แอนิเมชัน

รีวิวแอนิเมชัน Eden of the East | สวนสวรรค์แห่งดินแดนตะวันออก

อะนิเมะ 11 ตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน ภาพสวยคม แนะนำให้หาดูกัน

จาก 25 อันดับของอะนิเมะที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายชื่อที่ประกาศรางวัล Anime Grand Prix ประจำปี 2010 เรื่องที่อยู่ในอันดับบนสุด ก็คือ ‘Eden of the East’ อะนิเมะความยาว 11 ตอนที่ออกอากาศทางฟูจิทีวี

Eden of the East สวนสวรรค์แห่งดินแดนตะวันออก
อีเดน ออฟ เดอะอีสต์

ด้วยความโดดเด่นในหลายๆ ส่วนของมัน ผลงานในสังกัด Production I.G. สตูดิโอที่หลายคนเชื่อมั่นในฝีมือและคุณภาพ เพราะเคยสร้างงานที่เป็นที่จดจำมาหลายเรื่อง โดยเฉพาะ Ghost in the Shell, The Matrix, xxxHolic, คุโรมาตี้, The End of Evangelion และ Blood+ อีกทั้งยังเป็นการผนึกพลังกันของสุดยอดฝีมืออย่าง คามิยาม่า เคนจิ ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานเด่นไว้อย่าง Ghost in the shell : Stand Alone Complex ก็ยกขบวนทีมงานมาร่วมกันสร้างอะนิเมะเรื่องนี้ แล้วก็มี อ.อุมิโนะ จิกะ ที่มาดูเรื่องการออกแบบตัวละคร ทำให้ Eden of the East กลายเป็นที่จับตามองของคออะนิเมะค่อนข้างมาก

เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้นในวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2010 เกิดเหตุมิสไซล์จำนวน 10 ลูกถล่มญี่ปุ่นอย่างไม่ทราบที่มา และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย มีเพียงข่าวลือว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย มันได้ถูกตั้งชื่อให้เป็น “Careless Monday” มันเป็นวันจันทร์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องก็แล้วกัน วันเวลาผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย ฝันร้ายวันจันทร์ก็เริ่มๆ จะลดความน่ากลัวลงไป แต่เหตุการณ์กลับหาได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิดไม่

3 เดือนต่อมา สาวน้อย ซากิ โมริมิ ที่เพิ่งจบการศึกษาเดินทางไปเที่ยวอเมริกาเพื่อฉลองเรียนจบกับเพื่อนๆ แต่ก่อนกลับ เธอเลือกที่จะแยกไปเยือนทำเนียบขาวคนเดียว ด้วยความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองของตนที่กำลังถูกภัยร้ายที่ไม่รู้วันคืออะไรคุกคาม เธอตั้งใจปาก้อนหินเข้าไปในทำเนียบขาว มันคงเป็นวิธีแก้เคล็ดของคนญี่ปุ่นเขาล่ะมั้ง

การทำผิดกฏหมายครั้งนี้ได้รับการช่วยเหลือไว้ โดยหนุ่มรูปหล่อผู้ไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ที่มาดึงดูดความสนใจของตำรวจเอาไว้ ผู้ชายที่ซากิคิดว่า เขาจะเป็นเจ้าชายที่เธอฝันไว้หรือเปล่าคนนั้น มีเพียงปืนสั้นกับมือถือหน้าตาประหลาดในมือ แต่กลับจำกระทั่งชื่อตัวเองยังไม่ได้ ด้วยความใจดี หรืออะไรก็แล้วแต่ เธอกลับให้เสื้อคลุมและผ้าพันคอกับเขาไป

แต่แล้ว ดูเหมือนโชคชะตาจะทำให้ซากิได้พบกับเจ้าชายที่ใฝ่หา ในที่สุด ทั้งสองคนก็ต้องกลับมาพบกันอีกครั้ง แล้วก็ได้เดินทางกลับญี่ปุ่นด้วยกัน

ชายแปลกหน้าที่ไม่รู้ว่าตนเองชื่ออะไร แต่กลับจำเรื่องราวอื่นๆ ได้หมด โดยเฉพาะเรื่อง “หนัง”

เขาได้พบว่า ห้องพักของตนมีอาวุธเต็มไปหมดจนต้องสงสัยว่าตนเองเป็นใครกันแน่ หลังจากโทรไปยังปลายสายที่เรียกตัวเองว่า Juiz เขาพบว่า ตนเองกำลังอยู่ในเกมอะไรสักอย่างหนึ่งที่มีผู้เล่น 12 คน ที่จะถูกเรียกว่า “เซเลเซา” (Seleção) แต่ละคนจะได้รับเงินหมื่นล้านเยนอยู่ในมือถือ ซึ่งจะใช้เงินทำอะไรก็ได้เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศญี่ปุ่นให้ดีขึ้นในแนวทางของตน การใช้เงินทุกครั้งจะต้องกระทำโดยการสั่งผ่าน Juiz คุณจะสั่งการอะไรก็ได้ ทางอีกฝั่งของสายจะรับไปแยกเป็นงานเล็กงานน้อย ทุกงานมีค่าใช้จ่ายจะมากน้อย จะถูกหักออกจากบัญชี

