป็นตำรวจนักสืบที่เหมือนจะเก่งกาจ แต่พอเจอนางเอกเข้าก็อ่อนระทวย ยอมทุกอย่าง กระทั่งตามไปสอดแนมทั้งที่บ้านที่ทำงาน เรียกให้ไปหาก็ไป จนคนดูนึกสงสัยอยู่ในใจว่าเขาคือนักสืบหรือทาสกันแน่
งานภาพ งานตัดต่อ สุดเฉียบคม
ผมชมชอบในมุมมองภาพ การจัดแสง การใส่ซาวด์ประกอบ การตัดต่อที่ต่อเนื่องและเชื่อมโยงสองสามสิ่งให้อยู่ในเนื้อเดียวกันได้อย่างเหลือเชื่อ เขาหยิบเอาช็อตเล็กช็อตน้อยของสองอย่างที่อยู่ต่างบริบทมาเรียงต่อกันได้อย่างน่าทึ่ง และใช้ภาษาภาพในการเล่าเรื่องได้โคตรเก่ง บางทีก็จับตัวละครมาอยู่ร่วมซีนกันทั้งๆ ที่พวกเขาอยู่กันคนละที่หรืออาจแค่คุยโทรศัพท์กัน เท่านั้นไม่พอ เขายังเลือกจะเล่าแบบปั่นหัวคนดู พาพวกเขานั่งสงสัยกันไปว่า ตกลงแล้วซอแรฆ่าสามีตัวเองจริงๆ หรือไม่กันแน่ นอกจากปั่นหัวคนดู แล้วยังเต็มไปด้วยอารมณ์ขันแบบตลกร้าย
บางทีก็นั่งคิด วลีที่ว่า ‘ยิ่งตกหลุมรัก ยิ่งตกหลุมพราง’ ไม่รู้เป็นนักสืบหรือคนดูกันแน่ที่ตกหลุมพรางของนางเอก
ดูเผินๆ อาจจะคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะดูยาก เอาจริงๆ มันเป็นหนังที่เข้าใจง่าย แค่เดินเรื่องแบบปั่นหัวคนดูเท่านั้นเอง ซึ่งแต่ละช็อตแต่ละฉาก จำเป็นอย่างที่ต้องใช้สมาธิกับมัน ถ้าพลาดไปเพียงนิดเดียวก็อาจตกหล่นใจความสำคัญไปได้
ความลุ่มหลงที่มาพร้อมการผิดศีลธรรมและความไร้สติยั้งคิด
เอาจริงๆ การเป็นตำรวจที่มีหน้าที่ในการสืบหาข้อมูลและความจริง เพื่อตามจับผู้ร้าย-ฆาตกรมาดำเนินคดี แต่ถ้าวันหนึ่ง ผู้มีหน้าที่นั้นดันไปหลงรักผู้ต้องสงสัยซะเอง ทำให้เขาเลือกจะบิดเบือนความจริง ทำคดีอย่างไม่ตรงไปตรงมา ทั้งยังเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมเพราะตัวเองก็มาภรรยาอยู่แล้ว (แม้จะเบื่อหน้ากันแล้วก็ตาม) หนังเลยใส่แง่มุมการประชดประชันเข้าไปในไดอะล็อกของตำรวจเพื่อนร่วมงานอย่างซูวาน (Ko Gyung Pyo/โกกยองพโย จากซีรีส์ ‘Reply 1988’ และ ‘D.P. ‘) คล้ายเป็นตอกหน้าเจ้าหน้าที่ผู้ควรรับผิดชอบต่อสังคมอย่างตรงไปตรงมา
ระหว่างหนังดำเนินเรื่องไป ก็จะมีบางส่วนที่แทรกใส่เรื่องราวพื้นหลังของกองกำลังปลดปล่อยเกาหลี ความหลังครั้งเก่าที่มีจีนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตรงนี้ถ้าใครรู้ประวัติศาสตร์หน่อยก็อาจจะเข้าใจเรื่องได้อย่างซึมลึกมากขึ้น ถ้าใครที่ไม่ได้ติดตามอาจเพ่งความสนใจไปที่การสืบหาสาเหตุคนฆ่าและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครก็ได้นะครับ
อันที่จริง คงไม่มีใครชอบใจนักเมื่อได้เจอกับพล็อตที่สองตัวละครเล่นบทชู้ผู้นอกใจคู่ครองของตน หลายคนอาจต้องข่มใจอย่างหนักเมื่อเจอบทแบบนี้ แต่หลายคนก็อาจเข้าใจได้ว่านั่นเป็นบทหนังที่ใส่มิติให้ตัวละครตัวหนึ่งมีจิตใจที่อ่อนไหวต่อเสน่ห์ของตัวละครอีกตัวหนึ่ง
‘ฆาตกรรมรัก หลังเขา’ เดินเรื่องได้น่าสนใจจวบจนถึงตอนท้ายเลยทีเดียว อาจรู้สึกสะเทือนใจเล็กๆ และเมื่อหนังจบ ก็อาจรู้สึกได้ว่า สมควรแล้วที่เกาหลีจะเลือกส่งหนังเรื่องเป็นตัวแทนในการเข้าชิงรางวัลออสการ์
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Decision to Leave / ฆาตกรรมรักหลังเขา / 헤어질 결심 |
กำกับ | Park Chan Wook |
เขียนบท | Park Chan Wook, Jeong Seo Kyeong |
แสดงนำ | Tang Wei, Park Hae Il, Go Kyung Pyo, Lee Jung Hyun |
แนว/ประเภท | Crime, Drama, Mystery, Romance, Thriller |
เรท | |
ความยาว | 138 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | เกาหลีใต้ |
เข้าฉายในไทย | 22 กันยายน 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | CJ Entertainment, Moho Film, M Pictures |
ฆาตกรรมรัก หลังเขา
พล็อตและบท - 8
การแสดง - 8.4
การดำเนินเรื่อง - 8.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.7
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8.7
8.3
Decision to Leave
เป็นหนังที่ดูสนุกแบบโดนปั่นหัว เรื่องราวของตำรวจนักสืบที่ต้องมาตามสืบผู้ต้องสงสัยฆ่าสามี แต่เขาดันไปหลงไหลเธออย่างหัวปักหัวปำจนทำให้คดีเละเทะ เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้สนุกให้คนดูได้เดาและลุ้นว่าแท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นคนฆ่า ชอบใจในมุมมองการถ่ายและการตัดต่อที่เท่ไม่เบาเลย