เคยได้ยินชื่อ ‘Swan Lake’ กันมั้ยครับ?
ผมเองนั้น เคยได้ยินครับ มันเป็นชื่อเพลงคลาสสิกของศิลปินชื่อก้องชาวรัสเซีย Pyotr Ilyich Tchaikovsky (ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี) ด้วยความที่เคยลงวิชาเรียนเกี่ยวกับเพลงคลาสสิกมาบ้าง เลยพอได้ยินชื่อ แต่สำหรับบางคน อาจจะรู้จักมันมากกว่านั้น ว่ามันเป็นละครบัลเล่ต์ที่มีที่มาจากนิทานของรัสเซีย และบ้างก็ว่ามาจากตำนานพื้นเมืองของเยอรมัน เรื่องราวของเจ้าหญิง “โอเดตต์” ที่ถูกปิศาจสาปให้กลายเป็นหงส์ เริ่มเล่นในโรงละครบอลชอย ในกรุงมอสโคว์ มาก่อน และกลายมาเป็นภาพยนตร์ในปัจจุบัน
วันนี้ ผมได้โอกาสออกนอกบ้านไปชม ‘Black Swan’ มาครับ
ถ้าไม่คิดอะไรมาก ผมเลือกไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะผมชอบในตัวนักแสดงนำ Natalie Portman ไม่ต้องสงสัย ผมชื่นชอบสาวหน้าคมตาสวยมาแต่ไหนแต่ไร หลายๆ เรื่องของเธอ ผมก็ตามดูเท่าที่ตามได้ ‘Star Wars: Episode I – The Phantom Menace’, ‘Star Wars: Episode II – Attack of the Clones’, ‘Cold Mountain’, ‘Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith’, ‘Closer’, ‘V for Vendetta’, ‘Paris je t’aime’, ‘My Blueberry Nights’, ‘New York I Love You’ แล้วก็มาเรื่องนี้ ‘Black Swan’ เรื่องที่ได้มีชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ เสียด้วย
เริ่มเรื่องด้วยฉากยาวๆ อันสวยงามของหงส์ขาวที่นาตาลีแสดง มันมีพลังมากด้วยแสง ลีลาการแสดง มุมกล้อง และเพลงประกอบ นับว่า เลือกช่วงเปิดได้ดี ปรับสมองคนดูให้รับรู้ว่า คุณกำลังชมหนังเกี่ยวกับละครบัลเล่ต์
เรื่องราวของ นีน่า – Nina Sayers (Natalie Portman) ที่เป็นนักบัลเล่ต์ และใฝ่ฝันเหมือนกับนักบัลเล่ต์ทุกคน คือการได้บทเด่น เมื่อคณะเตรียมบัลเล่ต์เรื่อง Swan Lake ในรูปลักษณ์ใหม่ ใครๆ ต่างก็หวังจะได้รับบทเด่นนั้น แต่ตัวละครตัวนี้มันยากตรงที่ต้องแสดงเป็น 2 บท บทแรก หงส์ขาว หวานใสงดงาม กับ หงส์ดำ มืดหม่นหมองมัว …ภาพลักษณ์และการถูกเลี้ยงมาอย่างเธอ ทำให้เธอทำได้ดีอย่างไม่มีที่ติกับบทหงส์ขาว
แต่กับบทหงส์ดำ ดูเหมือนจะไปกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่เธอเป็น
สุดท้าย เธอต้องทิ้งตัวตนในรูปแบบที่น่าหวาดหวั่นตกใจ เพื่อทำตัวเองให้กลายเป็นหงส์ดำ บทหนังเลือกใส่ทุกอย่างที่มีพอจะทำให้คนๆ นึง กลายสภาพจากนางเอก กลายเป็นนางร้ายผู้โฉดชั่วได้ เพียงเพื่อความสมบูรณ์ในการแสดงที่เธอใฝ่หา
แน่นอนว่า หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาก่อน ว่าหนังจะออกแนว “จิตๆ” ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ผิดจากความจริงแต่อย่างใด บางคนอาจจะทนดูบางฉากได้ยาก แต่ผมว่า ก็ไม่ได้มีฉากแบบนั้นเยอะเหมือนหนังหลอนๆ หนักๆ บางเรื่อง แต่ให้อารมณ์ลุ้นกับคนดูว่า
ตกลงสิ่งที่เห็นเป็น “ความจริง” หรือเป็น “ภาพในจิต” ของนีน่ากันแน่
แม้ว่าเราจะไม่ได้คุ้นกับละครบัลเล่ต์ เรื่อง Swan Lake กันเลยก็ตาม แต่ในหนังก็พยายามสอดใส่เรื่องราวเล่าแบบย่อๆ เข้าไว้ด้วย เผื่อเอาไว้สำหรับคนดูอย่างเราๆ ที่บัลเล่ต์ไม่ได้อยู่ในชีวิตประจำวันกันเลย เนื้อหาอาจจะหนักแน่นไปบ้าง ตามประสาของหนังแนวนี้ แต่การได้ชมผลงานอันโดดเด้งของผู้หญิงที่ชื่อ Natalie Portman ในบทบาทที่แตกต่างออกไป ก็ทำให้ยังมีความสุขกับหนังได้อยู่ เพราะตาคมสวย รอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าของเธอคนนั้น
มิพักต้องพูดถึงฝีมือการแสดงกันเลยเชียว เธอเต็มที่กับมันมากอย่างเห็นได้ชัด ทุกฉากเป็นลีลาการเต้นบัลเล่ต์ของตัวเธอเองล้วน ผสมผสานกับ CG ที่เติมเข้ามาเพื่อสอดรับการประสบการณ์แบบ “จิตๆ” ของนีน่าเอง ไม่มากไม่น้อย แต่อลังการ
ถ้อยคำแรงๆ เรื่องราวแรงๆ อาจทำให้หนังได้เรท R ด้วยเรื่องราวด้านเซ็กซ์ ช็อตที่ผมชื่นชอบก็คงจะเป็นกลางเรื่อง ที่ทั้งเรื่องเป็นเพลงคลาสสิก แต่ตรงนั้น เป็นฉากสนุกสุดเหวี่ยงไปกับเพลงแดนซ์และสีแดงที่ฉาบเต็มจอ
หนังกำกับโดย ผู้กำกับชื่อดัง Darren Aronofsky ผู้ที่เคยผ่านตาหลายคนไปแล้วกับ ผลงานอย่าง ‘The Fountain’, ‘Pi’ , ‘Requiem for a Dream’ และ ‘The Wrestler’ และเขาคือผู้กำกับฯ ที่กำลังมีผลงานอย่าง ‘The Wolverine’ และ ‘Machine Man’ ออกมาในไม่ช้า
‘Black Swan’ เป็นหนังที่ทั้งเครียด ลุ้น และมีความสุขไปพร้อมๆ กัน อย่างหลังเนี่ย เพราะ Natalie Portman แท้ๆ เลยเชียว
ชื่อภาพยนตร์ : Black Swan / แบล็ค สวอน
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Darren Aronofsky
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Mark Heyman (screenplay), Andres Heinz (screenplay), John J. McLaughlin (screenplay), Andres Heinz (story)
นักแสดงนำ : Natalie Portman, Mila Kunis, Vincent Cassel, Barbara Hershey
ประเภท/แนว : Drama, Mystery, Thriller
ความยาว : 108 นาที
เรท : USA/R, ไทย/น18+
ปี : พ.ศ. 2553/ค.ศ. 2010
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย : Fox Searchlight Pictures, Protozoa Pictures, Phoenix Pictures
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 24 กุมภาพันธ์ 2554
ส่วนตัวแล้วชอบมากๆสำหรับเรื่องนี้ และยังรู้สึกว่า ผู้กำกับเก็บรายละเอียดได้ดี และอาจได้รับแรงบันดาลใจจากทฤษฎีของซิกมุน ฟรอยด์อยู่มาก
เห็นได้ชัดว่าแรงผลักสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของตัวละครคือแรงผลักทางเพศที่ฟรอยด์เรียกว่า libido
นีน่าถูกเลี้ยงมาให้กดความรู้สึกทางเพศไว้ อันเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการทางจิต (ซึ่งถ้าจะสาธยายว่าถูกเก็บกดไว้อย่างไรคงเป็นการเปิดเผยเนื้อหาทั้งเรื่อง)
นีน่ามีบุคลิกของผู้ใหญ่ที่ยังไม่โตและมีความนับถือตนเองต่ำ ประกอบกับความหมกมุ่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างชัดเจน (สังเกตดูว่าเธอใช้เสียงโทรศัพท์มือถือเป็นเพลงสวอนเลคด้วย) พฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนความเป็นเด็กผู้หญิงในตัวนีน่า อันเป็นอาการของการมีวุฒิภาวะที่ไม่สมวัย
แม่ของนีน่าดูจะเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดอาการทางจิต บางคนวิเคราะห์ว่าเธอมีอาการของโรคฮิสทีเรีย และบางคนบอกว่าเธอมีอาการบ้าลูกสาว หรือหลงรักลูกสาวตนเอง
สัญลักษณ์ต่างๆมีสอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ตั้งแต่บทที่นางเอกเล่น คือหงส์ขาวและหงส์ดำ เป็นคู่ตรงข้ามของด้านมโนธรรมและด้านป่าเถื่อนในใจมนุษย์ เป็นต้น
หนังใช้เพลงจากเรื่องสวอนเลคดำเนินเรื่องไปตามลำดับอย่างกลมกลืน สื่ออารมณ์ได้ตรงทุกฉาก ส่วนหนึ่งอาจเพราะบทหนังก็ดัดแปลงมาจากสวอนเลคอยู่แล้ว ที่ต้องชมคือความสามารถในการคุมจังหวะเรื่องให้สอดรับกับเพลงพอดี
โดยสรุป หนังเรื่องนี้สมควรได้รับรางวัลจริงๆค่ะ ถ้าเป็นไปได้อยากไปดูอีกรอบ
ไปดูมาแล้ว เปิดคอมต้องหาบล็อคคุณแพทมาอ่านเลยทีเดียว
ไม่สปอยด์จริงๆด้วย 55 แต่ไม่อ่านน่ะดีกว่านะ
ไปแบบโง่ๆนี่แหล่หนุกดี
นาตาลี เก่งมากกกกกกกกกก ทำได้ไง
ชอบเพลงประกอบ มันอลังดี ได้อารมณ์มาก
แต่มุมกลอ้งแปลกๆ ติดหน้านางเอกมาก ไม่รู้ตั้งใจให้หนังมีเกรน หรือน๊อยๆเยอะๆ ฟีลดิบๆหรือเปล่า แต่ก็ทำให้หนังแปลกออกไป ชอบนะสรุป
ฉากที่ปุ๋มชอบที่สุดคือฉากที่นางกลายเป็นหงส์ดำบนเวที สุดยอดอลังการ แบบว่า…เฮ๊ยย อยากจะลุกตรบมือขึ้นพร้อมผู้ชมากมากๆ อยากดูฉากนั้นอีกครั้ง ..ขนเงาแว๊บบบ
ไว้เขียนบล็อคมั่ง..อิอิ
พี่เขียนได้ดีครับ
วันนี้ไปดูมาแล้ว สนุกมากครับ
,, เรากำลังดู Black swan ใน Black swan ,,
ขอบคุณครับ tongkatsu , pumuq, h_grenger ที่มาเมนต์ เป็นกำลังใจชั้นดีเลยทีเดียว
ดีใจที่สนุกกับหนังเรื่องนี้นะครับ