นอกจากนี้ เขายังพบว่า ตนเองมีพาสปอร์ตอยู่หลายใบ ชื่อหนึ่งที่เขาคิดว่าใช่ชื่อจริงของตัวเองก็คือ ทาคิซาว่า อากิระ จากการสอบถาม Juiz ทำให้เขาได้รู้ว่า เขาเป็นเซเลเซาหมายเลข 9 ที่ทำการลบความจำตัวเองส่วนหนึ่งไป แต่เหตุผลกลใดที่เขาเลือกจะลบมันนั้น ซึ่งเขาเองก็ต้องค้นหามันเช่นกัน

แต่เมื่อยิ่งค้นก็ยิ่งพบสิ่งที่แปลกประหลาดในการกระทำของตัวเขาเองก่อนลบความทรงจำ อากิระมีที่พักอาศัยเป็นห้างโทโยสึ คนบ้าอะไรจะซื้อห้างทั้งห้างมาเป็นของตัวเอง แถมยังเคยขัง NEET จำนวนสองหมื่นคนไว้ข้างในห้างนั้นด้วย

Eden of the East
อีเดน ออฟ เดอะอีสต์

เรื่องราวการสืบค้นเสาะหาตัวตนของตัวเอง ที่มาพร้อมอำนาจสั่งการในมือ และพร้อมที่จะถูกเก็บได้ตลอดเวลา

เรื่องราวขยายวงไปเรื่อยๆ อากิระได้พบกับเซเลเซาอีกหลายคน แม้จะไม่ครบ แต่ก็พอจะเป็นเบาะแสที่ค้นไปถึงที่มาของเรื่องราวทั้งหมดได้ แต่ในช่วงของการค้นหานั้น ก็มีอีกเรื่องที่ทำให้คนดูอย่างเราๆ ได้รู้ว่า อะไรคือ

‘Eden of the East’

ด้วยงานด้านภาพที่ดูสะอาดตา สีสวยคม ลายเส้นและแคแรกเตอร์ต่างๆ รวมเข้ากับเนื้อเรื่อง และการดำเนินเรื่องที่ทำเรื่องซับซ้อนให้จบลงได้ภายในเพียง 11 ตอน ต้องชมว่า ทีมงานนี้เยี่ยมยุทธ์จริงๆ ไม่พอ ผมจะได้รับรู้ข้อมูลมาเพิ่มเติมอีกว่า ทีมงานเขาเตรียมการกันไว้อย่างดี ว่าจะต้องมีการสร้างเรื่องราวต่อเนื่องไปถึงโปรเจ็คต์หนังโรงอีกด้วย ซึ่งหลายคนก็อาจจะได้ชมไปแล้วด้วยซ้ำ กับภาคต่อทั้งสอง The King of Eden และ Paradise Lost นั่นไง

นอกจากอะนิเมะเรื่องนี้จะเด่นในด้านภาพและเนื้อหาแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่สมควรพูดถึงอย่างเพลงเปิด ที่ได้เพลง “Falling Down” ของศิลปินอังกฤษผู้โด่งดังอย่างโอเอซิส ส่วนเพลงปิดก็ได้เพลง “Futuristic Imagination” จากศิลปิน School Food Punishment ผสมเข้ากับไตเติ้ลที่สวยสดงดงาม เสริมให้อะนิเมะเรื่องนี้ดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีกเท่าตัว


NEET คืออะไร : มนุษย์จำพวกหนึ่งที่วันๆ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในบ้าน “Not in Education, Employment or Training”

PatSonic

บล็อกเกอร์ผู้ชอบดูหนังหลากแนว ฟังเพลงหลายสไตล์ มีเวลาว่างก็จะออกไปท่องเที่ยว บางเวลาก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หยิบซีรีส์ขึ้นมาดู แล้วก็จะหยิบมาเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน

4 คอมเมนต์

  1. เรื่องเยี่ยมจริงแหละครับเรื่องนี้ รอดู the movies ภาค 2 อยู่

  2. ชอบมากกกกกกค่ะเรื่องนี้
    รอมูฟวี่สอง ฮือๆ หาโหลดไม่ได้เลย ซับอังกฤษก็ไม่มี แบบไม่มีซับก็หาไม่ได้ อ้ากกกกกคลั่ง

Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save

Adblock Detected

เนื่องจากบล็อกนี้อยู่ได้ด้วยความเอื้อเฟื้อผู้เยี่ยมชม รบกวนไม่ใช้ Ad Blocker เพื่อการเยี่ยมชมที่สมูธครับ