มีคนพูดถึงซีรีส์พันธุ์ไทยเรื่องนี้หนาหูอยู่พอสมควร จนรู้สึกว่า ต้องเปิดไปดูบ้างแล้ว ซีรีส์ที่ถูกสร้างขึ้นโดย GDH กำกับโดย ณฐพล บุญประกอบ นำแสดงโดย ไอซ์ซึ และ เจนเย่ ทั้งเรื่องราวก็ใกล้เคียงมากมายหลายอย่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในโลกสตาร์ทอัพเมืองไทย ฉะนั้น จึงไม่อาจปฏิเสธตัวเองได้ว่า อยากรู้เรื่องราวและเสพความสนุกในซีรีส์พันธุ์ไทยอย่าง ‘Mad Unicorn’ หรือชื่อไทย ‘สงคราม ส่งด่วน’ กับเขาเหมือนกัน
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์ไทยเรื่องนี้?
ซีรีส์เรื่องใหม่จาก GDH ที่เล่าเรื่องสตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์ที่ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นยูนิคอร์นของเมืองไทย ด้วยแรงบันดาลจากเรื่องจริง นักธุรกิจที่เกิดบนดอย แต่ลุกขึ้นมาสร้างธุรกิจส่งพัสดุด่วน ผ่านอุปสรรคทั้งความยุ่งเหยิงภายในและการแข่งขันเชิงธุรกิจ ทั้งลุ้นมันและพาน้ำตาไหล เฟ้นเลือกเหล่านักแสดงฝีมือดีมาฟาดฟัน ทั้งไอซ์ซึ เจนเย่ พี่เอก-ธเนศ ดร.พลัง รวมทั้งพีชและบี้ KPN ทั้งยังเดินเรื่องได้สนุก จบตอนต้องรู้สึกอย่างรู้ตอนต่อในทันที ดูรวดเดียว 7 ตอนไม่เกินจริง
แต่แม้เรื่องนี้จะหยิบเรื่องจริงมาเป็นแรงบันดาลใจการสร้างบทซีรีส์ แต่มันไม่ได้ตรงกับเรื่องจริงไปซะทั้งหมดหรอกนะ
เรื่องย่อซีรีส์ ‘สงคราม ส่งด่วน’
มันเป็นเรื่องราวของ สันติ แช่ลี (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ จากหนัง ‘วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ One for the Road’ และซีรีส์ ‘Delete’) ชายหนุ่มที่เคยเป็นเด็กดอยผู้มีแม่เป็นครูสอนภาษาจีน หลังทำงานในเหมืองทรายที่ลำปาง เขาก็มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเพื่อทำฝันให้เป็นจริง ฝันอย่างการเป็นคนร่ำรวยและพาแม่มาอยู่ด้วยกัน
แต่หนทางของการก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทยในโลกของการส่งพัสดุด่วนของสันติ ต้องพบเจอกับอุปสรรคหลายอย่าง เขาได้พบกับ คณิน (เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ จากหนัง ‘Bad Genius ฉลาดเกมส์โกง’) เจ้าสัวใจหินคนที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจส่งด่วน แต่ก็ทำให้เส้นทางของเขาเต็มไปด้วยขวากหนาม
การที่เขาได้ผู้ร่วมเดินทางที่ดีอย่าง เสี่ยวหยู (เจนเย่-เมธิกา จีรนรภัทร จากซีรีส์ ‘The Gift นักเรียนพลังกิฟต์’) นักการเงินผู้มีไหวพริบเฉียบแหลม และรุ่ยเจี๋ย (ดร.พลัง โลกศิลป์) อัจฉริยะด้านการเขียนโค้ดผู้มีบุคลิกต่อต้านสังคม ทำให้ความฝันของสันติเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกขณะ
รีวิวซีรีส์ ‘สงคราม ส่งด่วน’
ซีรีส์ไทยในเน็ตฟลิกซ์ความยาว 7 ตอนเรื่องนี้ กำกับโดย ไก่-ณฐพล บุญประกอบ ผู้มีผลงานให้เราประจักษ์แล้ว ตั้งแต่การกำกับหนังสารคดี ‘2,115 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว’ และ ‘เอหิปัสสิโก’ การเขียนบทหนัง ‘‘วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ One for the Road’ และ ‘SuckSeed ห่วยขั้นเทพ’ การันตีได้ว่า งานของเขามีความเข้มข้นทั้งในด้านบทและการกำกับนักแสดง
เรื่องราวในนั้น มันเล่าถึงคนที่เกิดในพื้นที่โอกาสต่ำ ฐานะที่ยากจน การศึกษาน้อย อยู่ในสังคมที่ชักพาไปทางเลวร้ายได้ง่าย แต่กลับเป็นต้นไม้ที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางผืนทราย สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยหัวคิดด้านการค้าที่โดดเด่น เอาจริงๆ ก็ทึ่งอยู่นะที่พระเอกของเรื่องก้าวมาถึงขนาดนี้ เพราะความเป็นคนช่างสังเกตและมองเห็นช่องทางทำกินอยู่เสมอนั่นแหละมั้ง ที่พาเขาขึ้นมาถึงจุดนี้ได้
