ทุกคนต่างมีเพื่อน เมื่อเราเติบโตขึ้นมาจนเข้าโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ไม่ว่าใครต่างก็ต้องเคยคบเพื่อน แต่ใครจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทก็คงมีบางเส้นที่ขีดคั่นอยู่ ตามแต่ใครจะกำหนดในใจไว้อย่างไร และถ้าหนังสักเรื่องจะหยิบความสัมพันธ์ทำนองนี้มาบอกเล่า ก็คงไม่ยากที่จะอินได้เหมือนเช่นเคย ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ คือหนังเรื่องล่าจาก GDH ที่บอกเล่าความสัมพันธ์นี้ครับ
ความคิดเห็นส่วนตัวของนายแพท
มันเป็นหนังของการเดินทางตามหาความหมายที่แท้ของคำว่าเพื่อนสนิท ผ่านตัวละครวัยรุ่นที่ทั้งทำพลาด รู้สึกผิด เอาตัวรอด และเรียนรู้ ผ่านเรื่องราวเบียวๆ ในครึ่งแรก ไปสู่เรื่องเรียลๆ และดราม่าในครึ่งท้าย มันมีความเนิร์ดหนังประมาณนึง (แต่ก็ไม่เยอะมากนัก) ที่คอหนังจะขำกลิ้ง เด็กฟิล์มที่ย้อนนึกถึงวันทำหนังกับเพื่อนครั้งแรก ที่ทุกคนจะย้อนนึกถึงเพื่อนที่เคยสูญเสียไป หนังที่ทำให้หัวเราะได้ในวันที่ทำอะไรฮาๆ ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เราน้ำตารินกับความสัมพันธ์ที่ทำหล่นหาย
เรียนรู้และเติบโตเรื่องมิตรภาพที่คู่ขนานกันไปกับเรื่องทำหนังสั้น ทำน้ำตาไหลได้ แต่ไม่ฟูมฟายถึงขั้นตับพัง
เรื่องย่อหนัง ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’
มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนหนึ่ง เป้ ปรม (อันโทนี่ บุยเซอเรท์ จากหนังเรื่อง ‘เธอกับฉันกับฉัน’) เขาคือนักเรียน ม.6 ที่มีพ่อทำกิจการโรงงานมันสำปะหลังผู้กดดันลูกชายตนเอง เป้ผู้เรียนไม่เก่ง สร้างแต่เรื่อง แต่ไม่อยากต้องกลับไปสานต่อกิจการของพ่อ เลยต้องหาทางเข้ามหา’ลัยให้สำเร็จ เมื่อได้รู้ข่าววการรับนักศึกษาเข้าเรียนด้วยการทำหนังสั้นส่งเข้าประกวด เขาจึงกระโจนเข้าหาในทันที และไอเดียหนึ่งที่ผุดขึ้นมาก็คือการนำเรื่องของ โจ (พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ จากซีรีส์เรื่อง ‘วุ่นรักนักจิ้น Why You… Y Me?’ และ ‘มาตาลดา’) เพื่อน(ไม่)สนิทแต่นั่งโต๊ะติดกันมาสร้างเป็นหนัง
ด้วยความที่ตัวเองก็ดันไม่มีความรู้ในการสร้างหนัง สุดท้ายก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจาก โบเก้ (ใบปอ ธิติยา จิระพรศิลป์ จากหนังเรื่อง ‘เธอกับฉันกับฉัน’) คนที่บอกว่าเขาคือเพื่อนสนิทตัวจริงของโจ พร้อมกับได้ทีมเด็กเนิร์ดหนังประจำห้องโสต งานนี้เลยมีแววว่าจะไปรอด
แต่งานนี้ก็ไม่ง่ายนะ โดนกดดันจากหลายทางเหลือเกิน ทั้งจากแม่ของโจที่ซาบซึ้งในตัวเป้และให้ทุนมา ทั้งจากโรงเรียนที่ป่าวประกาศไปทั่วว่าเป้จะทำหนังให้โจ แถมเมื่อทำหนังกันไป เป้ยังได้รู้ความลับบางอย่างที่ถูกซ่อนอยู่ซะอีก แล้วมันจะทำหนังสำเร็จมั้ยเนี่ย?
