ช่วงนี้ มีแต่หนังดีๆ หนังที่เข้าชิงออสการ์พาเหรดเข้าโรงในไทยกันเป็นว่าเล่น วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมจะได้พบกับหนังชิงออสการ์อีกเรื่อง แถมยังเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเพราะ ‘The Danish Girl’ สร้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับสองศิลปินนักวาดภาพ Lili Elbe และ Gerda Wegener ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ David Ebershoff สู่ภาพยนตร์ฟอร์มคุณภาพโดยผู้กำกับ Tom Hooper ผู้มีเครดิตมาจาก ‘Les Misérables’ (2012) และ ‘The King’s Speech’ (2010)
เรื่องราวของชายผู้ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศโดยสมบูรณ์คนแรกของโลกรายนี้ ถูกถ่ายทอดโดยสองดารานำที่เปี่ยมคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น Eddie Redmayne ผู้สวมบทลิลี่ และ Alicia Vikander ผู้สวมบทเป็นเกอร์ด้า หนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงบนเวทีออสการ์ถึง 4 รางวัลด้วยกัน คือ นำชาย, สมทบหญิง, โปรดักชั่นดีไซน์ และออกแบบเสื้อผ้ายอดเยี่ยม
จึงเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ควรค่าน่าดูไม่น้อยเลยครับ
เรื่องย่อหนัง ‘The Danish Girl’
เรื่องที่ย้อนไปในปี 1926 ชายหญิงนักวาดภาพคู่หนึ่งแต่งงานอยู่กินกันมานานหลายปี ยังไม่เคยมีบุตรด้วยกัน และงานวาดของพวกเขายังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ใจฝันนัก หากทุกอย่างกำลังสะดุดเพราะเหตุการณ์เล็กๆ เหตุหนึ่ง
เมื่อเกอร์ด้า ภรรยาขอให้ไอนาร์สามีของเธอช่วยสวมเสื้อผ้าหญิงเพื่อเป็นแบบให้กับภาพวาดของเธอ ไอนาร์ก็ทำมันโดยไม่อิดออด แต่มันกลับกลายเป็นต้นกำเนิดที่จุดประกายให้เขารู้จักอีกด้านหนึ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างในมาเนิ่นนาน
เกอร์ด้า แม้เธอต้องเสียใจมากมายแค่ไหน แต่ความรักในตัวสามี เธอจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา สามีของเธอที่กำลังจะตายจากไป เพื่อให้ตัวตนข้างในได้ออกมาทำงานอย่างเต็มตัว ‘ไอนาร์’ สามีผู้ที่ข้างในคือ ‘ลิลี่’ เธอจะทำยังไง เมื่อสามีของเธอยืนยันแน่นหนักว่า…
ตอนเขาเกิด เขามีความฝักใฝ่ในความเป็นหญิงติดตัวมาด้วย
รีวิวหนัง ‘The Danish Girl’
หนังที่ประหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้คนข้ามเพศทุกคนบนโลกนี้ได้รับรู้ว่า ก่อนหน้าที่โลกจะยอมรับคนข้ามเพศได้ขนาดนี้ ก่อนที่การแพทย์จะรุดหน้าสร้างคนข้ามเพศได้มากมายขนาดนี้ โลกเคยผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากของการข้ามไปสู่อีกเพศมาก่อน และเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับคนเดนมาร์ก และสถานที่เกิดเหตุคือ นครปารีส
‘ไอนาร์’ ผู้ชายที่เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นผู้หญิง
จริงๆ แล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นหนังก็พยายามจะเปิดเผยให้เราเห็นอยู่ในทีว่าผู้ชายอย่าง ไอนาร์ เวเกเนอร์ มีพฤติกรรมเยี่ยงไร คือ เขามีความชอบในบางสิ่งที่ดู “หญิง” กว่าพยาธิสภาพของตนเป็นทุนอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกอร์ด้าหยิบชุดผู้หญิงให้เขาใส่ต่างหากที่จุดชนวนให้เขาได้รู้ตัวเอง
หลังจากนั้น มันก็เหมือนจะกู่กันไม่กลับ
ไอนาร์และเกอร์ด้านึกสนุก ที่จะไปงานเลี้ยง งานแสดงศิลปะ ด้วยการแต่งเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นผู้หญิง การเปลี่ยนตัวตนต่อสายตาคนอื่นครั้งนี้ ทำให้ไอนาร์ในคราบของ ‘ลิลี่’ เผลอไปจูบกับผู้ชายเข้า ทุกอย่างเริ่มเลยเถิด
นับวัน ลิลี่ยิ่งมีบทบาทมากขึ้น และไอนาร์กำลังจะตายจากไป
เกอร์ด้า เธอคือ ‘ภรรยาที่สตรองที่สุด’
