รีวิวหนัง อนงค์ 2..สามสี่ชาติ | โบว์ เมลดา น่ารักทุกชาติไป
เมื่อหนังผีไทยเรื่องนึงที่ประสบความสำเร็จได้ใจคนดูไปอย่างล้นหลามในภาคแรก คิดจะกลับมาใหม่ ตั้งใจจะบอกเล่าเรื่องราวที่ยังไม่เคยถูกเล่าในภาคที่สอง คนดูจึงได้พบกับผีสาวน่ารักตนเดิม ในหนังไทยชื่อ ‘My Boo 2’ หรือจริง ๆ ก็คือ ‘อนงค์ 2..สามสี่ชาติ’ กันในวันนี้ หนังจะสนุก ดี น่ารัก แค่ไหน เราลองมารีวิวให้ได้อ่านกัน
คิดเห็นเช่นไรกับหนังผีภาคต่อเรื่องนี้?
หนังภาคแรกทำคนดูหลงรักผีอนงค์เป็นอันมาก คนทำก็อยากจะเล่าเรื่องของเธออีกสักหน โจทย์คราวนี้อยากบอกว่า เขาเคยพบและรักกันมาหลายชาติ เลยเขียนบทหาทางให้โจได้เข้าไปเจอกับความรักของตนในชาติอดีต พาคนดูไปพบกับเรื่องราวหลายยุค พร้อมมุกฮารั่วที่ใส่มาไม่ยั้ง ตัดต่อสลับชาติไปมาได้ดีไม่มีให้งง มีดราม่าเรียกน้ำตาได้นิดหน่อย แม้จะเริ่มต้นด้วยการให้โจเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ แต่ก็บอกเล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงมาชาติปัจจุบันได้ค่อนข้างดี
โดยรวมมันเป็นหนังย้อนอดีตที่ใช้ลีลาและเสน่ห์ของ โบว์ เมลดา มากุมหัวใจคนดูอีกครั้ง ยังไม่ถือว่ากลมกล่อมแต่บันเทิงดี
เรื่องย่อหนัง ‘My Boo 2’
หลัง ‘อนงค์’ ภาคแรกจบลงไป ผู้ชมคงได้เห็นแล้วว่า บทสรุปของมันคือ โจ (จี๋ สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร จากหนังเรื่อง ‘4 Kings 2’) ได้รับมรดกเป็นคฤหาสน์หลังเก่า และพบกับผีสาวอนงค์ (โบว์ เมลดา สุศรี จากหนังเรื่อง ‘อโยธยา มหาละลวย’) ที่ยังวนเวียนอยู่ในบ้าน ก่อนความรักของทั้งคู่กับก่อเกิดและจบลงด้วยการจากลา ทว่า มันกลับไม่ได้สิ้นสุดเรื่องราวของพวกเขา ถ้าเกิดว่า โจไม่ได้พบเจอกับชายหนุ่มปริศนาคนหนึ่ง
และชายผู้นั้นก็มอบโอกาสได้โจได้มองเห็นอดีตชาติของตน ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ทำให้เห็นว่าในชาติก่อน เขากับอนงค์เคยพบพานกันในรูปไหนมาก่อน อนงค์เคยเป็นทั้งนักรบผู้กล้าแห่งบ้านบางระกัญ เคยร่วมสืบสวนคดีผีปอบกับเขา กับอีกชาติที่พวกเขาเจอกันตั้งแต่ครั้งยังวัยเด็ก
เรื่องราวระหว่างโจกับอนงค์จะดำเนินไปแบบใดห์ เมื่อโจล่วงรู้อดีตชาติ เขาจะแปรเปลี่ยนมันหรือจะปล่อยให้เป็นไป เราคงต้องมาติดตามกัญ
รีวิวหนัง ‘อนงค์ 2..สามสี่ชาติ’
ความรักระหว่างคนกับผีที่เกิดขึ้นแล้วในภาคก่อน แม้บทสุดท้ายจะต้องจบลงด้วยการลาจาก แต่ดูเหมือนผู้กำกับจะยังไม่อยากให้มันจบ เขาหยิบมันขึ้นมาเขย่าใหม่ และพบว่ายังมีอะไรที่ยังอยากจะเล่า ก่อนมันขยายกลายมาเป็นภาคนี้ที่ขยับจากหนังรักโรแมนติกบวกฮาปนสยอง ให้กลายเป็นหนังย้อนเวลาหลายชาติภพที่ฮาแบบรั่ว ๆ
