รีวิว Escape From Mogadishu หนีตาย โมกาดิชู | 2 โสมหนีให้รอดจากเมืองจลาจล

สัปดาห์นี้มีหนังเรื่องหนึ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศเกาหลีใต้ชิงรางวัลออสการ์ในสาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม เลยคิดว่าต้องไม่พลาดชมเสียหน่อย ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ทำไมได้เป็นตัวแทน Escape From Mogadishu ชื่อไทย หนีตาย โมกาดิชู คือหนังเรื่องนั้นนั่นเอง ผลงานจากผู้กำกับ Ryoo Seung Wan/รยูซึงวาน คนเดียวกันที่เคยกำกับ The Battleship Island และ The Berlin File นั่นไง

เมื่อสงครามกลางเมืองปะทุ ถึงคราวที่ประชาชนต้องช่วยเหลือกันเอง เพราะทางเลือกเดียว คือหนีให้สุด อย่าหยุดจนกว่าจะรอด นั่นคือคำโปรยในเวอร์ชันไทของหนังที่สร้างจากเรื่องจริง และลงทุนไปถ่ายทำกันในประเทศโซมาเลียที่เกิดเหตุจริงๆ เสียด้วย

ไม่ดูคงไม่ได้เสียแล้วล่ะ

เรื่องย่อหนัง Escape From Mogadishu

เหตุการณ์ในช่วงปี 1980-1990 สมัยที่เกาหลีใต้ได้เข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติใหม่ๆ ช่วงนั้นมีการแย่งชิงในเชิงการทูตระหว่างสองเกาหลีอยู่เป็นปกติโดยเฉพาะบนแผ่นดินแอฟริกา ครอบครัวของทูตของทั้งสองประเทศตอนนี้ได้ไปประจำอยู่ในเมืองโมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย และกำลังเดินทางไปพบและเจรจากับประธานาธิบดี ก่อนจะเหตุการณ์ใหญ่

ท่านทูตฮัน ฮันชินซอง (Kim Yun Seok/คิมยอนซอก จากหนัง The Thieves และ The Chaser) ผู้นำทูตเกาหลีใต้ ที่เดินทางไปพร้อมกับเลขา หลังจากนัดรับกระเป๋าบรรจุของขวัญที่ปรึกษาคัง คังแดจิน (Zo In Sung/โจอินซอง จากซีรีส์ It’s Ok, This is Love) เรียบร้อยก็เดินทางกันไปยังจุดนัดหมาย ก่อนถูกปล้นกลางทาง กระเป๋าใบนั้นหายไป และพวกเขาก็ไปไม่ทันนัด

แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ส่วนหนึ่งเท่านั้น

แท้จริง ประเทศนี้มีปัญหาการเมืองคุกรุ่นอยู่ และในช่วงเวลานั้น เหตุการณ์ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อนายพลไอดิดแห่งสหพันธ์สภาคองกเกรสโซมาเลียสั่งกองกำลังยึดเมือง แถมโจมตีเหล่าสถานทูตของต่างชาติที่ให้การช่วยเหลือรัฐบาลเผด็จการของ ปธน. บาร์เร กลุ่มคณะทูตและครอบครัวต้องตกอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมือง และในคืนหนึ่ง คณะทูตและครอบครัวจากเกาหลีเหนือที่นำโดยท่านทูตริม (Heo Jun Ho/ฮอจุนโฮ จากซีรีส์ Kingdom และ Designated Survivor: 60 Days) ก็เข้ามาเคาะประตูขอความช่วยเหลือ

พวกเขาทั้งสองเกาหลีจึงต้องหลบหนีเอาตัวรอดออกจากเมืองนี้ให้ได้!

รีวิวหนัง หนีตาย โมกาดิชู

หนังเกาหลีที่เล่าเรื่องประเทศตัวเองในวันเก่า ย้อนอดีตไปในช่วงที่สองประเทศชื่อเดียวกันแต่แบ่งแยกเหนือ-ใต้ที่ต้องไปแย่งชิงผลงานด้านการทูตในดินแดนแอฟริกา เรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นด้วยตัวหนังสือบอกเล่าความจริงที่ผู้ชมควรรู้ก่อน

จากนั้นก็เริ่มเล่าช่วงเวลาที่สองคณะทูตที่กลายเป็นคู่ปรับกันในเมืองโมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย หนังเล่าเรื่องการเมืองระหว่างประเทศได้อย่างมีน้ำหนักและเข้าใจได้ง่าย ความขัดแย้งในโซมาเลียมาถึงจุดแตกหัก เมื่อนายพลไอดิด แห่งสหพันธ์สภาคองกเกรสโซมาเลีย ออกแถลงการณ์ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของประธานาธิบดีบาร์เร กองกำลังอาวุธครบมือออกมาลุยไปทั่วเมือง ทั้งห่ากระสุนและระเบิดเปลี่ยนให้เมืองนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ร้างผู้คน และเต็มไปด้วยฝุ่นควันคลุ้ง

พวกเขากลายเป็นกบฏในสายตาของรัฐบาล สงครามกลางเมืองรุกล้ำเข้าไปถึงในเขตของสถานทูต ทำให้กลุ่มทูตเกาหลีเหนือต้องละทิ้งฐานที่มั่น บากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากกลุ่มทูตเกาหลีใต้ แม้จะดูเป็นการเสียศักดิ์ศรี แต่เพื่อความอยู่รอดก็จำเป็นต้องพึ่งพาคนที่พูดภาษาเดียวกัน

ระหว่างประเทศก็จะมีเส้น(ที่ไม่ค่อย)บางๆ ขีดคั่นอยู่ บางคนไม่ยอมรับ บางคนมองเห็นปัญหาที่จะติดตามมา แต่ในแง่มุมของความเป็นมนุษย์ พวกเขาเลือกจะช่วยเหลือ ทำให้พาร์ตดราม่าเป็นอีกพาร์ตที่ค่อนข้างหนักแน่นและทรงพลัง สามารถทำให้อินจนน้ำตาซึมได้ แม้จะเป็นคนดูชายไทยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความขัดแย้งของพวกเขาเลยแม้สักนิดเดียว

หนังเดินเรื่องได้สนุกชวนลุ้นเอาใจช่วยเป็นที่สุด ในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่อาจทำสิ่งใดได้อีกนอกจากเอาตัวให้รอดออกไปจากเมืองนี้ประเทศนี้ให้ได้ ฝ่าดงกระสุนที่สาดใส่ไม่ยั้ง ซิ่งระห่ำหนีให้สุด อย่าหยุดจนกว่าจะรอดของจริง แม้จะต้องพ่วงกลุ่มคนที่ขัดแย้งกันก็เป็นเพียงเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เพราะชีวิตของคนมันคงสำคัญกว่าการเมือง มันเป็นเรื่องที่ซึมซับได้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย จนไม่ต้องมีส่วนร่วมเป็นคนใน 2 ชาตินั้นแต่ก็อินได้ไม่แปลกอะไร

และแม้หนังจะดูเครียด เต็มไปด้วยอารมณ์ของการลุ้นเอาใจช่วย แต่บทหนังก็แทรกไว้ด้วยมุกที่พาขำฮาแทรกไปเป็นระยะในส่วนผสมที่พอดี

สุดท้าย หนังที่ขึ้นอันดับหนึ่งหนังทำรายได้สูงสุดในเกาหลีปี 2021 แถมยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเกาหลีใต้ไปชิงออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ไม่ผิดหวังเลยว่า สมชื่อ สมราคา เอามากๆ

และอยากให้คุณได้ลองไปดูกัน!

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง