จากจุดเริ่มต้นของ ‘The Expendables’ ผลงานการกำกับของ Sylvester Stallone ด้วยคอนเซ็ปต์ของความเป็นหนังแอ็คชั่นพันธุ์เก๋า ที่รวบรวมเอาขุนพลพระเอกแอ็คชันรุ่นเก่ามาปฏิบัติภารกิจร่วมกัน ผลมันออกมาดี ทำรายได้เฉพาะในสหรัฐไปกว่า 100 ล้านเหรียญ จนผลิดอกออกผลกลายมาเป็นภาคสองภาคสาม ตามมาถึงภาคสี่ ‘The Expendables 4’ ชื่อไทย ‘โคตรคนทีมมหากาฬ4’ ที่พยายามใส่ลูกเล่นกับชื่อ จนเขียนเป็น ‘Expend4bles’ นั่นแล
ภาคนี้เป็นผลงานการกำกับของ สก็อตต์ วาก์ คนที่เคยมีผลงานก่อนหน้าที่เคยผ่านตาผู้ชมชาวไทยอย่าง ‘Need for Speed ซิ่งเต็มสปีดแค้น’, ‘Act of Valor หน่วยพิฆาต ระห่ำกู้โลก’ และ ‘Hidden Strike’ ซึ่งผลตอบรับก็ยังอยู่ในระดับกลางๆ ทำให้หลายคนไม่แน่ใจนักกับการมารับหน้าที่สานต่อความแอ็คชันพันธุ์เก๋าของผู้กำกับรายนี้
นี่ก็เช่นกัน เลยต้องขอถ่อไปดูถึงในโรงภาพยนตร์!
เรื่องย่อหนัง ‘Expend4bles’
เมื่อได้ข่าวว่า อดีตนักค้าอาวุธชาวอังกฤษที่ชื่อ ราห์หมัด (Iko Uwais จากหนังเรื่อง ‘The Raid: Redemption’) พร้อมกับกองทัพของเขากำลังปล้นกระเป๋าบรรจุตัวจุดชนวนหัวรบนิวเคลียร์ไปให้กับผู้ว่าจ้างสุดชั่วร้ายอย่าง โอเซลอต ทำให้คราวนี้ ทีม Expendables ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ไม่ว่าเป็น บาร์นีย์ (Sylvester Stallone จากหนังเรื่อง ‘The Suicide Squad’), คริสต์มาส (Jason Statham จากหนังเรื่อง ”), อีซี่เดย์ (50 Cent จากหนังเรื่อง ‘Escape Plan’), โทลโร้ด (Randy Couture), จีน่า (Megan Fox จากหนังเรื่อง ‘Ninja Turtles 2’), กันเนอร์ (Dolph Lundgren จากหนังเรื่อง ‘Aquaman’) และมาร์ช (Andy Garcia จากหนังเรื่อง ‘Wrath of Man’) ต้องร่วมกันออกไปทำภารกิจบุกยังโรงเก็บอาวุธเคมีเก่าของกัดดาฟี่ในลิเบียเพื่อสกัดกั้น
แต่งานนี้ ไม่ง่ายเมื่อตัวการร้ายท่าทางจะหลบหนีไปได้ และถ้าปล่อยให้ลอยนวลอยู่อย่างนี้ ชะตาโลกคงไม่พ้นต้องเผชิญกับสงครามโลกครั้งใหม่ การตามล่ายังคงดำเนินต่อเนื่องมา ตัวละครสำคัญอย่าง เดชา (Tony Jaa จากหนังเรื่อง ‘ต้มยำกุ้ง 2’ และ ‘Monster Hunter’) เข้ามาร่วมสมทบ ก่อนที่จะเหตุการณ์ต่างๆ พลิกผัน
รีวิวหนัง ‘โคตรคนทีมมหากาฬ4’
สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามภารกิจของทีม Expendables มาอย่างต่อเนื่อง การที่กลับมาดูภาค 4 ก็ไม่ได้มีปัญหาในการทำความเข้าใจแต่อย่างใด เรื่องราวมันดูเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องรู้ภูมิหลังของแต่ละตัวละคร มันคือการรวมตัวเอาพระเอกแอ็คชั่นตัวเก๋าๆ ฝั่งฮอลลีวู้ดมารวมกับพระเอกแอ็คชันชาติอื่นๆ รวมเข้ากับพล็อตและงานสร้างที่นำเอาความแอ็คชันพันธุ์เก่ากลับมารื้อฟื้นให้ผู้ชมได้สนุกกัน