ในระหว่างทาง อาจเพราะเกิดมาในที่แร้นแค้นจึงมีแรงผลักดันภายในมากเป็นพิเศษ เขากลายเป็นคนคิดวิธีหาเงินได้เก่ง แต่ก็เป็นพวกหุนหันพลันแล่น ไม่คิดหน้าคิดหลังในบางที จนทำให้เขาต้องพบกับบทเรียนบ่อยครั้ง กว่าจะกลายเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ เขาต้องเผชิญทั้งการทรยศหักหลัง และการแข่งขันในเชิงธุรกิจที่ดุเดือด ไม่ว่าจะด้วยเพราะความวู่วามของตนเอง หรือความด้อยประสบการณ์ หรืออะไรก็ตาม
แต่บทซีรีส์ก็ไม่ได้มีแต่เรื่องธุรกิจ หากยังใส่เรื่องความรักความสัมพันธ์เข้ามาด้วย บทเขียนให้เสี่ยวหยู หญิงสาวนักธุรกิจจากจีนที่มีปัญหา ต้องหาเงินก้อนใหญ่ไปใช้หนี้ให้ผู้เป็นพ่อ จนจำเป็นต้องยอมเลื่อนการแต่งงานเพื่อมาเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจสตาร์ทอัพในไทยให้สำเร็จภายในระยะเวลา ความห่างของระยะทางอาจทำให้เสี่ยวหยูต้องหวั่นไหวไปกับสันติ คนดูอย่างเราก็คงรอดูว่า สุดท้ายแล้วเรื่องราวมันจะจบอย่างไร ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากที่คาดเท่าไหร่นัก
ขณะเสี่ยวหยูเป็นเหมือนผ้าเบรกให้กับธุรกิจส่งด่วน เพราะการเงินเป็นเครื่องจักรสำคัญในการดำเนินธุรกิจส่งด่วนไม่ต่างไปจากเทคโนโลยี เธอมักต้องปะทะกับอัจฉริยะเขียนโค้ดอย่างรุ่ยเจี๋ยที่ค่อนข้างหยาบกระด้างและขวางโลก แต่บทก็ให้คนดูได้เห็นอีกด้านของรุ่ยเจี๋ย ว่าคนที่มีพฤติกรรมต่อต้านสังคมจะทำอะไรที่คำนึงถึงจิตใจคนอื่นไปได้ นอกจากนั้นก็ยังได้เห็นน้ำตาของ 3 แกนนำของ Thunder Express ที่ทำให้เห็นว่า คนทำธุรกิจสตาร์ทอัพคงต้องผ่านอะไรพวกนี้แหละนะ
อ่อ นอกจากคนดูจะได้เจอกับ พีช พัชร (จากหนัง ‘Top Secret วัยรุ่นพันล้าน’) ในบทเคน ลูกชายเจ้าสัวคนินที่มือไม่ถึงแต่เก่งกลั่นแกล้งคู่แข่ง ก็จะได้เห็นผลงานของ ธรรศภาคย์ แซ่ชี หรือ บี้ KPN ในบทเลียม แฟนหนุ่มสุดหล่อของเสี่ยวหยู ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีแต่คนพูดจีนใส่กัน คนไทยต้องอ่านซับไตเติล จนนึกว่าดูซีรีส์จีนอยู่ซะงั้น อีกอย่างเลย ต้องชื่นชม ไอซ์ซึ ที่เรียนภาษาจีนภายใน 3 เดือนแต่สามารถพูดได้คล่องและแสดงอารมณ์ไปพร้อมกันได้ดี
ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลจากเรื่องจริงของผู้ก่อตั้ง Flash Express จึงมีหลายภาคส่วนที่ตรงกันกับเรื่องจริง ตัวละครอย่างรุ่ยเจี๋ยที่มีตัวตนจริงแม้คนละชื่อ การถูกกลั่นแกล้งบางข้อที่เกิดขึ้นจริง แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า มันไม่ได้ตรงกับเรื่องจริงไปเสียทั้งหมด หลายคนอาจนั่งสนใจว่าบางตัวละครคือใครในเรื่องจริง ซึ่งต้องบอกว่า มันอาจไม่ใช่อย่างที่คิดก็ได้
โดยรวม ซีรีส์มันก็เล่าถึงการรวมตัวกันของ 3 หนุ่มสาวเพื่อก่อร่างสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจนกลายเป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทย โดยที่คนหนึ่งเป็นหัวหน้าการเงิน อีกคนคุมด้านเทคและไอที และอีกคนเป็นซีอีโอคุมภาพรวมแต่ลงไปลุยกับลูกน้อง แถมยังทำตัวเข้าถึงง่ายอีกต่างหาก
เป็นซีรีส์ที่เดินเรื่องได้สนุก น่าติดตาม จบแต่ละตอนด้วยฉากฉุดให้คนดูอยากรู้ต่อ คงไม่แปลกอะไรถ้าจะมีคนมากมายไม่ยอมหลับยอมนอน และดูรวดเดียวจบ เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | สงคราม ส่งด่วน / Mad Unicorn |
ผู้กำกับ | ณฐพล บุญประกอบ |
ผู้เขียนบท | ณฐพล บุญประกอบ, ธ หาญทวีวัฒนา, วสุธร ปิยารมณ์, ทศพล ทิพทินกร, ภัทรนาถ พิบูลสวัสดิ์ |
นักแสดง | ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, เจนเย่ เมธิกา จีรนรภัทร, ดร.พลัง โลกศิลป์, พีช พชร จิราธิวัฒน์, ธรรศภาคย์ แซ่ชี |
แนว/ประเภท | ดราม่า |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 7 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 29 พฤษภาคม 2025 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | GDH 559 |