รีวิวหนัง ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’
แน่นอนว่า ตัวอย่างหนังพาเราให้หลงไปอีกทาง เพราะเรื่องราวข้างในมันมีรายละเอียดที่มากกว่านั้น หนังมันว่าด้วยการเดินทางของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ในความผิดพลาดของตนเอง และเติบโตผ่านประสบการณ์ที่ได้พบเจอผ่านการทำหนังสั้นสักเรื่องหนึ่ง
มนุษย์แต่ละคน ไม่มีใครไม่เคยพลาดผิด อาจพลั้งเพราะสถานการณ์บีบคั้นและพาไป ก่อนจะเก็บความรู้สึกผิดนั้นไปจนวันที่ได้ปลดล็อค แล้วก็ได้รู้ในอีกวันว่า แท้จริงแล้วควรคิดและทำอย่างไร เพื่อจะได้มีชีวิตท่ามกลางเพื่อนฝูง แทนที่จะอยู่อย่างเดียวดายและโดนตราหน้าตลอดไป
ทีนี้วกมาถึงเรื่องที่ถูกเล่าไว้ในหนังกันมั่ง ช่วงต้นของหนังมีความเล่าเร็วที่พอให้เราได้รู้จักเรื่องราวเบื้องหลังของเป้อยู่พอสมควร ที่ทำให้เราได้เห็นชีวิตของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่เคยทำพลาดและพยายามเอาตัวรอดท่ามกลางสถานการณ์บางอย่าง หนังเล่าออกมาด้วยเหตุที่มาที่ไปของการย้ายมาอยู่โรงเรียนปัจจุบัน และทำให้ได้มาเจอกับโจ เพื่อนที่นั่งติดกันได้แค่เดือนเดียวก็จากไป หนังแอบเล่าเรื่องกลิ่น (ที่ชวนให้คิดถึงหนังเกาหลีอย่าง ‘Parasite’ แม้มันจะไม่ใช่ประเด็นเดียวกันก็เหอะ) ที่ทำให้เป้โดนบูลลี่และทำให้สิ่งที่ชั่วร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย
และเพราะเรียนแย่แถมกดดันจากทางบ้าน ก็เลยต้องหาทางเข้ามหา’ลัยแทนที่จะหวังสอบโอเน็ตเอเน็ตอะไรนั่น ยุคสมัยนี้ เขามีหนทางอื่นอย่างการสร้างผลงานหนังสั้นที่ส่งเข้าประกวดแล้วเป็นใบเบิกทางเข้าสู่ระดับอุดมศึกษาได้ด้วยวุ้ย (สมัยเราไม่มีนะ) ซึ่งนั่นก็พาให้เป้ได้พบทั้งโบเก้ เพื่อนสนิทที่แท้จริงของโจ กับก๊วนเนิร์ดหนังที่กลายมาเป็นทีมสร้างหนังสั้นส่งประกวดของเป้
ช่วงเวลาที่ตัวละครช่วยกันสร้างหนังนี่เป็นอะไรที่สนุกและฮาสุดๆ มันมีทั้งบทพูดที่ล้อเลียนคนทำหนังระดับพีคๆ ของโลก มีทั้งการถ่ายทำฉากนั้นฉากนี้แต่พาหัวเราะคิกคัก ถ้ายิ่งเป็นเด็กฟิล์มมาก่อนก็คงเหมือนหนังรำลึกความหลังกันเลยเชียวแหละ
source: GDH
เรื่องราวที่ถูกบอกเล่าแบบ “เบียวฉิบหาย แต่ได้กู” (โดยเฉพาะในครึ่งแรกของหนัง) เรื่องนี้ พาคนดูไปเที่ยวชมมิตรภาพที่อาจก่อเกิดและมอดดับได้เพียงเพราะเหตุบางอย่าง ยิ่งหนังเล่าเรื่องไป ก็ยิ่งกลายเป็นหนังชีวิต ยิ่งเห็นแง่มุมของตัวละครที่มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเซอร์ไพรส์และร้องอ้าวในใจ เมื่อพบกับสิ่งใหม่ที่คาดไม่ถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมสามารถหยิบเอามาเป็นประเด็นให้ขยายความได้อยู่หลายจุด ก่อนที่หนังจะปูไปสู่พาร์ทดราม่าพาน้ำตาริน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับฟูมฟายอะไรขนาดนั้น อย่างน้อยมันก็เจือไว้ด้วยความอบอุ่นแกมให้กำลังใจ
