ก่อนที่จะได้ไปดูหนังภาคใหม่ของ ดาบพิฆาตอสูร อย่าง‘Demon Slayer: to the Hashira Training’ หรือชื่อไทย ‘ดาบพิฆาตอสูร: ปาฏิหาริย์แห่งสายสัมพันธ์ สู่การสั่งสอนของเสาหลัก’ ก็คงต้องย้อนไปดูกันตั้งแต่อะนิเมะซีรีส์ซีซันแรกกันเลย เอาเป็นว่า เรามาปูพื้นและเตรียมตัวไปด้วยกันเนอะ
—– อ่อ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูเลยสักตอน และกลัวว่าจะเจอสปอยล์ ก็ขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนว่า สำหรับคนที่ดูแล้วอยากจะทบทวนเท่านั้นนะ
ภาค คามาโดะ ทันจิโร่ ออกเดินทาง (26 ตอน)
นี่มันคือภาคแรกเริ่มสุดๆ ของ ดาบพิฆาตอสูร เลยแหละ เป็นภาคที่บ่งบอกจุดเริ่มต้นในการเป็นนักล่าอสูรของ คามาโดะ ทันจิโร่ เด็กหนุ่มที่สวมเสื้อลายหมากรุกและแบกน้องสาว เนซึโกะ ไปทั่วคนนั้นนั่นแหละ ที่มาที่ไปคือ ทันจิโร่กลับมาบ้านแล้วพบว่าครอบครัวถูกอสูรฆ่าตายหมด เหลือเพียงเนซึโกะ น้องสาวที่กลายเป็นอสูรไป แต่เธอเป็นอสูรที่ไม่ทำร้ายใคร อดทนอดกลั้นจนถึงที่สุด ทำให้ทันจิโร่มุ่งมั่นพยายามเต็มที่ที่จะทำให้น้องสาวกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
เขาจึงหาทางฝึกฝนตนเองเพื่อที่สักวันจะกลายเป็นนักล่าอสูรให้ได้ เส้นทางการเติบโตของเขานั้น ทำให้ได้เจอกับ ฮาชิบิระ อิโนะสุเกะ หนุ่มห้าวที่สวมหัวหมูป่า และ อากาสึมะ เซ็นอิตสึ หนุ่มผมทองขี้กลัวขี้โวยวาย ที่กลายเป็นเพื่อนร่วมเดินทางและฝึกฝนตลอดทั้งซีซั่น อ้อ นอกจากนี้ก็มี มุราตะ หนุ่มหล่อนิสัยดีที่แว้บๆ เข้ามาบ้างเป็นบางช่วงอีกด้วยนะ
ความเป็นจริงบางอย่างที่เราได้เจอก็คือ อสูรทั้งหลายทั้งหลายดั้งเดิมก็เป็นมนุษย์เหมือนอย่างเราๆ นี่แหละ แต่เมื่อกลายเป็นอสูรไปแล้วก็มีแต่จะกลืนกินชีวิตมนุษย์เป็นอาหาร หลงลืมความเป็นมนุษย์ไปจนหมดสิ้น ทำให้มนุษย์บางคนต้องสูญเสียญาติพี่น้องไปต่อหน้าต่อตา จนหันหน้ามาเป็นนักล่าอสูรแทน
ในระหว่างทาง ทันจิโร่ ได้เรียนรู้จากคนต่างมากมาย อาทิ ซากอนจิ ผู้ที่เคยเป็นอดีตเสาหลัก ฮากาเนะซึกะ คนที่ตีดาบนิจิรินให้ อุโรโกะดากิ ชายที่สวมหน้ากากแดงๆ นั่นก็เช่นกัน แล้วก็ยังได้มาฝึกเรียนรู้ที่ศูนย์ใหญ่ของหน่วยพิฆาตอสูรอีก
เสาหลัก คือ นักล่าอสูรระดับสูง
เมื่อพูดถึงเสาหลัก ชื่อนี้คงจะมองข้ามไปไม่ได้ เพราะถือเป็นจุดหมายสำคัญที่ทันจิโร่อยากจะไปให้ถึง เสาหลักนั้นหมายถึงนักดาบ 9 คนที่มียศสูงสุดในหน่วยพิฆาตอสูร อันได้แก่
- เสาหลักเพลิง เรนโกคุ เคียวจูไร่ ผู้รักความถูกต้อง ความโดดเด่นของเขาคือผมสีเพลิงกับดาบสีแดงฉาน คนที่กินอะไรก็ “อร่อยมาก” มีความสามารถในการใชเปราณเพลิง
- เสาหลักเสียง อุซุย เท็นเก็น ผมสีเงิน ผู้มีอดีตเป็นนินจาที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น พกดาบด้ามแดงสองเล่ม มีความรับผิดชอบอย่างแรงกล้า แต่อีกมุมก็มีความเพี้ยนอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
- เสาหลักความรัก คันโรจิ มิตสึริ หญิงสาวทรงโตผมสีชมพู ดาบคาตานะของเธอมันแปลกมากเพราะมันยาวแต่โค้งงอและยืดหยุ่นมากเลย