เริ่มเรื่องมา บทหนังก็เข้าขั้นตะกุกตะกักไม่น้อยทีเดียว ด้วยความรีบเล่าเรื่องและไม่อยากปูนานจนทำให้ 2 เหตุการณ์ที่เล่าสลับมันดูแหม่งๆ อีกทั้งการต่อบางซีนยังดูไม่เข้ากันอย่างแรงอีกต่างหาก ขณะที่ซีนแอ็คชันในช่วงต้นที่ใช้เทคนิคพิเศษช่วงค่อนข้างเยอะแต่ไม่เนียนจนเห็นได้ชัด กลายเป็นตัวละครที่ลอยออกมาจากฉากหลัง ส่งผลต่อชิ้นงานโดยรวมค่อนข้างมาก
บทของบางตัวละครดูแปลกประหลาด ขณะที่บทสนทนาทำได้เพียงขำหึหึ ก่อนที่การกลับมาของตัวละคร เดชา ที่เล่นโดย จา พนม จะช่วยให้หนังดูน่าสนใจขึ้น เพราะนานๆ เราจะได้เจอหนังที่จาพูดภาษาอังกฤษมากขนาดนี้ ขณะที่ช่วงเวลาฉากบู๊ จาก็ยังเป็นคนที่ทำได้โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ (ซะงั้น) ส่วนช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหนัง คือช่วงที่จาประสานมือต่อสู้คู่กับเจสัน สเตแธม
Taglines:
They’ll Die When They’re Dead
การจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุก คงต้องปล่อยหัวให้โล่ง สนใจแต่ความดุเดือดของฉากแอ็คชันและการระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันไป เพราะถ้าสนใจบทก็อาจต้องผิดหวังที่หนังไม่ได้สานต่อสิ่งที่เริ่มไว้ได้เท่าที่ควรแม้มีความพยายามจะทำให้ดูมีอะไรด้วยช็อตหักมุม แต่ทุกอย่างก็เหมือนจะมีคนทำกันมาจนไม่เจออะไรใหม่แล้ว คนดูเดาทางกันได้หมดแล้ว ซึ่งถ้าเล่าได้คมกว่านี้ มีอะไรให้คนดูรู้สึกลุ้นระทึกกว่านี้…
เมื่อรวมเข้ากับงานสร้างที่ยังไม่ถึงขั้น คงบอกได้แค่ว่า น่าผิดหวังครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Expend4bles / The Expendables 4 / โคตรคนทีมมหากาฬ4 |
กำกับ | Scott Waugh/สก็อตต์ วาก์ |
เขียนบท | Kurt Wimmer, Tad Daggerhart, Max Adams |
แสดงนำ | Jason Statham, 50 Cent, Megan Fox, Dolph Lundgren, Tony Jaa, Sylvester Stallone, Iko Uwais |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ระทึกขวัญ |
เรท | R |
ความยาว | 103 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 20 กันยายน 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Campbell Grobman Films, Media Capital Technologies, Millennium Films |
คะแนนหนัง โคตรคนทีมมหากาฬ4
พล็อตและบท - 5.6
การแสดง - 5.7
การดำเนินเรื่อง - 6
เพลงและดนตรีประกอบ - 6
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 5.1
5.7
Expend4bles
บทของบางตัวละครดูแปลกประหลาด ขณะที่บทสนทนาทำได้เพียงขำหึหึ ก่อนที่การกลับมาของตัวละคร เดชา ที่เล่นโดย จา พนม จะช่วยให้หนังดูน่าสนใจขึ้น เพราะนานๆ เราจะได้เจอหนังที่จาพูดภาษาอังกฤษมากขนาดนี้ ขณะที่ช่วงเวลาฉากบู๊ จาก็ยังเป็นคนที่ทำได้โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ (ซะงั้น) ส่วนช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหนัง คือช่วงที่จาประสานมือต่อสู้คู่กับเจสัน สเตแธม