แคสต์นักแสดงก็เป็นอีกจุดที่ทีมงานเลือกมาได้ดี ไม่ค่อยเห็นใครทำอะไรตกหล่น มีตัวละครลับที่ไม่เคยรู้มาเซอร์ไพรส์และกลายเป็นจุดเปลี่ยนของหนังได้อีก แต่ถ้าถามว่าชอบการแสดงของคนไหนที่สุด ก็คงต้อบได้ว่า จั๊มพ์ พิสิฐพล คนที่เล่นเป็นโจนี่แหละ คาแรกเตอร์ในหนังทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนอบอุ่นน่าคบเป็นเพื่อน แถมการแสดงของเขาก็ดูธรรมชาติดีด้วย และนอกจากบทที่ขยี้เก่งแล้ว พาร์ทดนตรีก็ยังทำหน้าที่ส่งเสริมหนังได้อย่างมากใกล้เคียงกับที่เคยรู้สึกกับหนังอย่าง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ เลยแหละ
ดูหนังแล้วพาให้รู้สึกว่า บางทีเราก็เสียเพื่อนดีดีไปเพราะการกระทำและความคิดของเราเอง มันทำให้ได้คิดว่า ก่อนที่เขาจะหายจากเราไปถาวร ในวันที่เรายังมีชีวิตกันอยู่ จงทำดีต่อกันไว้ดีกว่า ดีกว่าต้องมารำลึกถึงกันในวันที่เพื่อนไม่อยู่ให้เรากลับไปคืนดีได้อีกแล้ว
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | เพื่อน(ไม่)สนิท / Not Friends |
กำกับ | อัตตา เหมวดี |
เขียนบท | |
แสดงนำ | อันโทนี่ บุยเซอเรท์, พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ, ธิติยา จิระพรศิลป์, ธนกร ติยานนท์, ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา |
แนว/ประเภท | คอมเมดี้, ดราม่า |
เรท | |
ความยาว | 123 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 26 ตุลาคม 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | เฮาส์ตัน ฟิล์ม แบงค็อก, GDH559 |
คะแนนหนัง เพื่อน(ไม่)สนิท
พล็อตและบท - 8
การแสดง - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
เทคนิคงานภาพ และโปรดักชัน - 7.8
7.8
Not Friends
มันเป็นหนังของการเดินทางตามหาความหมายที่แท้ของคำว่าเพื่อนสนิท ผ่านตัวละครวัยรุ่นที่ทั้งทำพลาด รู้สึกผิด เอาตัวรอด และเรียนรู้ ผ่านเรื่องราวเบียวๆ ในครึ่งแรก ไปสู่เรื่องเรียลๆ และดราม่าในครึ่งท้าย มันมีความเนิร์ดหนังประมาณนึง (แต่ก็ไม่เยอะมากนัก) ที่คอหนังจะขำกลิ้ง เด็กฟิล์มที่ย้อนนึกถึงวันทำหนังกับเพื่อนครั้งแรก ที่ทุกคนจะย้อนนึกถึงเพื่อนที่เคยสูญเสียไป หนังที่ทำให้หัวเราะได้ในวันที่ทำอะไรฮาๆ ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เราน้ำตารินกับความสัมพันธ์ที่ทำหล่นหาย เรียนรู้และเติบโตเรื่องมิตรภาพที่คู่ขนานกันไปกับเรื่องทำหนังสั้น ทำน้ำตาไหลได้ แต่ไม่ฟูมฟายถึงขั้นตับพัง