บทขีดเขียนให้โจในชาติปัจจุบันได้พบกับชายปริศนา (จ๋าย อิชฌน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) ที่จู่ ๆ ก็เข้ามาบอกหนทางมองเห็นอดีตชาติจากนั้น เขาก็ทำตัวเหมือนผู้สังเกตการณ์เข้าไปเห็นหลายชาติภพที่ผ่านมา โจกับอนงค์เคยพบและรักกันมาก่อน แต่ละชาติก็อยู่ในบริบทที่แตกต่างออกไป แต่มันเป็นรักปนเศร้าและขมชื่น อยู่ที่เขาแล้วว่าจะเลือกทำเช่นไรกับอดีตนั้น
จากนั้น หนังก็พาเราไปเจอกับชาติที่สอง สาม สี่ ก่อนหน้าชาติปัจจุบัน ทำให้เราได้เห็นว่าแต่ละชาติ โจจะเปลี่ยนชื่อไปเรื่อย จอม จักร จ้อย แต่ทุกชาติ อนงค์ก็ยังคงชื่ออนงค์ แต่ละชาติ บริบทเปลี่ยนไปตามเวลา สถานที่ก็เปลี่ยน และหนังก็เลือกจะเล่าแต่ละชาติเดินไปพร้อมกัน ด้วยลีลาชวนหัวแล้วแต่ว่าบริบทนั้นจะมีอะไรให้เล่น ตรงนี้หนังคนดูนั่งขำคิกคักไปกลับความรั่วไปเรื่อยของตัวละครและเรื่องราว
เอาจริง ก็ถือว่าเขาทำได้ดีแหละ คนดูไม่งงว่านี่มันเป็นชาติภพไหน และบางช่วงเวลา ก็หาลูกเล่นมาใช้เล่าเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันระหว่างสองชาติได้ดี แต่ก็เหมือนหนังมันไม่ค่อยคงเส้นคงวา ดีบ้างด้อยบ้างคะเคล้ากันไป
บางทีเรื่องราวมันอาจมีความอิหยังวะ แต่ก็เบาบางลงไปเมื่อมันเดินด้วยความคอมเมดี้ คนดูเลยไม่คิดอะไรมาก
ด้วยความที่มันเป็นภาคต่อและพาตัวละครเก่ากลับมาอยู่ในแต่ละชาติภพ ก็ทำให้คนดูเหมือนได้ผูกพันกับทุกตัวละครไม่ใช่เพียงโจกับอนงค์ และเมื่อนั่งดูไป ก็สัมผัสได้ว่าหนังมันมีรสชาติที่เริ่มต้นด้วยความรั่ว ก่อนปิดท้ายด้วยความขมขื่น ชาติภพที่ทำให้นายแพทน้ำตาซึมคือ ชาติที่สอง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในแดนอีสาน โจกลายเป็นตำรวจหนุ่มที่เข้าไปสื่อเรื่องผีปอบในหมู่บ้าน อาจเพราะเล่าดี ตัดต่อได้ มันเลยได้ฟีล อะไรประมาณนั้น
เพียงน่าเสียดายอยู่หน่อยๆ ที่แต่ละภาคมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักเท่าไหร่ จะมีแต่ก็ชาติที่สามนี่แหละ ที่กลายมาเป็นจุดอธิบายของภาคแรก ทำให้เรื่องราวมันบรรจบกันได้พอดี เกิดเกิดมาของภาคนี้คงมีไว้เพื่อสิ่งนี้แหละกระมัง