- เสาหลักศิลา ฮิเมจิมะ เกียวเม ท่าทางเหมือนนักพรต มาพร้อมกับสร้องลูกปะคำสีแดง
- เสาหลักหมอก โทคิโทว มุอิจิโร่ เจ้าหัวสาหร่าย หนุ่มร่างเล็กนัยน์ตาสีเขียว รุ่นราวคราวเดียวกับทันจิโร่ ทายาทของนักรบยุคเซ็นโกคุ
- เสาหลักแมลง โคโจ ชิโนบุ สาวเสื้อคลุมผีเสื้อกับดวงตาสีม่วง ท่าทางดูใจดีที่สุดในเสาหลักแล้วล่ะมั้ง
- เสาหลักอสรพิษ อิกุโระ โอบาไน เห็นเขาทีไรต้องเห็นงูพิษสีขาวพันรอบคอ แถมมีนัยน์ตาสองสีอีกต่างหาก
- เสาหลักวารี โทมิโอกะ กิยู คนที่แสนเยือกเย็นภายใต้เสื้อคลุมสองลายในตัวเดียวกัน
- เสาหลักวายุ ชินาสึกาวะ ซาเนมิ คนที่มีแผลเป็นไปทั่วร่าง
พวกเขาต่างมารวมตัวเพื่อประชุมที่ศูนย์ใหญ่ของหน่วยพิฆาตอสูร กับนายเหนือหัว คางายะ โอยาคาตะ ผู้มีแผลสีชมพูลามไปครึ่งหน้า เสียงของนั้นเขาฟังดูสูงส่งอย่างน่าประหลาด เขาบอกให้ทันจิโร่หาทางกำจัดสิบสองอสูรจันทราให้ได้ ซึ่งถ้าทำได้ก็หมายความว่าเขาเก่งขึ้นไปอีกขั้นและมีแววที่จะเป็นเสาหลักในอนาคต
ตัวละครสำคัญนอกจากนี้ ก็ยังกล่าวถึงผู้สืบทอดที่หมายถึงนักล่าอสูรที่ผู้มีพรสวรรค์ได้รับเลือกและมีเสาหลักเป็นอาจารย์ให้ ซึ่งในภาคนี้คือ สึยูริ คานาโอะ แล้วก็ยังมี คิบุตสึจิ มุซัน ผู้เป็นต้นเหตุของการเกิดอสูรทั้งมวล เป็นคนที่นายเหนือหัวหมายหัวไว้ด้วยนะครับ
ภาคศึกรถไฟสู่นิรันดร์ (7 ตอน)
ภาคนี้ถูกนำไปตัดให้เป็นเวอร์ชันเดอะมูฟวี่ แต่เมื่อดูใน Netflix มันก็เป็นอะนิเมะซีรีส์ความยาว 7 ตอน เมื่อเกิดเหตุบนรถไฟนิรันดร์ มีมือเชือดสังหารผู้คนหายสาบสูญกันมากมายจนต้องหยุดซ่อมบำรุง ก่อนจะกลับมาให้บริการใหม่อีกครั้ง คราวนี้ เสาหลักเพลิงออกโรงจัดการเอง ร่วมด้วยสามนักล่าอสูรที่ติดตามไป พวกเขาต้องพบเจอกับอสูรที่เล่นงานพวกเขาด้วยการใช้ความฝันเพื่อทำลายแก่นกลางจิตใจ อสูรข้างแรมตนนั้นเป็นส่วนหนึ่งในสิบสองอสูรจันทรา ที่สามารถรวมร่างกับรถไฟทั้งขบวนได้ ทำให้การจะฆ่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
ภาคนี้ เนซึโกะก็ยังเป็นหนึ่งส่วนสำคัญในการสังหารอสูรอยู่เช่นเคย ปรานสัตว์ป่าของอิโนะสุเกะ ปราณวารีของทันจิโร่ ปราณอัสนีของเซนอิตสึ ร่วมกับเรนโกคุ เสาหลักเพลิง ร่วมกันจัดการอสูรตนนั้นได้สำเร็จ
แต่แม้จะร่วมมือกันสังหารอสูรข้างแรมลงไปได้ ก็ยังต้องเจอกับอสูรข้างขึ้นลำดับสามที่ฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วยิ่งยวด มันเป็นอสูรที่หาญกล้าชักชวนเสาหลักเพลิงให้เปลี่ยนมาเป็นอสูรด้วยกัน แต่แล้วก่อนเรนโกคุจะสิ้นลมหายใจ เขาก็ฝากฝังให้ทันจิโร่ไปยังบ้านเพื่อค้นหาคัมภีร์ระบำเทพสุริยัน
ภาคย่านเริงรมย์ (11 ตอน)
ภาคนี้ มีการแนะนำอสูรข้างขึ้นอันดับสามนั้นคือ อาคาสะ และพาทันจิโร่ไปพบกับคัมภีร์ระบำเทพสุริยันที่น่าจะทำให้ทันจิโร่ก้าวหน้าไปอีกขั้น
