รีวิวหนัง Paradise พาราไดซ์ | เมื่อเวลาชีวิต เราซื้อขายกันได้

หนังที่ใส่ไอเดียของการทำงานแลกกับอายุนั้นเคยมีมาแล้ว แต่ถ้าโลกนี้มีวิทยาการที่ล้ำหน้า ผู้คนสามารถแบ่งปันอายุให้แก่กันได้ คงเกิดอะไรๆ ตามมาอีกหลายสิ่ง มีหนังจากเยอรมันเรื่องหนึ่งที่ฉายออนไลน์อยู่ในบริการเน็ตฟลิกซ์กำลังบอกเล่าเรื่องที่ดูล้ำๆ แบบนั้นอยู่ นายแพทกำลังพูดถึง ‘Paradise’ กับชื่อไทยเหมือนไม่ต้องตั้งใหม่ ‘พาราไดซ์’ ครับ

หนังเรื่องนี้ เป็นหนังไซไฟจากเยอรมันที่มีฉายทางเน็ตฟลิกซ์ รายชื่อและผู้กำกับก็อาจจะไม่คุ้นตาเท่าที่ควร แต่เมื่อมองดูโดยรวมแล้ว มันก็เข้าท่าไม่หยอกเลยเชียว จนคิดว่า หลังได้ดูจบแล้ว น่าจะหยิบยกมาเขียนถึงให้ได้อ่านกัน หนังเรื่องนี้มีเครดิตผู้กำกับถึง 3 คนด้วยกัน ทั้ง Boris Kunz (ที่ก็ร่วมเขียนบทด้วย), Tomas Jonsgården และ Indre Juskute

หนังที่ว่าด้วยโลกที่มีธุรกิจซื้อขายอายุขัยที่เล่าเรื่องของพนักงานแสนดีที่วันหนึ่งพบว่าเมียถูกบีบให้ขายอายุ

เรื่องย่อหนัง ‘Paradise’

หนังเยอรมันเรื่องนี้ เล่าเรื่องราวของโลกในวันที่ ‘เวลา’ เป็นสิ่งที่ซื้อขายได้ ซึ่งเวลาในที่นี้หมายถึง เวลาในการใช้ชีวิต หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ‘อายุ’ ของคนเรานี่เอง โดยองค์กรธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ชื่อ อีออน (Aeon) เป็นเจ้าของภายใต้การนำของ โซฟี ไธส์เซ่น (Alina Levshin/อาลีนา เลฟชิน) ผู้มีจุดมุ่งหมายที่ไปไกลกว่านั้น เพราะตอนนี้การถ่ายโอนเวลายังทำได้เฉพาะบุคคลที่มีดีเอ็นเอเข้าคู่กันได้เท่านั้น ซึ่งหมายถึง การยืดอายุขัยของมุนษย์ยังมีขีดจำกัด แต่เธอนั้นอยากเห็นมนุษยชาติไร้ซึ่งอายุขัยเลยด้วยซ้ำ

เมื่อมีสินค้าก็ต้องมีพนักงานขาย แม็กซ์ โทม่า (Kostja Ullmann/คอสต์จา อัลล์แมนน์) คือผู้จัดการฝ่ายบริจาค คนที่ทำยอดขายด้วยวาทศิลป์อันยอดเยี่ยมจนทำให้เขากลายเป็นพนักงานดีเด่น แต่เหตุที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพบว่า เอเลน่า โทม่า (Marlene Tanczik/มาลิเนอ ทันชิก) ภรรยาสุดที่รักที่มีอาชีพเป็นหมอ เธอถูกบังคับให้ต้องบริจาคอายุ 40 ปี เพื่อแลกกับหนี้ประกันก้อนโต ทำให้เธอกลายเป็นสาวสูงวัย (Corinna Kirchhoff/โครินน่า เคิร์ชฮอฟฟ์) ไปภายในพริบตา ส่งผลให้เขาไม่มีทางเลือก ต้องหาทางนำอายุและร่างกายที่อ่อนวัยของภรรยากลับคืนมาดังเดิม

รีวิวหนัง ‘พาราไดซ์’