อย่างไรก็ดี การที่มันตั้งใจให้โจเป็นแค่คนสังเกตการณ์ ก็ทำให้ส่วนผสมกันมันดูแหม่ง ๆ แม้จะมีจุดเปลี่ยนตอนปลายเรื่องก็เถอะ แต่อย่างน้อย หนังก็ยังมีเสน่ห์ทางการแสดงของ โบว์ เมลดา ที่แทบจะแบกหนังทั้งเรื่องเมื่อเธอได้เล่นหลายบทบาท เป็นทั้งนักรบเก่งฟันดาบ มีบุคลิกเด็ดเดี่ยว เป็นทั้งหญิงสาวที่ทั้งอ่อนหวานและเกรี้ยวกราด เป็นทั้งหญิงสาวแสนสวยที่ถูกเสือทำร้าย แต่ไม่ว่าชาติ บอกได้เลยว่า โบว์ เมลดา น่ารักทุกชาติจริง ๆ
ใดๆ คือ หาที่หนังหามุมมาล้อไปกับหนัง ‘เสือ’ อีกเรื่องได้อีกต่างหาก
แต่ก็ต้องบอกว่า นับถือภาคนี้ในความเล่นใหญ่ เพราะโปรดักชันของมันต้องใช้หลายภาคส่วนเพื่อเติมเต็มให้มันสมบูรณ์ ทั้งซีจี ทั้งคอสตูม ไหนนะทีมสลิง-สตั๊นท์ และแม้ว่ามันจะไม่ได้สมบูรณ์พร้อม แต่มันก็สร้างความบันเทิง เสียงหัวเราะ มีน้ำตาหน่อย ๆ ให้กับคนดูที่ผูกพันกับโจและอนงค์มาจากภาคแรกได้เป็นอย่างดี
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
| ชื่อภาพยนตร์ | อนงค์ 2..สามสี่ชาติ / My Boo 2 |
| กำกับ | เอส คมกฤษ ตรีวิมล |
| เขียนบท | คมกฤษ ตรีวิมล |
| แสดงนำ | โบว์ เมลดา สุศรี, จี๋ สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร, ธามไท แพลงศิลป์, แจ็ค เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์, ฝน ทัตชญา ศุภธัญสถิต, อิชฌน์กร พึ่งเกียรติรัศมี, น้าพวง เชิญยิ้ม, ฝน ธนสุนทร, ออม ปุณยวีร์ จึงเจริญ, อรุณพงศ์ นราพันธ์ |
| แนว/ประเภท | โรแมนติก, แฟนตาซี, คอมเมดี้, สยองขวัญ |
| เรท | น15+ |
| ความยาว | 117 นาที |
| ปี | 2025 |
| สัญชาติ | ไทย |
| เข้าฉายในไทย | 30 ตุลาคม 2025 |
| ผลิต/จัดจำหน่าย | Junka Studio, Karman Line, M Studio |
คะแนนรีวิวหนัง อนงค์ 2..สามสี่ชาติ
พล็อตและบท - 6.9
การแสดง - 7.8
การดำเนินเรื่อง - 7.3
งานถ่ายภาพ และเทคนิคพิเศษ - 7.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
7.4
อนงค์ 2..สามสี่ชาติ
หนังภาคแรกทำคนดูหลงรักผีอนงค์เป็นอันมาก คนทำก็อยากจะเล่าเรื่องของเธออีกสักหน โจทย์คราวนี้อยากบอกว่า เขาเคยพบและรักกันมาหลายชาติ เลยเขียนบทหาทางให้โจได้เข้าไปเจอกับความรักของตนในชาติอดีต พาคนดูไปพบกับเรื่องราวหลายยุค พร้อมมุกฮารั่วที่ใส่มาไม่ยั้ง ตัดต่อสลับชาติไปมาได้ดีไม่มีให้งง มีดราม่าเรียกน้ำตาได้นิดหน่อย แม้จะเริ่มต้นด้วยการให้โจเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ แต่ก็บอกเล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงมาชาติปัจจุบันได้ค่อนข้างดี โดยรวมมันเป็นหนังย้อนอดีตที่ใช้ลีลาและเสน่ห์ของ โบว์ เมลดา มากุมหัวใจคนดูอีกครั้ง ยังไม่ถือว่ากลมกล่อมแต่บันเทิงดี