ทบทวน ดาบพิฆาตอสูร ภาคนี้ นักล่าอสูรทั้งสามอาสาที่จะไปทำภารกิจสังหารอสูรกับ เสาหลักเสียง อุซุย เท็นเก็น ที่ย่านสถานเริงรมย์ กลางวันจะเป็นยามหลับไหล แต่กลางคืนจะเป็นช่วงเวลาที่ส่องประกาย จึงเหมาะมากที่อสูรจะออกอาละวาด หลังเมียทั้งสามของท่านอุซุยหายตัวไป ทำให้ทั้งสามต้องปลอมเป็นหญิงและเข้าไปทำงานในสถานเริงรมย์ต่างที่กัน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ ดาคิ อสูรข้างขึ้นที่มีพลังกลืนร่างมนุษย์ไว้ในแถบผ้าโอบิ ซึ่งแท้จริงแล้วก็ยังมี กิวทาโร่ พี่ชายที่ซ่อนเร้นอยู่ด้วย
ภาคนี้ เราจะได้เห็นพลังที่คล้ายจะซุกซ่อนเอาไว้ของเนซิโกะ เพราะเธอสามารถจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ แถมมีพลังสร้างไฟลบล้างพิษได้ด้วย เป็นอะไรที่เกินความคาดหมายพอสมควรเลย ด้านทันจิโร่รู้จักผสมผสานจนสร้างพลังโจมตีที่รุนแรงขึ้น ขณะที่อสูรตัวร้ายก็ฆ่าให้ตายยากมากด้วยเช่นกัน สี่นักล่าอสูรผสานพลังกันสังหารอสูรพี่น้องสุดแข็งแกร่งได้ในที่สุด โชคยังดีที่คราวไม่ต้องสูญเสียเสาหลักไปแต่ก็อาการร่อแร่เลยทีเดียว
ซีรีส์ดำเนินเรื่องด้วยการสลับกับเหตุการณ์เบื้องหลังในอดีตที่ทำให้เราเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับฉากการต่อสู้ที่สุดมันมากขึ้นกว่าภาคก่อน งานภาพสวยอลังยิ่งกว่าเดิม
ภาคหมู่บ้านช่างตีดาบ (11 ตอน)
ที่จริงแล้ว สองภาคก่อนนั้นรวมกันอยู่ในซีซันที่ 2 และนี่คือซีซันที่ 3 ของ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ ในภาคนี้ มีการแนะนำอสูรไว้หลายตัว อันได้แก่ ข้างขึ้นลำดับที่ห้า เกียกโกะ อสูรในสิบสองอสูรจันทราหน้าตาประหลาดที่ร่างของมันโผล่มาจากไหได้, ข้างขึ้นลำดับที่สี่ ฮังเท็นกู อสูรที่หน้าตาเหมือนหน้ากากยักษ์, ข้างขึ้นลำดับที่สอง โดมะ อสูรสุดหล่อผมขาวเสื้อแดง และข้างขึ้นลำดับที่หนึ่ง โคคุชิโบ เจ้า 6 ตาผู้ใส่เสื้อคลุมสีม่วงลายลูกฟุตบอล
ทันจิโร่ต้องรักษาตัวเองจากอาการบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ในภาคก่อน หลังจากฟื้นฟูเรียบร้อย เขาก็เดินทางไปยังหมู่บ้านช่างตีดาบ เพื่อมาให้ ฮากาเนะสึกะ โฮตารุ ตีดาบให้ใหม่แต่เขาหายไปไหนก็ไม่รู้ แต่การมาที่นี่ก็ทำให้ทันจิโร่ได้เจอกับ เสาหลักความรัก คันโรจิ มิตสึริ อีกทั้ง ทั้งยังเจอกับ ชินาซึกาวะ เก็นยะ น้องชายของ ชินาซึกาวะ ซาเนมิ อีก อ่อ เสาหลักหมอก โทคิโทว มุอิจิโร่ ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ
ทันจิโร่ได้ประมือกับตุ๊กตากล โยริอิจิที่ 0 ที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบนักดาบ จนได้พบกับดาบเก่า ก่อนที่ทั้งเขา เนซึโกะ เก็นยะ เสาหลักความรัก คันโรจิ และเสาหลักหมอก โทคิโทว จะได้ประมือกับอสูรข้างขึ้นลำดับที่สี่ที่แยกร่างได้ (อีกแล้วและสินะ) การเผชิญหน้าของพวกเขาใช้เวลาไปนานหลายตอนมากๆ แต่ก็ทำสำเร็จจนได้ พร้อมๆ กับที่ได้เจอเรื่องเซอร์ไพรส์ เมื่อเนซึโกะที่เจอแสงแดดแต่กลับเอาชนะดวงตะวันได้
เป็นยังไงบ้างครับ บทความที่เล่าเรื่องเพื่อ ทบทวน ดาบพิฆาตอสูร เพื่อเอาไว้สำหรับให้ทุกคนได้เก็บข้อมูลเพื่อเข้าไปดูหนัง ‘Demon Slayer: to the Hashira Training’ ที่เข้าฉายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024 นี้ในโรงภาพยนตร์นั่นแหละครับ