หนังพาเราไปพบกับโลกที่ ‘อายุ’ หรือ ‘เวลาชีวิต’ กลายเป็นสิ่งซื้อขายกันได้ โดยโซฟีคือผู้นำองค์กรธุรกิจอย่างอีออน (ที่ซับไตเติลเขียนว่า เอออน) ที่ใช้เรื่องส่วนตัวมาสร้างเป็นธุรกิจ พวกเขาโปรยไอเดียให้ผู้คนมองเห็นภาพความสวยงามของการบริจาคอายุเพื่อแลกกับเงิน วาดฝันให้กับคนร่ำรวยที่มีเงินมากพอจะซื้อเวลาชีวิตคนอื่นไปเป็นของตัวเอง ว่ามันจะทำให้คนเก่งๆ ได้มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานได้มากขึ้น ทำให้พวกเขายังคงวัยหนุ่มสาวและใช้ชีวิตอยู่บนโลกได้นานขึ้น และสำหรับคนที่ไม่มีเงินทอง นี่ก็ถือเป็นโอกาสทองที่จะสร้างรายได้หรือกระเถิบฐานะของตนได้ภายในชั่วพริบตา

แต่ถ้าคิดไปอีกมุมมองหนึ่ง มันคือการขโมยเวลาของคนจน เพื่อเอาไปให้คนที่ร่ำรวยได้มีเวลาในการใช้ชีวิตหรือเสวยสุขอยู่บนโลกนี้นั่นแหละ

หนังฉายภาพของแม็กซ์ ชายผู้เป็นพนักงานดีเด่น เขาใช้เทคนิคการขายที่ได้ผลเสมอสร้างผลตอบรับที่ยอดเยี่ยม เพื่อหวังก้าวเลื่อนขั้นและมีรายได้สูงขึ้นมา แต่ก็ต้องเผชิญกับการต่อต้านของกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ถึงขนาดต้องเตรียมเสื้อกันฝนมาใส่ก่อนเข้าไปทำงาน เพราะคนพวกนั้นพร้อมขว้างปาสีใส่กันเลยทีเดียว

แม็กซ์ก็คือหนึ่งในฟันเฟืองเล็กๆ ในระบบทุนนิยม เขาทำงานอย่างหนักแม้ต้องแลกกับการทำงานที่หมิ่นเหม่น่าเคลือบแคลง อยู่กับภรรยาบนห้องหรู และคาดหวังจะมีลูกด้วยกัน แต่เขากลับต้องพบว่า บ้านตัวเองถูกไฟไหม้ และภรรยาของเขาเอาอายุตัวเองเป็นหลักค้ำประกัน เงินที่มีไม่พอ ทำให้เหมือนถูกบีบให้ต้องบริจาคเวลาชีวิตเกือบ 40 ปี ส่งผลให้เอลลิกลายเป็นคนแก่ ความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันส่งผลให้ครอบครัวคลอนแคลนหนัก ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่า เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ ใครเป็นคนทำ และอายุขัยที่หายไป 40 ปีนั้นจะตกไปอยู่ที่ใคร

นี่มันหนังที่เล่าเรื่องชนชั้นกลางผู้พยายามถีบตัวเองขึ้นมา หวังจะมีชีวิตที่ดีกว่า แต่ว่าทำงานให้กับนายทุนที่ทำธุรกิจเลวร้าย ดูดกลืนอายุขัยคนจนมาเพื่อป้อนคนรวย กอบโกยเงินมหาศาลไม่พอ ยังกอบเอาความเยาว์วัยเก็บไว้ที่ตัวเองอีกด้วย แล้วคนจน โดยเฉพาะคนไร้โอกาสอย่างกลุ่มผู้อพยพลี้ภัย กลายเป็นแหล่งรายได้ให้กับเอออนดูดกลืน

เมื่อสิ่งที่เขาทำต่อคนอื่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ย้อนกลับมาทำร้ายถึงภรรยาที่รักของเขาเอง เหมือนเป็นบททดสอบทางศีลธรรมอีกครั้ง ที่ตั้งคำถามว่า ธุรกิจสุดล้ำแต่เลวร้ายที่ทำอยู่นั่น ถ้ามันย้อนเข้าตัวเราแล้ว เราจะตอบสนองอย่างไร นอกจากนี้ หนังมันยังเล่าถึงการถือกำเนิดขึ้นของกลุ่มต่อต้านที่หวังสร้างแรงกระเพื่อมที่สำคัญในวันที่คนส่วนใหญ่ยอมถูกกดหัว ไม่กล้าลุกขึ้นแสดงความคิดเห็น

เรื่องราวเดินไปอย่างมีเหตุมีผล มีจุดเซอร์ไพรส์และพลิกผัน ด้วยโครงเรื่องที่ค่อนข้างแข็งแรง แต่ก็เดินไปอย่างไม่รีบร้อนนัก แถมยังก้าวเท่าๆ กันไปตลอดทาง อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไรขนาดนั้น หนังยังคงความน่าสนใจและตั้งคำถามถึงแง่มุมทางศีลธรรมไปจนจบ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง