บางที หนังบางเรื่อง ก็ได้ดูหลังคนอื่นเขา แล้วก็กลายเป็นว่าพอได้ดูแล้วจะมานั่งเขียน กลับเขียนไม่ทันเพราะมันก็ถึงเวลาไปดูหนังอีกสองสามเรื่องติดกันพอดี ไปๆ มาๆ เลยพบว่า กว่าจะได้เขียน มันก็ผ่านไปหลายวันจนใครๆ เขาก็ดูไปหมดแล้ว น่าเศร้าใจแทน ‘The Hateful Eight’ ยิ่งนัก
หนังคาวบอยวายร้ายทั้งแปดของ Quentin Tarantino ชื่อไทยว่า ‘8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า’ หนังเรื่องที่มีความยาวถึง 3 ชั่วโมงด้วยกัน แถมยังได้เข้าชิงออสการ์ถึง 3 รางวัลอีกต่างหาก
เมื่อได้รู้เช่นนี้แล้ว จะให้หักห้ามใจมิให้ไปดูในโรงได้อย่างใด
เรื่องย่อหนัง ‘The Hateful Eight 8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า’
หลังเหตุสงครามกลางเมืองสิ้นสุด 8 ผู้เหี้ยมโหดที่ต้องมาเจอกัน มันเริ่มมาจากการที่มือแขวนในตำนานอย่าง จอห์น รูธ (Kurt Russell) ต้องพาเดซี่ โดเมอร์กู (Jennifer Jason Leigh) เดินทางไปยังเร้ดร็อกเพื่อให้เธอรับโทษประหารชีวิต ขณะที่เขาซึ่งเป็นนักล่าค่าหัวก็จะได้รับค่าหัวด้วยเช่นกัน เหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องนี้มันคงไม่เกิดขึ้น
ถ้าระหว่างทาง เขาไม่ได้รับใครขึ้นรถม้า และไม่ได้พักที่ร้านมินนี่
เมื่อจอห์น รูธ เจอเข้ากับนักล่าค่าหัวอีกคน ผู้พัน มาร์ควิส วอร์เรน (Samuel L. Jackson) ที่ขอขึ้นรถม้ามาด้วย ไปๆ มาๆ ก็ได้เจอกับ คริส แมนนิกซ์ (Walton Goggins) มือปราบที่กำลังจะไปรับตำแหน่งที่เร้ดร็อกก็ขอติดไปด้วย เหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องนี้มันคงไม่เกิดขึ้น
ถ้าระหว่างทาง พวกเขาไม่ได้พักที่ร้านมินนี่
รีวิวหนัง ‘The Hateful Eight 8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า’
187 นาทีคือความยาวของหนังเรื่องนี้ มันช่างยาวได้ใจเสียนี่กระไร ต้องคอยเตือนตัวเองให้ทานน้ำน้อยๆ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเข้าโรง ผลงานเก่าๆ อย่าง Reservoir Dogs, Pulp Fiction, Kill Bill, Inglourious Basterds, Django Unchained มันคงพอจะทำให้คาดหวังกับ ‘The Hateful Eight 8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า’ อยู่บ้าง และนี่คือสิ่งที่ผมได้จากการดูหนังเรื่องนี้ครับ
ครึ่งแรกคงทำให้หลายคนง่วงเพราะเวิ่นเว้อเกินเหตุ
นับเป็นช่วงเวลาที่ผู้ชมต้องเฝ้าอดทนรอเป็นอย่างยิ่ง เพราะเวลาของหนังผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้าพอๆ กับความเร็วของการเดินเรื่อง ตัวละครเอาแต่พูดคุยจ้อกันอย่างสนุกปาก ทั้งสิ่งที่จำเป็นต่อเรื่องและสิ่งที่ไม่ต้องเอามาใส่ก็ได้
จอห์น รูธ เดินทางมากับ เดซี่ โดเมิร์กู เพื่อไปยังเร้ดร็อกและประหารเดซี่ ระหว่างทางเขารับผู้โดยเพิ่มคนแล้วคนเล่า ก่อนจะรับก็คุยกัน หลังจากรับและเดินทางด้วยรถม้าก็คุยกัน แรกๆ ผมก็ตั้งใจเฝ้าดูการเดินทางและจ้อของพวกเขาดีอยู่หรอก แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ ผมก็พบว่าตัวเองเริ่มจะหาวแล้วหายอีก แต่ก็ยังคงแข็งใจดูมันต่อไป
กว่าจะเริ่มเข้าเรื่องเข้ารูปเข้ารอยก็ตอนที่พวกเขานั่งรถม้ามาจนถึงร้านของมินนี่ ร้านที่ตั้งอยู่กลางหิมะขาวโพลน มีห้องหับรับรองแขกเหรื่อ มีโรงเก็บม้าแยกออกมา มีส้วมหลังเล็กๆ ที่ตั้งห่างออกไป ที่นั่น เราได้พบกับคาวบอยโหดเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน
ตรงนี้แหละที่เรื่องราวเริ่มน่าสนใจขึ้น และผมก็เลิกหาวแล้ว
ครึ่งหลังมันเลือดสาด ผิดจากครึ่งแรกอย่างไม่น่าเชื่อสายตา
และแล้ว เรื่องราวก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น เมื่อ 8 ตัวพิโรธได้มาอยู่ในที่เดียวกัน เมื่ออีกสี่พิโรธรอพวกเขาอยู่ที่นั่น บ็อบ “เม็กซิกันพันธุ์โหด” (Damien Bichir), โจ เกจ “โคบาลชั่ว ฆ่าวัวด้วยมือเปล่า” (Michael Madsen), ออสวอลโด โมเบรย์ “อังกฤษ อสรพิษ” (Tim Roth) และ นายพลแซนฟอร์ด สมิทเธอส์ “นายพลคนอันตราย” (Bruce Dern)
แล้วเรื่องราวที่แสบสันต์นองเลือดกันพลันบังเกิดขึ้น
ด้วยความตัวละครเริ่มจะเยอะ จึงเป็นเรื่องดีที่ส่งผลทำให้เลือกเล่าให้คนดูตามไปในทางที่ต้องการได้ และบางครั้งสิ่งที่เห็นก็อาจจะไม่ได้สิ่งที่ใช่ การนองเลือดแบบจะๆ ที่บางครั้งก็เสียวไส้ บางครั้งก็สะใจ การคาดเดาไปพร้อมๆ กับการติดตามเรื่องราวของผู้ชม จะทำให้หนังดูสนุกขึ้นอย่างทันตาเห็น
น่าเสียดายแค่ไหนที่หนังต้องใช้เวลาเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นยันจบไปถึงเกือบ 3 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่มันก็สามารถจะจบภายในสองชั่วโมงได้ หากไม่มัวมาพูดพร่ำเพรื่ออย่างในครึ่งแรก
แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เควนตินก็ยังคงเป็นเควนตินวันยันค่ำ
ชื่อภาพยนตร์: The Hateful Eight / 8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า
ผู้กำกับภาพยนตร์: Quentin Tarantino
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Quentin Tarantino
นักแสดงนำ: Samuel L. Jackson, Kurt Russell, Jennifer Jason Leigh, Walton Goggins, Demián Bichir, Tim Roth, Michael Madsen, Bruce Dern, James Parks, Dana Gourrier
ความยาว: 187 นาที
แนว/ประเภท: Comedy, Crime, Drama, Mystery, Thriller, Western
อัตราส่วนภาพ: 2.76 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 7 มกราคม 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Double Feature Films, FilmColony, M Pictures
8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า
The Hateful Eight - 7.4
7.4
The Hateful Eight
ด้วยความตัวละครเริ่มจะเยอะ จึงเป็นเรื่องดีที่ส่งผลทำให้เลือกเล่าให้คนดูตามไปในทางที่ต้องการได้ และบางครั้งสิ่งที่เห็นก็อาจจะไม่ได้สิ่งที่ใช่ การนองเลือดแบบจะๆ ที่บางครั้งก็เสียวไส้ บางครั้งก็สะใจ การคาดเดาไปพร้อมๆ กับการติดตามเรื่องราวของผู้ชม จะทำให้หนังดูสนุกขึ้นอย่างทันตาเห็น น่าเสียดายแค่ไหนที่หนังต้องใช้เวลาเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นยันจบไปถึงเกือบ 3 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่มันก็สามารถจะจบภายในสองชั่วโมงได้ หากไม่มัวมาพูดพร่ำเพรื่ออย่างในครึ่งแรก