Eddie Redmayne สวมบทบาทของไอนาร์ที่อยากจะเป็นลิลี่ได้อย่างเข้าถึง จนบางที มันอาจจะเข้าถึงมากเกินไปด้วยซ้ำ ผมไม่อยากจะบอกเลยว่า ผมรู้สึกว่าเอ็ดดี้พยายามจะใส่จริตจก้านมากจนล้น ผมจึงให้น้ำหนักกับความสตรองของฝ่ายเกอร์ด้าที่รับบทโดย Alicia Vikander เธอแสดงได้น่าสงสาร ไม่ล้น แถมยังสวยคมน่ามอง จนแทบจะหมั่นไส้ไอนาร์ไปเลยทีเดียวที่มีเมียสวยแต่กลับทิ้งขว้างเช่นนี้
ความเปลี่ยนแปลงในตัวสามีสร้างความลำบากใจให้กับผู้เป็นภรรยาอย่างยิ่ง เธอพยายามจะยื้อยึดเอาสามีคนเดิมของตนกลับมา แต่เมื่อรู้ว่ามันคงเกินกำลัง เธอก็สตรองพอที่จะช่วยเหลือให้เขาได้เป็นในสิ่งที่เขาต้องการ แม้ข้างในของเธอจะเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใดก็ตาม
หลายหนที่อดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้ ผมสงสารเกอร์ด้าจับหัวใจ
คนที่เธอรักเขามาหลายปี เพิ่งรู้ตัวว่าอยากเป็นหญิง และตั้งมั่นที่จะไม่กลับไปเป็นไอเนอร์คนเดิมอีก แต่เธอก็ยังมั่นคงที่เป็นแรงกำลังสำคัญที่จะทำให้เขาสมหวัง ช่วยเหลือในทุกๆ ทางทั้งๆ ที่เธอเองก็ต้องอยู่รอดในสายอาชีพของตัวเอง ความว้าเหว่ที่เกาะกินหัวใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมฉันเมียผัวที่ขาดหายไปทำให้เธอเองก็อาจเขวไปบ้างกับชายหนุ่มบางคน
ในหนัง เหมือนว่าลิลี่จะไม่มีญาติมิตรที่ไหนเลย นอกไปจาก Ulla (Amber Heard) ที่รับได้ในความเป็นเขา นั่นอาจทำให้เกอร์ด้าเป็นห่วงเป็นใยในสามีใจหญิงของเขาอย่างมากก็เป็นได้ เพราะด้วยค่านิยมในสมัยนั้น แม้แต่ผู้อยู่ในวงการแพทย์ก็ยังมองความเบี่ยงเบนทางเพศเป็นสิ่งไม่ปกติ
กับชาวบ้านร้านตลาดคงไม่ต้องพูดถึง
‘ลิลี่’ หญิงผู้มองเห็นแต่ตัวเอง
ผมกลับรู้สึกด้วยซ้ำว่า หนังนำเสนอแต่แง่มุมที่ลิลี่อยากจะเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์มากเสียจนมองไม่เห็นหัวใจที่แหลกสลายของภรรยา บางบทสนทนากรีดลึกเข้าไปถึงข้างใน เพราะมันทำให้รู้สึกได้เลยว่า…
เกอร์ด้ายังรักเขาสุดหัวใจ แต่เขามองไม่เห็นมันอีกต่อไปแล้ว
แม้ในบางช่วง เหมือนลิลี่จะนึกถึงเกอร์ด้าอยู่บ้าง อ้อนวอนขอให้เธออยู่ใกล้ๆ ในวันที่ลิลี่ต้องการ แต่ผมก็ยังมองว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวอยู่ดี สุดท้าย ผมก็พบว่าน้ำตาทุกหยดที่เสียไป ผมมีให้กับเกอร์ด้าคนเดียวเท่านั้น
เหตุการณ์ในหนังเรื่องนี้ ทำให้ผมได้คิดว่า…
การได้เป็นตัวเองนั้นก็ประเสริฐมากแล้ว แต่การได้ให้คนที่รักได้เป็นตัวของตัวเองนั้นประเสริฐยิ่งกว่า ‘The Danish Girl’ บอกเราอย่างนั้น
ชื่อภาพยนตร์: The Danish Girl / เดอะ เดนิช เกิร์ล
ผู้กำกับภาพยนตร์: Tom Hooper
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: David Ebershoff (novel), Lucinda Coxon (screenplay)
นักแสดงนำ: Eddie Redmayne, Alicia Vikander, Amber Heard, Adrian Schiller, Emerald Fennell
ดนตรีประกอบ: Alexandre Desplat
ความยาว: 119 นาที
แนว/ประเภท: Biography, Drama, Romance
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 4 กุมภาพันธ์ 2559 (รอบพิเศษ 28 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2559)
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Working Title Films, Artémis Productions, Kvinde Films
คะแนนหนัง เดอะ เดนิช เกิร์ล
The Danish Girl - 8
8
The Danish Girl
หนังนำเสนอแต่แง่มุมที่ลิลี่อยากจะเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์มากเสียจนมองไม่เห็นหัวใจที่แหลกสลายของภรรยา บางบทสนทนากรีดลึกเข้าไปถึงข้างใน เพราะมันทำให้รู้สึกได้เลยว่า เกอร์ด้ายังรักเขาสุดหัวใจ แต่เขามองไม่เห็นมันอีกต่อไปแล้ว
1 คอมเมนต์